cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • สล็อตเว็บตรง
Advanced
Sign in Sign up
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • สล็อตเว็บตรง
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Sign in Sign up
Prev
Next
สล็อตเว็บตรง

หมอหญิงพลิกธรรมเนียม - บทที่ 7

  1. Home
  2. All Mangas
  3. หมอหญิงพลิกธรรมเนียม
  4. บทที่ 7
Prev
Next

“คารวะนายท่าน”

“คารวะนายท่าน!”

เสียงทักทายแสดงความเคารพดังมาจากระเบียงวน ทำลายความเงียบสงบภายในห้อง เหยาหลันรีบสาวเท้าออกไป เลิกม่านประตูขึ้น พวกสี่เหมยก็ปรนนิบัตินายหญิงใหญ่กับหลวนอวิ๋นชูลงจากเตียงเตา

เพิ่งจะยืนมั่นต่งกั๋วกงก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ต่งผิงประคองหีบไม้หนานมู่* ที่แกะลายค้างคาวประณีตสวยงามใบหนึ่งเดินตามมาข้างหลัง

เห็นเหยาหลันและหลวนอวิ๋นชูเข้ามาคารวะ ต่งกั๋วกงอึ้งไปชั่วขณะ แล้วหันไปแสดงท่าทีให้ต่งผิงออกไป

“นายท่านกลับมาแล้วก็ไม่ให้ใครมาบอกสักคำ ข้าจะได้ออกไปต้อนรับ” ปรนนิบัติต่งกั๋วกงให้นั่งบนเตียงเตาด้านตะวันออกแล้ว นายหญิงใหญ่ก็รินน้ำชาถ้วยหนึ่งด้วยตนเอง มองหีบไม้หนานมู่ในมือสี่เหมย “นี่เป็นของล้ำค่าอะไรหรือ”

“เอามาให้พวกเจ้าได้เปิดหูเปิดตากัน”

ในน้ำเสียงเจือความตื่นเต้นยินดีอยู่หลายส่วน ต่งกั๋วกงหยิบลูกกุญแจทองแดงออกมาจากแขนเสื้อดอกหนึ่งแล้วเปิดหีบออก

เบื้องหน้าของทุกคนพลันสว่างวาบ ถึงกับเป็นตุ๊กตาขนาดราวสามชุ่น** แปดตัวแลเหลืองอร่ามพร่างพราวระยิบระยับ รูปร่างสมส่วน ใบหน้าอวบอิ่มสดใส สวมกระโปรงยาว คลุมไหล่ด้วยผ้าคลุมลายเมฆมงคลสมปรารถนา ต่างถือเครื่องดนตรีคนละชิ้น บ้างถือขลุ่ย บ้างถือเจิง*** บ้างถือกลอง บ้างถือผีผา**** คล้ายกำลังบรรเลงดนตรี สีหน้าท่าทางคล่องแคล่วปราดเปรียวราวกับมีชีวิต…

“สวรรค์ นี่เป็นหยกมันไก่หยกสีเหลืองชั้นเลิศ เครื่องดนตรีแปดชนิดรวมอยู่ด้วยกัน ไม่พูดถึงฝีมือการแกะสลัก ลำพังหยกอย่างเดียวก็มูลค่าควรเมืองแล้วเจ้าค่ะ” เหยาหลันรับตุ๊กตาหยกจากมือนายหญิงใหญ่มาอย่างระมัดระวัง สองตาเปล่งประกายวิบวับ “หรือว่านี่ก็คือตุ๊กตาหยกเหลืองที่เล่าขานกัน” เห็นต่งกั๋วกงพยักหน้า เหยาหลันก็ทอดถอนใจแล้วว่า “ตุ๊กตาหยกเหลืองเป็นผลงานชิ้นเอกของฉวีฝูจื่อปรมาจารย์เครื่องหยก ได้ยินว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่ตกทอดมาแต่โบราณกาลของแคว้นหลี กระทั่งฝ่าบาทองค์ปัจจุบันก็ไม่แน่ว่าจะเคยเห็น”

พลันนึกอะไรขึ้นได้ เสียงของเหยาหลันขาดห้วนหายไปอย่างฉับพลัน

ถึงกับเป็นสมบัติล้ำค่าของบ้านเมือง

ใครกันมือเติบถึงเพียงนี้

มอบของขวัญให้ผู้อื่นย่อมต้องมีเรื่องขอร้อง คนผู้นี้คิดจะขอให้ต่งกั๋วกงทำอะไรหรือ รับตุ๊กตาหยกมา แม้จะไม่มีความรู้เรื่องหยก แต่ดูจากสีสันความแวววาวและความนวลเนียนยามสัมผัส หลวนอวิ๋นชูก็รู้แล้วว่าที่เหยาหลันพูดไม่ใช่เรื่องเท็จ

มีคำกล่าวว่าคนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก* มือนางแม้ประคองตุ๊กตาหยก แต่ไม่มีความตื่นเต้นดีใจเหมือนเหยาหลันกับต่งกั๋วกง ในใจของหลวนอวิ๋นชูเกิดลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีขึ้นมารำไร

ได้ยินทุกคนวิจารณ์ดวงตาของนายหญิงใหญ่ก็เปล่งประกายขึ้นมา

“ของล้ำค่าเช่นนี้ นายท่านไปได้มาจากที่ใด”

ตุ๊กตาหยกกลับไปอยู่ในมือต่งกั๋วกงอีกครั้ง เขาพลิกดูไปมา ท่าทางชื่นชอบไม่ยอมวางมือ

“ปรมาจารย์ฉวีฝีมือสมคำเล่าลือ ดีที่เหิงจวินมีวิธีการ!”

เหิงจวินคือใคร

ในดวงตาของหลวนอวิ๋นชูปรากฏแววฉงนใจ

นายหญิงใหญ่กลับย่นคิ้ว “เป็นคุณชายเจียงอีกแล้ว! ก็ว่าสิ เขาเป็นคนต่ำช้าที่ชอบฉกฉวยโอกาสเพื่อประโยชน์ส่วนตนคนหนึ่ง…” เสียงขาดห้วนหายไปอย่างฉับพลัน นายหญิงใหญ่กวาดตามองมาที่หลวนอวิ๋นชูกับเหยาหลัน “สายแล้ว พวกเจ้าไปพักผ่อนเถิด”

คิดจะผูกไมตรีกับผู้ใหญ่ คิดจะซื้อสมัครพรรคพวกเป็นของตนเอง คิดจะออกจากจวนไปดำรงชีวิต ทั้งหมดนี้ล้วนหนีไม่พ้นเงิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าไม่อาจปรากฏตัวออกไปทำงานได้ นางในเวลานี้นอกจากท่องเพลงตำรายาจีนได้ไม่กี่บทแล้ว ก็ไม่มีข้อดีอะไรอีก เกรงว่าต่อให้ไปขายศิลปะที่สำนักนางโลมก็ต้องถูกปฏิเสธ ทั้งไม่มีการสนับสนุนจากบ้านเดิม นางจะไปหาเงินได้จากไหน

ครั้นแล้วหลวนอวิ๋นชูก็ทุ่มความสนใจมาที่สิ่งของบนชั้นวาง มีเครื่องหยกของโบราณมากมายเพียงนี้ น่าจะเอาไปแลกเป็นเงินมาได้บ้าง นางยื่นมือไปหยิบแจกันสองหูมาใบหนึ่งพลางครุ่นคิดด้วยความตื่นเต้นดีใจ

หลวนอวิ๋นชูไม่ใช่คนมีความรู้เรื่องเครื่องหยกของโบราณ ถือแจกันสองหูสีเหลืองเจือประกายขาวใบหนึ่ง พลิกไปพลิกมาดูอยู่เป็นนานก็ยังมองอะไรไม่ออก

“ของสิ่งนี้เรียกแจกันงาช้างสองหูแกะสลักเป็นรูปหมู่เซียน”

“งาช้างแกะสลัก? ไม่ใช่หยกหรือ”

แจกันสองหูสีเหลืองเจือประกายสีขาวน้ำนมใบนี้แวววับเป็นเงาวาว ถืออยู่ในมือให้ความรู้สึกนวลเนียนเกลี้ยงเกลาแบบหยก

สี่จวี๋หัวเราะพรืดออกมา “เป็นงาช้างจริงเจ้าค่ะ เพียงแต่ผิวภายนอกได้รับการจัดการมาเป็นพิเศษ มองดูแล้วคล้ายหยก ไม่เพียงท่าน มีคนเข้าใจผิดอยู่เสมอ ตอนคุณชายสี่ยังอยู่ชอบงาช้างเป็นพิเศษ ที่วางอยู่บนนี้ส่วนใหญ่จึงเป็นงาช้าง ท่านดูสิเจ้าคะ กระทั่งกรงนกหกเหลี่ยมที่ข้างหน้าต่างกรงนั้นก็ทำมาจากงาช้าง”

หลวนอวิ๋นชูมองตามนิ้วมือของสี่จวี๋ไปที่ข้างหน้าต่าง นกฮว่าเหมย** สีน้ำตาลตัวหนึ่งกำลังส่งเสียงขับขานไพเราะชวนฟัง

ช่างสุรุ่ยสุร่ายเสียจริง กระทั่งเลี้ยงนกตัวหนึ่งก็ต้องใช้กรงนกมีราคาเช่นนี้ หลายวันมานี้นางมาเล่นกับนกฮว่าเหมยตัวนี้อยู่เสมอ กลับไม่เคยสังเกตว่ากรงนกถึงกับทำมาจากงาช้าง

หลวนอวิ๋นชูส่ายหน้า กรงขังหรูหรามีราคา แต่กลับปิดกั้นอิสรภาพ

“สะใภ้สี่ไม่เชื่อหรือ”

“แจกันนี้มีมูลค่าเป็นเงินมากน้อยเพียงใด”

ฝูหรงและสี่จวี๋ต่างงงงันแล้วสั่นศีรษะ พวกนางไม่รู้จริงๆ

ซิ่วเอ๋อร์พูดขึ้นเบาๆ “ถ้าสะใภ้สี่อยากทราบ บ่าวจะไปตรวจดูที่เรือนสะใภ้ใหญ่เดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”

“ไปตรวจดูที่เรือนพี่สะใภ้ใหญ่?”

ข้าวของของตนเองเหตุใดต้องไปตรวจดูที่เหยาหลัน หลวนอวิ๋นชูมองสาวใช้รุ่นเล็กหน้าตาหมดจดผู้นั้น

“สะใภ้สี่คงไม่รู้ว่าของล้ำค่าบนชั้นวางเหล่านี้ล้วนต้องจดบันทึกไว้ที่สะใภ้ใหญ่ มีกำหนดเวลาสับเปลี่ยนเจ้าค่ะ”

“ของในเรือนข้า เหตุใดต้องจดบันทึกไว้ที่พี่สะใภ้ใหญ่” หลวนอวิ๋นชูย่นคิ้วถาม หรือว่าสิทธิ์ในการใช้ของล้ำค่าเหล่านี้ไม่ใช่ของข้า

“ของเหล่านี้ล้วนเป็นของส่วนกลาง” ซิ่วเอ๋อร์รับแจกันสองหูรูปหมู่เซียนมา วางกลับเข้าที่เดิมอย่างระมัดระวัง “นายท่านกับนายหญิงใหญ่มอบสิ่งของให้อยู่เสมอ ปกติคุณชายสี่ใจกว้าง เห็นจนเบื่อแล้วก็จะยกให้คนอื่นง่ายๆ ส่วนใหญ่เป็นพวกที่ปรึกษาที่เรือนซิงซู่ ของพวกนี้ก็ใช่เจ้าค่ะ คุณชายสี่เพียงต้องการความแปลกใหม่ เห็นเบื่อแล้วก็สับเปลี่ยนชุดใหม่ มีสะใภ้ใหญ่คอยดูแล คุณชายสี่ก็ส่งคืนเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือ นอกจากเรือนสามที่บ่นว่าไม่พอใจ เรือนอื่นเพียงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น”

หลวนอวิ๋นชูรู้สึกผิดหวัง ไม่ต้องสงสัยข้าวของเหล่านี้ล้วนยืมมาวางเพื่อความสวยงามเท่านั้น นางไม่มีสิทธิ์ในการจัดการ

หลวนอวิ๋นชูไม่สนใจสิ่งของบนชั้นวางอีก หันไปหยอกล้อนกฮว่าเหมยแก้เบื่อ นกฮว่าเหมยตัวนี้ถูกขังอยู่ในกรง แต่เหตุใดจึงยังร่าเริงเช่นนี้

“ได้ยินว่าคุณชายสี่ชอบงาช้าง คุณชายเจียงจึงไปหากรงนกงาช้างหกเหลี่ยมกรงนี้มา เอามาให้เมื่อหนึ่งปีก่อน เพราะเลี้ยงนกไว้จึงเอาไว้ที่นี่เจ้าค่ะ” ซิ่วเอ๋อร์ยกอาหารนกกลับมาจานหนึ่ง “คุณชายสามอยากได้กรงนกนี้มาโดยตลอดเลยเจ้าค่ะ สุดท้ายคุณชายเจียงยังไปหาเตางาช้างที่ฝาปิดแกะลายเทาเที่ย* ส่งมาให้คุณชายสี่อีกอย่างหนึ่ง”

สี่จวี๋ขมวดคิ้วแล้วบ่นว่าขึ้นมา

“คุณชายเจียงผู้นี้ความสามารถด้านอื่นไม่มี เพียงเชี่ยวชาญเรื่องใช้เล่ห์เหลี่ยมแสวงหาผลประโยชน์ คุณชายหลายท่านในจวนล้วนถูกเขาผูกมัดจิตใจ ไม่รู้มีเจตนาอะไร”

เพียงเชี่ยวชาญเรื่องใช้เล่ห์เหลี่ยมแสวงหาผลประโยชน์?

คำพูดนี้น้ำเสียงไม่ต่างจากนายหญิงใหญ่ นึกถึงตุ๊กตาหยกเหลืองสมบัติล้ำค่าของชาติที่เพิ่งเห็นมา หลวนอวิ๋นชูก็จิตใจสั่นไหว มือเติบเพียงนี้เห็นชัดว่าไม่ขาดแคลนเงินทอง เจียงเสียนผู้นี้เพราะเหตุใดจึงสมัครใจหลบซ่อนตัวอยู่ในจวนกั๋วกง เป็นเพียงที่ปรึกษาที่ไม่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง

“สะใภ้สี่ต้องอยู่ห่างจากเขาให้มาก” เห็นหลวนอวิ๋นชูให้ความสนใจเจียงเสียน สี่จวี๋ก็ร้อนใจขึ้นมา “คุณชายเจียงผู้นี้อยู่ในเมืองหลวนเฉิงขึ้นชื่อว่าเป็นคนเสเพล ติดสุราเที่ยวหญิงนางโลม ไม่มีความชั่วแบบไหนที่ไม่ทำ คุณชายสามก็เพราะคลุกคลีกับเขา เรือนชิ่นย่วนถึงได้วุ่นวายโกลาหลกันจนไก่บินสุนัขกระโดด* ไม่เว้นแต่ละวัน”

ภายใต้แสงอาทิตย์ เสียงพูดเจื้อยแจ้วน่ารำคาญของสี่จวี๋คล้ายนางยักษ์ตนหนึ่ง ทำให้หลวนอวิ๋นชูรู้สึกขัดตาเป็นพิเศษ นางเอาอาหารนกในมือป้อนให้นกฮว่าเหมย ก่อนรับผ้าเช็ดหน้าที่ฝูหรงยื่นส่งมาให้ เช็ดๆ มือแล้วยิ้มน้อยๆ

“ข้ารู้แล้ว”

เดินเรื่อยเปื่อยมาถึงกลางลาน หลวนอวิ๋นชูตลอดเวลาคิดแต่จะกลับบ้านเดิม ยังไม่เคยพิจารณาดูเรือนแห่งนี้อย่างละเอียด

จากหน้าประตูใหญ่เข้ามา เลี้ยวผ่านห้องเล็กของคนเฝ้าประตู ก็จะเป็นห้องหนังสือส่วนตัวของต่งอ้ายสมัยยังมีชีวิตอยู่ ตัวเรือนหันหน้าไปทางทิศเหนือหันหลังไปทางทิศใต้ มองจากที่ไกลดูสอดประสานกลมกลืนกับเรือนกลางทั้งห้าห้องที่อยู่ด้านหน้าอย่างเหมาะเจาะ ไม่เหมือนเรือนสี่ประสาน** ที่สืบทอดมาแต่โบราณของทางภาคเหนือซึ่งมีห้องข้างด้านตะวันตกห้องข้างด้านตะวันออก ที่เข้ามาแทนที่คือระเบียงทางเดินด้านข้างเส้นหนึ่งที่คดเคี้ยวเชื่อมต่อระหว่างเรือน เวลาฝนตกสามารถเดินไปมาระหว่างห้องหนังสือกับเรือนกลางผ่านระเบียงทางเดินได้

เรือนสองแถวโอบล้อมลานเรือนกว้างใหญ่ ตรงกลางใช้หินศิลาเขียวสร้างเป็นสระน้ำรูปวงรีขนาดเล็กสระหนึ่ง กลางสระมีภูเขาจำลองลูกหนึ่ง ไม่รู้มีสายน้ำไหลตลอดเวลามาจากที่ใด น้ำใสกระจ่างมองเห็นก้นสระ

“หืม…”

หลวนอวิ๋นชูยืนอยู่ข้างสระน้ำ อุทานเบาๆ ออกมาคำหนึ่ง นางเพิ่งสังเกตเห็นว่าในสระน้ำมีหินก้อนเล็กที่ประณีตงดงามดุจหยกปูอยู่ที่พื้นอย่างสม่ำเสมอชั้นหนึ่ง หินเหล่านั้นบ้างก็มีสีขาวบ้างก็มีสีเหลือง มีกระทั่งสีแดงสด คล้ายดังคำกล่าวที่ว่าเชิงเขาตู๋ซาน*** มีหินงาม

หลวนอวิ๋นชูมองก้อนหินที่มีสีสวยสดงดงาม สองตาเปล่งประกายเจิดจ้า ถ้าไม่ใช่ติดที่มีสาวใช้และหญิงรับใช้สูงวัยเดินตามมาด้วยกลุ่มหนึ่ง ถ้าไม่ใช่ติดที่ฐานะและกฎระเบียบอันเข้มงวดของจวนกั๋วกง นางก็อยากกระโดดลงไปเก็บขึ้นมาตรวจสอบดูยิ่งนัก จะใช่หินเลือดไก่**** ที่เล่าขานกันหรือไม่ เอาไปแลกเป็นเงินกลับมาได้หรือไม่

“ตอนคุณชายสี่ยังเล็ก หมอดูบอกดวงชะตาของเขาขาดน้ำ นายท่านจึงสร้างสระน้ำภูเขาจำลองแห่งนี้ขึ้น”

ในแคว้นหลวนภูเขาจำลองหรือสระน้ำโดยทั่วไปจะสร้างไว้ในสวนดอกไม้ที่ลานด้านหลัง ส่วนลานกลางมักจะตั้งพวกอ่างเลี้ยงปลากระถางดอกไม้ เห็นหลวนอวิ๋นชูมองสระน้ำเหม่อลอย สี่จวี๋ก็เข้าใจว่านางคงแปลกใจว่าเหตุใดจึงสร้างสระน้ำไว้ที่ลานกลาง

ฝูหรงกล่าวเสริมขึ้น

“สะใภ้สี่ตั้งแต่เล็กก็มาเที่ยวเล่นที่จวนกั๋วกงบ่อยๆ เรื่องเหล่านี้เดิมท่านรู้อยู่แล้ว…ท่านดู แม้แต่ชื่อของเรือนนี้ก็มีน้ำอยู่ด้วย”

มองตามนิ้วมือของฝูหรงไป หลวนอวิ๋นชูสังเกตเห็นด้านบนของเรือนกลางตรงบริเวณใต้ชายคาบังฝนระหว่างโคมไฟดวงใหญ่สองดวงมีแผ่นป้ายพื้นสีน้ำเงินขอบแกะลายค้างคาวอยู่แผ่นหนึ่ง บนแผ่นป้ายมีตัวอักษรเสี่ยวจ้วนสีทองเจิดจ้าติดอยู่สองตัว

คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินคนเอ่ยถึงว่าเรือนที่นางอยู่คือเรือนลู่ย่วน หลวนอวิ๋นชูแอบเดาว่าตัวอักษรสองตัวนั้นน่าจะเป็นคำว่า ‘ลู่ย่วน’ นางไม่ได้จ้องมองนานนัก สายตาละลงมา ปากประตูซ้ายขวาวางแจกันลายครามท้องกลมคอแคบสูงราวครึ่งจั้ง* คู่หนึ่งไว้อย่างได้สัดส่วนกัน คิดว่าคงต้องการความหมายให้อยู่เย็นเป็นสุข เมื่อพิจารณาดูอย่างละเอียด บนแจกันมีลวดลายทัศนียภาพของภูเขาสายน้ำ มีบทกวีเขียนกำกับอยู่ คิดว่าคงจะเป็นบทกวีเกี่ยวกับน้ำกระมัง

เสียดาย หลวนอวิ๋นชูอ่านไม่ออกแม้แต่ตัวเดียวจึงอดย่นคิ้วไม่ได้ ควรต้องคิดหาหนทางเรียนรู้ตัวอักษรได้แล้ว เพียงแต่ให้ใครสอนจึงจะเหมาะสม

หลวนอวิ๋นชูมองไปที่สาวใช้หลายคน

ว่ากันตามเหตุผล คนสูญเสียความทรงจำ ความเคยชินที่ติดตัวมาแต่เกิดจะไม่เปลี่ยน แต่นางไม่ได้สูญเสียความทรงจำ คำพูดการกระทำอากัปกิริยาย่อมแตกต่างจากบัณฑิตหญิงผู้ยอดเยี่ยมแห่งยุคมาก นางในฐานะคนยุคหลังยิ่งไม่มีความรู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมในสมัยโบราณแม้แต่น้อย หลายวันมานี้แม้จะระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา ลอกเลียนแบบไปเสียทุกเรื่อง แต่ยังคงเผยพิรุธออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มารดาก็เคยตักเตือนชี้แนะ บอกว่าหากแม้แต่ตัวหนังสือนางก็ลืมไปแล้ว เกรงว่าคงจะถูกเข้าใจว่ามีปีศาจร้ายสิงร่างอยู่เป็นแน่

เห็นหลวนอวิ๋นชูมองมาที่ตนคล้ายคิดอะไรอยู่ในใจ ฝูหรงก็ส่งเสียงร้องเรียกเบาๆ

“สะใภ้สี่…”

หลวนอวิ๋นชูพลันได้สติกลับคืนมา และเบนสายตากลับไปที่ป้ายเหนือประตู

“ ‘ลู่’** มีความหมายของน้ำอยู่จริง ชื่อนี้นายท่านก็เป็นคนตั้งหรือ”

ไม่รอให้ฝูหรงเอ่ยปาก สี่จวี๋ก็พูดขึ้น

“เดิมนายท่านตั้งคำว่า ‘เฉียน*** เอาความหมาย ‘เฉียนหลง’ มาจากคัมภีร์อี้จิง**** ตัวอักษรคำว่าเฉียนก็มีตัวอักษรที่หมายถึงน้ำอยู่ด้วย ชดเชยดวงชะตาที่ขาดน้ำของคุณชายสี่ได้พอดี แต่คุณชายสี่ไม่ชอบ บอกคำว่าเฉียนอุปมาเหมือนซ่อนตัวอยู่ในบ่อลึก ทำให้ถูกตัวอักษรตัวนี้กดทับไว้ ไม่มีวันได้เงยหน้าอ้าปาก…จึงดึงดันที่จะเปลี่ยนเป็นคำว่า ‘ลู่’ ในความหมายที่ว่าน้ำค้างรวมตัวกลายเป็นเมฆลอยขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นฝน น้ำค้างรวมตัวกันเป็นน้ำค้างแข็ง”

เรือนลู่ย่วนก็เหมือนกับน้ำค้างยามเช้า ไม่คงทนยาวนาน ต่งอ้าย ตอนนั้นที่ท่านตั้งชื่อนี้เพียงเพราะอยากจะโดดเด่นกว่าคนอื่น แต่เคยคิดหรือไม่ ชีวิตของท่านก็คล้ายกับน้ำค้างยามเช้า วันเวลาที่เหลืออยู่ไม่ยาวนานแล้ว

สายตาระผ่านกระเบื้องเคลือบงามหรูหราบนระเบียง หลวนอวิ๋นชูปลงอนิจจังไปร้อยแปดอย่าง

ตรงสุดปลายระเบียงทางเดินมีประตูที่ทะลุไปสู่ลานด้านหลัง ซิ่วเอ๋อร์สาวเท้าเร็วๆ ขึ้นมาเปิดประตูให้หลวนอวิ๋นชู ภาพเบื้องหน้านางพลันสว่างจ้า ไกลออกไปมีสระน้ำลึกที่น้ำเป็นสีเขียวใสแห่งหนึ่ง ข้างสระน้ำเป็นป่าไผ่ผืนหนึ่ง ทางใต้อากาศอบอุ่นเร็ว แม้จะเพิ่งย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ แต่เมื่อทอดสายตามองไปไกลๆ ก็จะเห็นความเขียวขจีไปทั้งผืน ฤดูใบไม้ผลิช่วงเดือนสองต้นหญ้าที่เพิ่งผลิใบออกมากับสายน้ำล้วนมีสีเขียวเหมือนกัน

เฮ้อ ต่งกั๋วกงผู้นี้ช่างมีความตั้งอกตั้งใจเสียจริง ข้างหน้าก็เป็นน้ำ ข้างหลังก็เป็นน้ำ ไม่กลัวว่าน้ำมากเกินไปจนจะท่วมคนตายหรือ หลวนอวิ๋นชูมองระลอกคลื่นสีเขียวที่กระเพื่อมไหวในสระน้ำแล้วยิ้มออกมาบางๆ

“เรือนแถวทางด้านตะวันตกนั้นเป็นห้องครัวเล็ก โรงโม่ กับห้องเก็บของ ทางด้านตะวันออกคือสถานที่ที่บ่าวไพร่ทั้งหลายพักอาศัย” ซิ่วเอ๋อร์ชี้ไปที่เรือนข้างสองแถวด้านตะวันตกและด้านตะวันออกพลางอธิบาย

“โรงโม่?”

นางเป็นคนในยุคปัจจุบันที่เติบโตขึ้นมาในเมืองใหญ่ ยังจินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่าโรงโม่ในยุคสมัยโบราณมีหน้าตาเป็นอย่างไร

“ใช่เจ้าค่ะ คุณชายสี่ชอบกินเต้าหู้สดใหม่นุ่มลื่น เต้าหู้ที่ส่งมาจากครัวใหญ่ถ้าไม่เย็น ก็ไม่สดใหม่แล้ว นายหญิงใหญ่จึงตั้งโม่เล็กไว้ที่นี่โม่หนึ่งเพื่อโม่เต้าหู้ให้คุณชายสี่โดยเฉพาะ ส่วนพวกข้าวและหมี่ยังคงให้ครัวใหญ่โม่เสร็จแล้วส่งมา”

บอกว่าเป็นโม่เล็ก แต่ความจริงแล้วก็ไม่เล็ก หินศิลาเขียวทรงกระบอกสองก้อนที่แกะร่องให้เป็นทางน้ำไหลวางซ้อนกันบนล่างนี้ ถ้าจะบดถั่วเหลืองเพื่อทำเต้าหู้เพียงชามเดียว เกรงว่าปริมาณถั่วคงน้อยจนไม่พอจะไหลออกมาตรงร่องที่ใหญ่นี้ด้วยซ้ำ หลวนอวิ๋นชูมองโม่หินที่ตั้งอยู่กลางพื้นแล้วอดทอดถอนใจไม่ได้

แม้จะไม่ใช่ของมีราคาอะไร แต่เอาโม่หินโม่หนึ่งมาตั้งไว้ที่นี่เพียงเพื่อให้ต่งอ้ายได้กินอาหารที่ถูกปากเป็นบางครั้งบางคราว ถ้าเอาไปไว้บ้านชาวบ้านทั่วไปเกรงว่าต้องสิ้นเปลืองเงินไปหาถั่วมามากๆ เพื่อจะโม่สักครั้ง คงไม่คุ้มค่าและเสียเวลาด้วยซ้ำ นี่เห็นชัดถึงความรักที่นายหญิงใหญ่มีต่อต่งอ้าย

ทุกสิ่งทุกอย่างในเรือนลู่ย่วนไม่มีสิ่งไหนไม่บ่งบอกถึงความเป็นที่โปรดปรานของต่งอ้ายยามมีชีวิตอยู่ นึกถึงใบหน้าที่ค่อยๆ ซูบเซียวลงของนายหญิงใหญ่ หลวนอวิ๋นชูก็พอเข้าใจถึงความเจ็บปวดและความเศร้ารันทดของนายหญิงใหญ่ที่ต้องมาสูญเสียบุตรชายในช่วงวัยกลางคน

แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่นางก็ยังมีความเศร้าอาดูรบางๆ ปกคลุมอยู่ในใจต่อการจากไปตั้งแต่อายุยังน้อยของต่งอ้าย

ออกจากโรงโม่ หลวนอวิ๋นชูก็เดินไปตามเส้นทางเล็กๆ ปูด้วยเศษหินที่คดเคี้ยวเงียบวิเวก นางเดินลึกเข้าไปทางป่าไผ่

“ด้านหลังป่าไผ่เป็นสวนดอกไม้” ซิ่วเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้า “ในนั้นมีดอกไม้แปลกๆ มากมาย บ่าวเองก็ไม่รู้จัก คุณชายสี่รักและทะนุถนอมที่นี่ยิ่ง ปกติจะห้ามเข้า”

“อ้อ…”

หลวนอวิ๋นชูผงกศีรษะ แต่เท้ากลับไม่ได้หยุด นางเป็นเจ้านาย ‘ห้ามเข้า’ ไม่มีผลต่อนาง

“เพิ่งเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ สวนดอกไม้ยังไม่มีอะไรน่าดูหรอกเจ้าค่ะ” สี่จวี๋แลกเปลี่ยนสายตาเป็นนัยกับสี่หลัน แล้วรีบสาวเท้าขึ้นมาประคองหลวนอวิ๋นชู “ท่านก็เหน็ดเหนื่อยแล้ว ไม่สู้วันนี้พอแค่นี้ก่อน รอดอกไม้ผลิบานแล้ว บ่าวค่อยมาเป็นเพื่อนท่าน”

สี่จวี๋สี่หลันแตกต่างจากซิ่วเอ๋อร์ ทั้งสองคนสวมหมวกเป็นผู้ควบคุม ไม่อาจทำเมินเฉยต่อพวกนางเกินไป เกิดไม่พอใจขึ้นมาแล้วพวกนางแต่งเรื่องเหลวไหลไปฟ้องนายหญิงใหญ่ล่ะก็ ตนเองจะได้รับรองเท้าเล็ก* รูปแบบต่างๆ กองโตในทันที

คิดมาถึงตรงนี้ หลวนอวิ๋นชูหมุนตัวมาก็เห็นสี่หลันกำลังส่งสายตาให้สี่จวี๋อยู่เงียบๆ พอดี เมื่อเห็นนางมองมาก็รีบเปลี่ยนสีหน้า ยืนอยู่กับที่อย่างนอบน้อม

คำพูดบอกให้กลับเรือนค้างอยู่ที่ลำคอ หลวนอวิ๋นชูไม่ชอบความรู้สึกถูกคนวางแผนเล่นงาน นางให้เกียรติสี่หลันสี่จวี๋ว่าเป็นคนของนายหญิงใหญ่ แต่ขีดต่ำสุดก็แค่ไปกล่าวรายงาน ไม่อาจปล่อยให้รวมหัวกันมาบังคับควบคุมนางเช่นนี้เป็นอันขาด

หลวนอวิ๋นชูคลี่ยิ้มสนิทสนมดุจสายลมในฤดูใบไม้ผลิ เอ่ยเสียงนุ่มนวล

“ยังเช้าอยู่เลย เข้าไปดูสักหน่อยเถอะ ไม่ใช่พอคุณชายสี่ไม่อยู่แล้ว กระทั่งสวนดอกไม้ก็ปล่อยให้รกร้าง”

น้ำเสียงคล้ายปรึกษาหารือ ทว่าฝีเท้ากลับไม่มีทีท่าว่าจะปรึกษาหารือ

“สะใภ้สี่…” เห็นหลวนอวิ๋นชูดึงดันจะเข้าไป สี่จวี๋พูดด้วยความร้อนใจ “ท่านวางใจ แม้จะบอกว่าเพิ่งย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ แต่ทางใต้ดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงเร็ว สวนดอกไม้แห่งนี้วางแผนการจัดการไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่รกร้างแน่นอน”

แม้สี่จวี๋เองก็ไม่เคยเห็นว่าสวนดอกไม้ที่อยู่ข้างหน้าหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ก่อนจะมาอยู่เรือนลู่ย่วนนายท่านได้เรียกนางไปพบเป็นกรณีพิเศษ สั่งกำชับแล้วกำชับอีก บอกที่ด้านหลังเรือนลู่ย่วนมีสวนดอกไม้อยู่แห่งหนึ่ง เป็นสวนดอกไม้ที่คุณชายสี่รักมากที่สุด ระวังอย่าให้คนเข้าไปเหยียบย่ำ รวมถึงสะใภ้สี่ผู้นี้ ไม่มีธุระอะไรก็อย่าไปเดินเล่นที่นั่น

เวลานี้หลวนอวิ๋นชูดึงดันโดยไม่ฟังเสียงใครจะได้อย่างไร

สี่จวี๋เข้าไปขวางตรงกลางทางเสียเลย “สะใภ้สี่ ท่านดูตะวันยามนี้”

หลวนอวิ๋นชูเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

“ตะวันยามนี้กำลังอบอุ่น ฤดูใบไม้ผลิช่วงเดือนสอง ใกล้จะถึงช่วงเดินเล่นรับฤดูใบไม้ผลิ** แล้ว…”

ตอนแรกเพียงเพราะไม่พอใจบ่าวสองคนนี้ถึงได้อวดลำพองตน แต่ท่าทางตื่นเต้นผิดปกติของสี่จวี๋ทำให้หลวนอวิ๋นชูเกิดความอยากรู้อยากเห็นต่อสวนดอกไม้ที่อยู่ข้างหน้าขึ้นมาอย่างมาก

สี่จวี๋ก็มองท้องฟ้าตามสายตาของนาง หลวนอวิ๋นชูฉวยโอกาสนี้เดินเฉียดผ่านข้างกายสี่จวี๋ไปเงียบๆ

สี่จวี๋มองตามแผ่นหลังอรชรอ้อนแอ้นไปอย่างหมดแรง นางมีท่าทีงุนงง ฝูหรงลังเลอยู่ชั่วขณะ แล้วเดินอ้อมสี่จวี๋ไล่ตามผู้เป็นนายไป

ซิ่วเอ๋อร์มองแผ่นหลังหลวนอวิ๋นชูแล้วหันมามองสี่จวี๋ ไม่ว่าคนไหนนางก็ไม่อาจล่วงเกิน ซิ่วเอ๋อร์ร้อนใจเหงื่อเย็นชุ่มศีรษะ แต่ไม่กล้าทำอย่างฝูหรงที่เดินผ่านสี่จวี๋แล้วไล่ตามไป

เดินมาได้สิบกว่าจั้งหลวนอวิ๋นชูที่ประสาทสัมผัสทั้งหกดีเป็นพิเศษก็ฟังออกว่าแม้แต่ซิ่วเอ๋อร์ก็ไม่ได้ตามมา ในใจอดรู้สึกหนาวสะท้านไม่ได้

ยังดีนายหญิงใหญ่รับปากจะซื้อสาวใช้ให้นางแล้ว หาไม่นางคงต้องกลายเป็นผู้บัญชาการที่ไม่มีกองกำลังทหารอยู่ในมือไปจริงๆ แล้ว

เดินต่อไปอีกหลายก้าวจึงได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ มาจากด้านหลัง หลวนอวิ๋นชูมุมปากหยักโค้ง

บ่าว…จะอย่างไรก็คือบ่าว

* หนานมู่ เป็นไม้ยืนต้น เขียวตลอดปี ใบรูปกลมรี ด้านหน้าเป็นเงาวาว ด้านหลังมีขนอ่อน ดอกเป็นสีเขียว เนื้อไม้ละเอียดแน่น มีราคาแพง มักใช้ปลูกสร้าง ทำเครื่องเรือน และต่อเรือ พบมากในมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) และอวิ๋นหนาน (ยูนนาน)

** ชุ่น เป็นหน่วยมาตราวัดของจีนสมัยโบราณ เทียบความยาวประมาณ 1 นิ้ว

*** เจิง เครื่องดนตรีโบราณประเภทสายของจีน เดิมมี 13 สายถึง 16 สาย ปัจจุบันมี 18 สายถึง 21 สาย

**** ผีผา เป็นเครื่องดนตรีจีนประเภทเครื่องดีด 4 สาย จำพวกเดียวกับกีตาร์ ทำจากไม้ รูปทรงเลียนอย่างลูกผีผา (มะปรางจีน)

* คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก หมายถึงการพกพาสิ่งล้ำค่า สวมเครื่องประดับนำมาซึ่งภัยแก่ตัว ภายหลังยังหมายถึงคนที่มีความรู้มีอุดมการณ์ทำให้มีภัยมาถึงตัวได้

** นกฮว่าเหมยหรือนกกะรางจีน (Garrulax canorus) เป็นนกเกาะคอนประเภทหนึ่ง ลำตัวสีน้ำตาล ท้องสีขาวอมเทา หัวและหลังมีลายสีน้ำตาลปนดำ ขอบตาสีขาว เสียงร้องไพเราะ ชื่อแปลว่าเขียนคิ้ว เพราะมีลักษณะเด่นคือบริเวณดวงตาซึ่งวาดเฉียงขึ้นไปจะมีสีที่สวยเด่นกว่าส่วนอื่น คล้ายกับคนเขียนคิ้วและทาตา

* เทาเที่ย เป็นสัตว์ในตำนานของจีน รูปร่างหน้าตาเป็นมังกรผสมหมาป่า เป็นตัวแทนของความตะกละตะกลาม นิยมนำมาแกะเป็นลวดลายบนกระถางและจอกสุรา

* ไก่บินสุนัขกระโดด เป็นสำนวน หมายถึงสถานการณ์แตกตื่นโกลาหล

** เรือนสี่ประสาน หรือซื่อเหอย่วน เป็นรูปแบบการจัดเรียงเรือนหมู่ของชาวจีนสมัยโบราณที่มีส่วนลานกว้างตรงกลาง ล้อมรอบด้วยอาคารที่หันหน้าเข้าหาลานทั้งสี่ด้าน

*** เขาตู๋ซาน เป็นแหล่งผลิตหยกที่มีชื่อเสียงของจีน ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองหนานหยาง มณฑลเหอหนาน

**** หินเลือดไก่ เป็นหินที่มีส่วนผสมของชาดอยู่ในเนื้อหิน พบมากในมณฑลเจ้อเจียงและเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน นิยมนำมาทำเป็นตราประทับและแกะสลักลวดลาย

* จั้ง เป็นหน่วยมาตราวัดของจีน เทียบได้ระยะประมาณ 3.33 เมตร

** ตัวอักษรลู่ (露) นอกจากแปลว่าน้ำค้างแล้ว ยังแปลว่าปรากฏออกมา แสดงออกมาอีกด้วย

*** ตัวอักษรเฉียน (潜 ) มีความหมายว่าซุ่มซ่อน โดยในตัวอักษรมีหยดน้ำสามหยดประกอบอยู่ด้วย ดังนั้นคำว่า ‘เฉียนหลง’ จึงมีความหมายว่ามังกรซ่อนตัว

**** อี้จิง หรือคัมภีร์พยากรณ์ หนึ่งในคัมภีร์สำคัญของสำนักขงจื่อ (ขงจื๊อ) สะท้อนแนวคิดของการเปลี่ยนแปลงผ่านตำราการทำนายดวงชะตา เนื้อหาตอนหนึ่งพูดถึง ‘มังกรซ่อนตัวอยู่ในบ่อลึก’ หมายความว่าชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง ยามตกต่ำไม่ควรหลงทาง แต่ควรเตรียมพร้อมไว้เสมอ เปรียบได้กับมังกรซ่อนตัว เมื่อสบโอกาสก็โผนทะยานขึ้นฟ้า

* ได้รับรองเท้าเล็ก เป็นสแลง หมายถึงถูกคนใช้อำนาจกลั่นแกล้งหรือสร้างข้อจำกัดต่างๆ นานาอย่างไม่มีเหตุผล

** เดินเล่นรับฤดูใบไม้ผลิหรือท่าชิง แปลตรงตัวว่าเหยียบลงสู่พื้นสีเขียว เป็นหนึ่งในกิจกรรมประจำเทศกาลชิงหมิง (เช็งเม้ง) เนื่องจากเทศกาลนี้อยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ต้นหญ้าเริ่มงอกเป็นสีเขียว จึงถือว่าเป็นการออกไปเที่ยวชมธรรมชาติ

Prev
Next

YOU MAY ALSO LIKE

The-Rise-of-Otaku
The Rise of Otaku
14 กรกฎาคม 2022
2
ดาบพิโรธสวรรค์
3 กุมภาพันธ์ 2022
6218a64f4L3yHjrm
พี่น้องร่วมสาบาน ใต้แสงจันทร์อันเจิดจรัส
8 กรกฎาคม 2022
8609_cover
[นิยายแปล] Hell mode
30 ธันวาคม 2021
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "บทที่ 7"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • BLOG
  • CONTACT US
  • ABOUT US
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Sign in

Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Sign Up

Register For This Site.

Log in | Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Lost your password?

Please enter your username or email address. You will receive a link to create a new password via email.

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF