cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
Advanced
Sign in Sign up
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Sign in Sign up
Prev
Next
สล็อตเว็บตรง

หมอหญิงพลิกธรรมเนียม - บทที่ 6

  1. Home
  2. All Mangas
  3. หมอหญิงพลิกธรรมเนียม
  4. บทที่ 6
Prev
Next

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ เช่นนี้ทำให้สบายขึ้นบ้างหรือไม่” เลี่ยวจิ้งชูเปลี่ยนท่าทางใหม่ คุกเข่าลงข้างหนึ่งอยู่บนเตียงเตา**** แล้วบีบนวดต้นคอที่ค่อนข้างแข็งของนายหญิงใหญ่ “ได้ยินสี่จู๋บอก เช้านี้ท่านเพียงดื่มโจ๊กไปครึ่งชามเท่านั้น ท่านป้าปล่อยวางสักหน่อยเถิด ไม่ว่าอย่างไร เราก็ต้องใช้ชีวิตกันต่อไป”

ข้อเสนอขอกลับไปอยู่บ้านเดิมถูกมารดาปฏิเสธอย่างเฉียบขาด ทั้งตักเตือนและตำหนินางอยู่พักใหญ่ เรื่องนี้ทำให้เลี่ยวจิ้งชู ไม่สิ นางคือหลวนอวิ๋นชูแล้ว ได้ตระหนักอย่างถ่องแท้ ตำแหน่งสะใภ้สี่แห่งจวนกั๋วกงก็เหมือนขื่อสวมคอ กักขังนางไว้อย่างแน่นหนา อย่าว่าแต่จะแสวงหาความรักที่ดีงาม แค่นางคิดอยากจะหายใจอย่างมีอิสระ บ้านเดิมและบ้านแม่สามีต่างไม่อนุญาตให้นางก้าวข้ามแม่น้ำเหลยฉือแม้ก้าวเดียว*!

แม้นางจะไม่ท้อแท้ บ้านเดิมไม่สนับสนุน นางก็ต้องไปจากจวนกั๋วกงที่น่ากลัวแห่งนี้ ออกไปเผชิญโลกกว้างด้วยตนเอง แต่สตรีอ่อนแอตัวคนเดียวที่ไหล่ไม่อาจแบกหาม มือหิ้วของหนักไม่ไหว หนึ่งไม่มีเงิน สองไม่มีงาน ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแคว้นหลวนเลย คิดจะไปจากจวนกั๋วกงแค่พูดก็คงง่าย

หลังจากคิดหน้าคิดหลังดูแล้ว หลวนอวิ๋นชูก็ตัดสินใจอยู่ที่นี่ไปก่อน ทั้งยังทำใจยอมรับตัวตนใหม่นี้ รอให้ปีกกล้าขาแข็งแล้วค่อยบินไปตามลำพัง

ตกลงใจได้แล้ว หลวนอวิ๋นชูก็จำต้องมาประจบเอาใจผู้นำสูงสุดแห่งจวนกั๋วกงผู้นี้ ถึงแม้นายหญิงใหญ่เคยคิดจะวางยานางให้เป็นใบ้ แต่เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง นางจำเป็นต้องลืมเรื่องนี้ไปเสีย และเป็นฝ่ายมาผูกไมตรีกับนายหญิงใหญ่

หลวนอวิ๋นชูพอจะคาดเดาได้เลาๆ ถึงความลับที่อยู่เบื้องหลังเรื่องที่นายหญิงใหญ่จะวางยานางได้แล้ว นางเชื่อว่าจะอย่างไรนายหญิงใหญ่ก็เป็นป้าแท้ๆ ของตนเอง ขอเพียงนางทำเป็นหูหนวกตาบอด นายหญิงใหญ่ก็จะไม่ทำอะไรนางอีก

“ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ ตัวเจ้าเองก็…ยังจะมาปลอบข้าอีก”

ความรู้สึกสบายแผ่กระจายมาจากต้นคอ ทำให้ใบหน้าที่เคร่งขรึมของนายหญิงใหญ่ดูอ่อนโยนมีเมตตาขึ้นมาก นึกถึงว่าหลวนอวิ๋นชูอายุยังน้อยก็ต้องเป็นแม่ม่ายแล้ว นับแต่นี้จะต้องใช้ชีวิตอย่างเงียบเหงาเดียวดาย อ้างว้างเอกากับโคมดำ** ไปอีกหลายสิบปี ในใจก็เกิดความสงสารขึ้นมาจางๆ จึงพูดอย่างมีเมตตา

“เด็กที่ดีเพียงนี้ คิดไม่ถึงว่าจะมีโชคชะตาที่อาภัพเหมือนกับข้า”

นายหญิงใหญ่พูดแล้วน้ำตาก็ไหลริน บรรยากาศดูเศร้ารันทดขึ้นมาหลายส่วน สี่จู๋รีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ “นายหญิงใหญ่ปล่อยวางบ้างเถิดเจ้าค่ะ สะใภ้สี่พูดถูก ทุกข์เพียงใด เราก็ต้องใช้ชีวิตกันต่อไป”

รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดอาดูรที่คนผมขาวต้องมาส่งคนผมดำ นิ้วมือของหลวนอวิ๋นชูสั่นเทา จึงหยุดมือรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาให้นายหญิงใหญ่

“ท่านป้าเป็นห่วงสะใภ้จะลำบาก จึงมอบสี่หลันสี่จวี๋ที่อยู่กับท่านมาหลายปีให้กับสะใภ้ มีท่านให้ความรักและเอ็นดูเช่นนี้ สะใภ้…ก็ไม่นับว่า…อาภัพแล้ว”

มีประกายผุดวาบขึ้นมาในส่วนลึกของดวงตานายหญิงใหญ่ นางปรายตาเพ่งพิศหลวนอวิ๋นชู

แสงแดดส่องผ่านช่องหน้าต่างที่กรุด้วยกระดาษสีเหลืองขมิ้นเข้ามา ส่องกระทบชุดไว้ทุกข์สีขาวของหลวนอวิ๋นชู เกิดเป็นประกายสีทองวาวระยับ เพิ่มความอ่อนโยนบนใบหน้าผ่ายผอมของนางขึ้นมาหลายส่วน ทันใดนั้นภาพมารดาที่มีเมตตาลูกที่มีความกตัญญูก็ผุดขึ้นมาตรงหน้า โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวนายหญิงใหญ่ก็จิตใจสงบลง

“เด็กดี ลำบากเจ้าแล้ว พวกนางปรนนิบัติรับใช้ดีหรือไม่ ถ้าไม่ถูกใจเจ้าก็บอกมาได้เลย ไม่ต้องมองสีหน้าข้า”

ข้างกายมีสาวใช้จอมประจบประแจงสองคนคอยควบคุมอยู่ทุกวัน จะบอกว่าดีก็แปลกแล้ว!

นิ้วมือนวดคลึงจุดไท่หยางให้นายหญิงใหญ่เบาๆ หลวนอวิ๋นชูพูดเสียงเบา

“ละเอียดรอบคอบกว่าฝูหรงมากเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่เห็นแล้วยังอิจฉา เอาแต่บอกท่านลำเอียง”

“ปากของเจ้านี่ช่าง…” นายหญิงใหญ่เอนพิงหมอนอิงใบใหญ่อย่างสบายใจ “อืม ได้เจ้ามาช่วยนวด สบายขึ้นมากแล้ว สองวันนี้นอนไม่ค่อยหลับ เหมือนหัวจะแตกร้าว”

หลวนอวิ๋นชูคลี่ยิ้มมุมปากจางๆ ไม่ผิดจากที่คิด นับว่าไม่เหนื่อยเปล่า ผู้ใหญ่ชอบใจแล้ว วันเวลาของนางก็จะผ่านไปอย่างสุขสบาย นิ้วมือขยับไปที่จุดไป่ฮุ่ย*

“ท่านป้าใช้สมองหนักเกินไปแล้ว”

นายหญิงใหญ่หลับตาลงอย่างสบายใจ “หรือมิใช่ ตั้งแต่อาการป่วยของอ้ายเอ๋อร์หนักขึ้น ข้าก็ไม่เคยได้หลับสนิทตลอดทั้งคืน” เสียงค่อยๆ เบาลง “ไม่เคยรู้เลยว่าอวิ๋นชูมีฝีมือการนวดเช่นนี้ ไปหัดมาตั้งแต่เมื่อไร”

นิ้วมือพลันชะงักค้าง มัวแต่คิดจะผูกไมตรีจนถึงกับลืมไป นายหญิงใหญ่รู้จักอดีตของนางมากกว่าตัวนางเอง คำโกหกนี้จะพูดอย่างไรจึงจะสมเหตุสมผล

รับรู้ถึงนิ้วมือบนหน้าผากหยุดนิ่งลง นายหญิงใหญ่ที่คล้ายหลับไปแล้วพลันลืมตาขึ้น เห็นหลวนอวิ๋นชูสีหน้าซีดขาวเล็กน้อย จมอยู่ในความครุ่นคิด ใจก็อ่อนยวบลงไปหลายส่วน

“อวิ๋นชูสูญเสียความทรงจำแล้ว เรื่องพวกนี้คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิด”

นิ้วมือเคลื่อนไหวอีกครั้ง

“สี่จวี๋ก็นวดให้ท่านอยู่เสมอ แต่ท่านกลับมอบนางให้สะใภ้ เห็นท่านผ่ายผอมอ่อนแอลงทุกวัน สะใภ้รู้สึกไม่สบายใจ”

นายหญิงใหญ่ยิ้มน้อยๆ “แรงมือของนางไม่ดีเหมือนเจ้า” รู้สึกว่ามือที่เคลื่อนไหวอยู่บนหน้าผากออกจะใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นายหญิงใหญ่จึงลุกขึ้นมานั่ง ตบๆ เตียงเตา “นวดมาตลอดเช้าแล้ว อวิ๋นชูนั่งพักสักประเดี๋ยวเถอะ”

“สะใภ้…”

เหยาหลันมาแล้ว!

คิดจะบอก ‘สะใภ้ไม่เหนื่อย’ รีบนวดให้นายหญิงใหญ่หลับไปเสีย ตนจะได้เลิกงานเร็วหน่อย หลวนอวิ๋นชูเพิ่งเอ่ยปากก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังมาจากลานเรือน ชำเลืองมองนายหญิงใหญ่แวบหนึ่ง เห็นอีกฝ่ายไม่รู้สึกอะไร หัวใจของหลวนอวิ๋นชูก็ลอยละล่องขึ้นมา นับว่าสวรรค์ไม่ได้ทอดทิ้งนางเสียทีเดียว พร้อมๆ กับการสูญเสียทักษะฝีมือทั้งหมดไปก็ได้มอบความตื่นเต้นดีใจเล็กๆ อย่างหนึ่งให้กับนาง ประสาทสัมผัสทั้งหกของนางแตกต่างจากคนทั่วไป!

โดยเฉพาะความสามารถในการได้ยินเสียง…นางนั่งอยู่ในห้องก็สามารถได้ยินเสียงที่ลานด้านนอก นอกจากนี้ขอเพียงได้ยินครั้งหนึ่งก็จะจดจำลักษณะพิเศษจำเพาะของเสียงนั้นได้ ครั้งต่อไปก็จะวิเคราะห์จากเสียงและบอกได้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ตอนแรกนางยังเข้าใจว่าเป็นเพราะสิ่งปลูกสร้างในสมัยโบราณไม่กันเสียงเสียอีก

ด้วยไม่อยากให้เหยาหลันเห็นว่านางนวดเป็นและเที่ยวคาดเดาส่งเดช หลวนอวิ๋นชูจึงหดมือกลับมา รินน้ำชาถ้วยหนึ่งยื่นไปที่ข้างมือนายหญิงใหญ่ “ท่านป้าดื่มน้ำชา” แล้วลงนั่งที่ข้างกายอีกฝ่าย

หลวนอวิ๋นชูหยิบงานเย็บปักที่สี่จู๋ทำได้ครึ่งหนึ่งขึ้นมาพิจารณาดู “ฝีมือของสี่จู๋ดียิ่งนัก ทำให้ใครหรือ”

“พื้นรองเท้าที่ข้างนอกทำขายทั้งบางทั้งแข็ง นายหญิงใหญ่สวมแล้วไม่สบาย บ่าวกำลังเร่งทำพื้นเรียบๆ หลายคู่” เห็นนางพลิกไปพลิกมาพินิจพิเคราะห์ดู สี่จู๋ก็รีบแย่งกลับมา ใบหน้าแดงเล็กน้อย “ทำให้สะใภ้สี่ขบขันแล้ว ฝีมือการเย็บปักถักร้อยของท่านเทียบได้กับของในวังหลวง บ่าวจะกล้าเปรียบกับท่านได้อย่างไรเจ้าคะ”

เทียบได้กับของในวังหลวง?

หลวนอวิ๋นชูหัวใจเต้นตึกตัก ไม่ใช่บอกสมัยโบราณสตรีที่เล่าเรียนหนังสือล้วนไม่เป็นงานเย็บปักถักร้อยหรือ เหตุใดบัณฑิตหญิงผู้ยอดเยี่ยมแห่งยุคผู้นั้นกลับเป็นทั้งสองอย่าง นางแอบชำเลืองมองสีหน้านายหญิงใหญ่ นางคงไม่ให้ข้าทำรองเท้ากระมัง

นี่ไม่ใช่เป็นการยกหินทับเท้าตัวเอง* หรอกหรือ

หลวนอวิ๋นชูใจเต้นระรัว แต่สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ได้ยินเสียงฝีเท้าของเหยาหลันเดินใกล้เข้ามา นางก็พูดอย่างเสียใจ

“สี่จวี๋ไม่มีวาสนาเช่นเจ้า สองวันนี้หญิงรับใช้สูงวัยที่เรือนด้านหลังถือว่าตนอาวุโสมีประสบการณ์มาก เรียกใช้ก็ไม่ค่อยยอมขยับ ทำเอาสี่จวี๋เหน็ดเหนื่อยยุ่งวุ่นวายไปหมด”

นายหญิงใหญ่ย่นคิ้ว “ก่อนแม่ของเจ้าไปก็พูดถึงเรื่องนี้ บอกข้าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเปลี่ยนคนในเรือนของเจ้า” แล้วบอกอย่างมีเมตตา “ไว้ข้าเจอหลันเอ๋อร์แล้วจะเร่งรัดให้”

ไม่ผิดจากที่คาด ข้อดีของการตบสะโพกม้า** พอตั้งราวไม้ไผ่ขึ้นก็เห็นเงา*** หลวนอวิ๋นชูสังเกตเห็นมาตั้งแต่แรกแล้วว่าในเรือนของนางก็คล้ายสมัยกั๋วหมินตั่ง**** ที่มีกองทหารหลายฝักหลายฝ่ายเกิดขึ้นพร้อมกัน จะวางแผนออกจากจวน ภายนอกนางจำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำ ภายในก็ต้องสร้างกองกำลังสายตรงของตนเอง ครั้นแล้วตอนมารดาปฏิเสธเรื่องนางขอกลับไปครองความเป็นม่ายที่บ้านแม่อย่างเฉียบขาด หลวนอวิ๋นชูจึงบอกเรื่องต้องการซื้อบ่าวไพร่ โดยเฉพาะสาวใช้ห้องข้างที่ยังไม่ได้เปิดหน้าสองคนนั้น นางยืนกรานแน่วแน่ว่าจะไม่เอาไว้ เดิมมารดาก็มาจากครอบครัวใหญ่จึงเข้าใจเหตุผลในเรื่องนี้ดี ย่อมสนับสนุนบุตรสาวเต็มที่ มารดานางเป็นคนออกหน้า นายหญิงใหญ่ก็ไม่สะดวกจะคัดค้าน เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนนายหญิงใหญ่จึงเอาสี่จวี๋สี่หลันแทรกเข้ามาเสียเลย อ้างคำพูดเสียน่าฟังว่า ‘เป็นห่วงอวิ๋นชู’

สองวันหลังจากมารดากลับไป สี่จวี๋สี่หลันก็เข้ามารับตำแหน่งแล้ว แต่เรื่องซื้อบ่าวไพร่กลับไม่ได้เอ่ยถึงอีก ทำเอาหลวนอวิ๋นชูกระทั่งอยู่ในห้องตนเองจะไอสักทีก็ยังไม่กล้าเสียงดัง มาบัดนี้เห็นนายหญิงใหญ่เป็นฝ่ายรับปากด้วยตนเอง หลวนอวิ๋นชูก็หยักยกมุมปาก

เหยาหลันจะมาถึงอยู่เดี๋ยวนี้ เรื่องนี้สำเร็จแล้ว

แล้วก็มีสาวใช้รุ่นเล็กมารายงาน “สะใภ้ใหญ่มาแล้วเจ้าค่ะ”

นายหญิงใหญ่หัวเราะออกมา “บ่นถึงไม่ได้เลยจริงๆ เพิ่งจะพูดถึงนาง นางก็มาแล้ว” แล้วหันไปบอกสาวใช้รุ่นเล็ก “รีบเชิญเข้ามา”

เหยาหลันเห็นหลวนอวิ๋นชูนั่งอยู่บนเตียงเตาพูดคุยกับนายหญิงใหญ่อย่างสนิทสนม ส่วนลึกในดวงตาพลันมีประกายอำมหิตพาดผ่านจางๆ นางรับจานใส่ส้มสีทองลูกขนาดไข่นกพิราบจากมืออิ๋งชุนแล้วยื่นส่งขึ้นมา “นายหญิงใหญ่ลองชิมดูเจ้าค่ะ ข้าหลวงเมืองไถโจวนำติดไม้ติดมือมาฝากท่านแม่ของสะใภ้” แล้วกล่าวเสริมอีก “เห็นบอกว่าตั้งใจปลูกไว้ในกระถางในห้อง”

“อืม…มีรสชาติดีจริงๆ เคยได้ยินมานานแล้วว่ามีคนปลูกส้มไว้ในกระถางดอกไม้ เลี้ยงไว้ในห้อง ฤดูหนาวก็กินผลได้ ถึงกับเป็นเรื่องจริง” กินไปลูกหนึ่งนายหญิงใหญ่ก็ผงกศีรษะติดๆ กัน “เรื่องที่ห้องโถงตั้งศพจัดการเรียบร้อยแล้วหรือ”

“เจ้าค่ะ รื้อถอนหมดแล้ว” เหยาหลันตอบรับ “ของใช้ต่างๆ ก็ตรวจนับเก็บแล้ว เพียงขาดจอกสุราทองสำริดรูปแพะสี่ตัว* ไปคู่หนึ่ง สะใภ้สั่งให้คนตรวจสอบอยู่เจ้าค่ะ” นางคิดอยู่ครู่หนึ่ง “สิ่งของเซ่นไหว้ยังต้องตรวจสอบอย่างละเอียด พ่อบ้านเฮ่อเฝ้าดูอยู่ที่นั่น”

“ตรวจไม่พบก็ช่างเถิด เป็นเงินไม่เท่าไร เอะอะจนวุ่นวายโกลาหลไปก็ไม่ดี”

“สะใภ้ก็คิดเช่นนั้น แต่จอกสุราทองสำริดรูปแพะสี่ตัวคู่นั้นเป็นของล้ำค่าที่แคว้นหลีมอบให้ ตอนแม่ทัพสวินมาทำพิธีไว้อาลัย นายท่านสั่งคนไปหาออกมาเป็นพิเศษ คิดไม่ถึงว่าจะหายไปเสียได้ สะใภ้เพียงให้คนแอบตรวจสอบดูเงียบๆ ไม่ได้แพร่งพรายออกไป”

นายหญิงใหญ่พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก เหยาหลันจึงพูดต่อ

“เปิดคลังใหญ่ครั้งนี้ สะใภ้พบว่ามีผ้าแพรต่วนชั้นหนึ่งอยู่หลายพับ ใกล้จะเปลี่ยนฤดูแล้ว คุณหนูทั้งหลายถอดชุดไว้ทุกข์แล้ว ก็สมควรเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ สะใภ้คิดจะถือโอกาสนี้เอาออกมาจำนวนหนึ่งให้คุณหนูทั้งหลายใช้ ท่านว่า…”

“เรื่องพวกนี้เจ้าจัดการไปตามที่เจ้าเห็นสมควรเถิด เพียงอย่าให้พวกนางไม่ได้รับความเป็นธรรม” นายหญิงใหญ่รับผ้าเช็ดหน้าที่สี่เหมยยื่นส่งให้แล้วเช็ดมือ “จริงสิ เรื่องซื้อบ่าวไพร่เป็นอย่างไรบ้าง”

“สะใภ้บอกหลี่มามา** ไปหลายวันแล้ว คนที่น้องสาวต้องการมีจำนวนมาก ไม่อาจรวบรวมได้ครบในเวลาอันสั้น เห็นบอกให้รออีกสองวัน” เหยาหลันเอาส้มที่ปอกเปลือกแล้ววางลงในจานลายครามเล็กตรงหน้านายหญิงใหญ่ มองหลวนอวิ๋นชูด้วยสีหน้ายิ้มๆ “นายหญิงใหญ่โปรดปรานน้องสาวจนเข้ากระดูกแล้ว เพียงเรื่องสี่หลัน ตอนคุณชายใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ก็ถูกตาต้องใจนางเช่นกัน สะใภ้หน้าหนามาขอตั้งหลายครั้ง นายหญิงใหญ่ก็ไม่อาจตัดใจ”

สี่จวี๋สี่หลันเป็นคนที่ถูกส่งไปคอยเป็นหูเป็นตา ความนัยเรื่องนี้ไม่ว่าใครก็มองออก เหยาหลันกลับเอามาใช้ประโยชน์ในการประจบประแจง หลวนอวิ๋นชูเพียงยิ้มๆ ครั้งนี้นางต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างพูดอะไรไม่ออกอยู่แล้ว

ไม่ผิดจากที่คิด นายหญิงใหญ่ยิ้มหน้าบาน “เด็กสองคนนี้ข้าเลี้ยงโตมากับมือ ถ้าไม่ใช่รักและเอ็นดูอวิ๋นชู ข้าก็ไม่อาจตัดใจได้จริงๆ”

เหยาหลันพูดอย่างคล้อยตามสถานการณ์ “ถือโอกาสที่นายหญิงใหญ่อารมณ์ดี วันนี้สะใภ้จะมาขอความเมตตา” นางนึกถึงท่านน้าหลวนที่กำชับแล้วกำชับอีกให้หาคนที่เหมาะสมแต่งหลิ่วเอ๋อร์และอิงเอ๋อร์ออกไป เหยาหลันมองไปที่หลวนอวิ๋นชูแวบหนึ่งคล้ายคิดอะไรอยู่ในใจ “สะใภ้หาคนที่เหมาะสมให้อิงเอ๋อร์ได้แล้ว เพียงรอหลังออกทุกข์สี่สิบเก้าวันก็แต่งออกไปได้ แต่นางเป็นตายก็จะครองพรหมจรรย์เพื่อคุณชายสี่” นางทอดถอนใจออกมาคำหนึ่ง “สะใภ้ก็เป็นคนใจอ่อน นึกถึงว่าอีกไม่นานก็จะทำศึกสงครามแล้ว ทุกหนแห่งต่างกำลังเกณฑ์ทหาร รีบร้อนแต่งออกไปไม่สู้อยู่ในจวนอย่างสงบสุข นายหญิงใหญ่ท่านว่า…”

นายหญิงใหญ่สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย กวาดตามองหลิ่วเอ๋อร์ที่ยืนอยู่บนพื้น หลิ่วเอ๋อร์เนื้อตัวสั่นเทิ้ม สีหน้าซีดขาวราวกระดาษ แล้วก็หันมามองหลวนอวิ๋นชู นายหญิงใหญ่แอบทอดถอนใจ เรื่องนั้นรออีกสักระยะค่อยพูดกับนางก็แล้วกัน

“หลิ่วเอ๋อร์เองเป็นตายก็ไม่ยอมแต่งออก?”

“บ่าววิงวอนนายหญิงใหญ่ได้โปรดช่วยให้บรรลุสมความปรารถนา!”

นายหญิงใหญ่เพิ่งพูดออกมา หลิ่วเอ๋อร์ก็คุกเข่าลงไปแล้ว

“เฮ้อ ล้วนแต่ก่อเวรก่อกรรม” นายหญิงใหญ่ทอดถอนใจออกมาพลางมองหลิ่วเอ๋อร์ “เจ้าออกไปก่อนเถิด”

เห็นหลิ่วเอ๋อร์ไม่ลุกขึ้น สี่เหมยจึงดึงนางออกไป

“นางหนูสองคนนี้เห็นแก่ความสัมพันธ์ก่อนเก่า แม้จะยังไม่ได้เปิดหน้า แต่พวกนางก็เต็มใจจะครองพรหมจรรย์ อวิ๋นชูก็อย่าถือสาเลย ปล่อยพวกนางครองพรหมจรรย์ไปเถิด” แล้วกล่าวว่า “อวิ๋นชูไม่อยากเห็นพวกนาง ก็ให้หลิ่วเอ๋อร์กลับมาอยู่กับข้า”

ท่าทางคล้ายปรึกษาหารือ แต่น้ำเสียงนายหญิงใหญ่กลับไม่อนุญาตให้กังขาใดๆ ทั้งสิ้น หลวนอวิ๋นชูแอบยิ้ม ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่นางเป็นคนครองพรหมจรรย์ ใครอยากครองพรหมจรรย์ก็ทำไป เพียงอย่ามาปรากฏตัวต่อหน้าคอยเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวของนางก็พอ

“ทุกอย่างแล้วแต่ท่านป้าจะตัดสินใจเจ้าค่ะ”

ทุกคนต่างรู้ว่าตอนต่งอ้ายมีชีวิตเพียงแต่งภรรยาคนเดียว เวลานี้มีอนุสองคนโผล่มาครองพรหมจรรย์ บอกยังไม่ได้เปิดหน้า พูดออกไปใครจะเชื่อ

หน้าตาของบัณฑิตหญิงผู้ยอดเยี่ยมแห่งยุคอย่างนางยังจะเหลืออยู่หรือ

เห็นหลวนอวิ๋นชูรับคำอย่างทันควัน เหยาหลันก็อึ้งตะลึงไป นายหญิงใหญ่กลับผงกศีรษะด้วยความพอใจ

บรรยากาศเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดยิ่ง

“เมื่อครู่พี่สะใภ้ใหญ่บอกจะมีศึกสงครามหรือ”

หลวนอวิ๋นชูสนใจเรื่องนี้มากกว่า ถ้ามาเกิดในช่วงกลียุคจริง แม้จะสับสนวุ่นวายจากสงคราม แต่สำหรับนางที่กระหายอยากจะได้อิสรภาพแล้ว นับเป็นจุดพลิกผันอย่างหนึ่ง

“ใช่ เดือนหน้าแม่ทัพใหญ่ก็จะยกทัพไปทางตะวันออกแล้ว”

“ยกทัพไปตะวันออก ทางตะวันออกคือที่ใดหรือ”

น้ำชาแทบจะถูกพ่นออกมา นายหญิงใหญ่ไอออกมา เหยาหลันก็มีสีหน้าประหลาดใจ

“สะใภ้สี่สูญเสียความทรงจำแล้ว” ฝูหรงใบหน้าแดงก่ำ “ตะวันออกคือแคว้นชื่อเจ้าค่ะ!”

หลวนอวิ๋นชูนึกขึ้นมาได้ในทันที วันนั้นเคยได้ยินฝูหรงบอกแล้ว แคว้นชื่อตั้งอยู่ตอนล่างของแม่น้ำหลวน เพียงครอบครองดินแดนด้านตะวันออกเฉียงใต้ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยามกะทันหันนางถึงกับไม่ทันนึก หลวนอวิ๋นชูหน้าแดงขึ้นมา

“อยู่ดีๆ เพราะเหตุใดต้องยกทัพไปบุกแคว้นชื่อด้วยเจ้าคะ ทำให้ราษฎรต้องเดือดร้อนมีชีวิตอยู่อย่างลำบาก”

“น้องสาวยังคงเป็นเช่นนี้ แม้จะสูญเสียความทรงจำแล้ว ก็ไม่ต้องการให้ทำสงคราม” เหยาหลันมองหลวนอวิ๋นชูแล้วยิ้ม “เจ้าคัดค้านเรื่องที่ฝ่าบาทร่วมกับแคว้นหลียกทัพไปกำจัดแคว้นชื่อ บอกหลายปีมานี้แคว้นหลีเตรียมพร้อมลับอาวุธ บำรุงม้าศึก แคว้นหลีในวันนี้ไม่เหมือนในอดีต มีเจตนาที่จะยึดครองใต้หล้ามานานแล้ว ที่พูดกันว่าเมื่อไม่มีปากฟันย่อมหนาวเหน็บ* แคว้นชื่อสูญสิ้น อันดับต่อไปก็คือแคว้นหลวน มีเพียงแคว้นหลวนและแคว้นชื่อร่วมมือกันต่อต้านแคว้นหลี จึงจะเป็นแนวทางในการเอาตัวรอด ที่ถังเซียวบัณฑิตสภาขุนนาง ทั่นฮวาปีที่สิบเอ็ดของรัชสมัยฮ่องเต้โม่ตี้โลหิตสาดในท้องพระโรง ถูกปลดจากขุนนางก็เพราะเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะแคว้นหลวนไม่เคยมีตัวอย่างสังหารบัณฑิตมาก่อน เกรงว่าคงไม่มีชีวิตไปนานแล้ว”

คิดไม่ถึงว่าบัณฑิตหญิงผู้ยอดเยี่ยมแห่งยุคผู้นี้ไม่เพียงสร้างผลงานด้านการเขียนได้ดี ยังเป็นบุคคลที่มีความรักชาติเช่นเดียวกับหลี่ชิงเจ้า**

เพียงแต่…เพราะเหตุใดรอยยิ้มของเหยาหลันจึงแปลกประหลาดเช่นนี้

พูดถึงถังเซียวโลหิตสาดในท้องพระโรง นายหญิงใหญ่ก็นึกขึ้นได้ ก่อนหลวนอวิ๋นชูจะออกเรือนก็เขียนกลอนแต่งบทกวี วิพากษ์วิจารณ์การบ้านการเมืองของราชสำนักกับเหล่าปัญญาชนในเมืองหลวนเฉิงตามอำเภอใจ สีหน้าพลันเยียบเย็นลงหลายส่วน

“เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องของบุรุษ พวกเราอิสตรีเพียงทำหน้าที่ของตนใช้ชีวิตอยู่ในกรอบประเพณีก็พอ”

ด้วยไม่รู้ว่าถังเซียวเป็นเพราะได้รับความคิดจากบัณฑิตหญิงผู้ยอดเยี่ยมแห่งยุคจึงได้โลหิตสาดในท้องพระโรง นางผู้ริเริ่มก่อเหตุย่อมกลายเป็นคนดัง กลายเป็นหัวข้อสนทนาตั้งแต่หัวถนนไปถึงท้ายตรอกในเมืองหลวนเฉิง หลวนอวิ๋นชูย่อมไม่รู้เพราะเหตุใดนายหญิงใหญ่จึงเปลี่ยนสีหน้า แม้จะอยากรู้ว่าเพราะเหตุใดแคว้นหลวนกับแคว้นหลีต้องร่วมมือกันกำจัดแคว้นชื่อ แต่กลับไม่กล้าถามอีก

หลวนอวิ๋นชูรับคำไปด้วยความไม่ชัดแจ้ง แล้วก้มหน้าปอกส้มสีทองอย่างสงบเสงี่ยม

เหยาหลันยิ้มน้อยๆ

นายหญิงใหญ่กลับจมอยู่ในความคิด

บรรยากาศเงียบสงัดลง

บรรดาบ่าวไพร่เริ่มรู้สึกหายใจไม่เต็มปอด พากันสงบปากคำระมัดระวังเนื้อระมัดระวังตัว

**** เตียงเตา (คั่ง) หมายถึงเตียงที่ก่อด้วยอิฐของชาวจีนทางตอนเหนือ ด้านล่างมีช่องสำหรับจุดไฟให้เตียงอุ่นและมีปล่องระบายควันออกไปนอกตัวบ้าน มักจะตั้งอยู่ข้างห้องครัวและอาศัยไฟจากการหุงหาอาหารช่วยให้เตียงอุ่นไปในตัว เวลานอนจะปูฟูกไว้ด้านบน เวลากลางวันเก็บฟูกขึ้นและใช้แทนโต๊ะได้

* ไม่กล้าก้าวข้ามแม่น้ำเหลยฉือแม้ก้าวเดียว เป็นคำอุปมา หมายถึงไม่กล้าก้าวข้ามเขตจำกัดหรือไม่กล้าล้ำเส้น มีที่มาจากสมัยจิ้นตะวันออก อวี่เลี่ยงเสนาบดีสนับสนุนให้เวินเจี้ยวไปเป็นขุนนางที่เจียงโจว เพื่อป้องกันข้าศึกจะรุกรานมาทางชายแดนตะวันตก ไม่นานอวี่เลี่ยงก็ได้รับรายงานว่าซูจวิ้นเจ้าเมืองลี่หยางวางแผนจะก่อกบฏ อวี่เลี่ยงคิดว่าตนฉลาด วางแผนจะหลอกซูจวิ้นเข้ามารับตำแหน่งที่เมืองหลวง ทุกคนต่างเห็นว่าแผนนี้ไม่เหมาะ เวินเจี้ยวก็เขียนจดหมายมาทัดทาน ซูจวิ้นเองก็ไม่หลงกล เห็นว่าราชสำนักสงสัยตนแล้วจึงยกทัพมาตีเมืองหลวงเสียเลย เวินเจี้ยวทราบเรื่องก็เตรียมยกกำลังมาช่วยป้องกันเมืองหลวง อวี่เลี่ยงกลับกลัวข้าศึกจะรุกรานมากกว่าจึงเขียนจดหมายไปยับยั้งเวินเจี้ยว ในจดหมายมีคำพูดประโยคหนึ่งบอกว่า ‘ท่านต้องอยู่รักษาการณ์ที่นั่น อย่าข้ามแม่น้ำเหลยฉือแม้ก้าวเดียว’ หมายถึงไม่ให้ข้ามแม่น้ำมาเมืองหลวง แต่อวี่เลี่ยงประเมินซูจวิ้นผิดไป ถูกกองทัพของซูจวิ้นตีแตกยับเยินต้องขอความช่วยเหลือจากเวินเจี้ยว ภายหลังจึงเอาชนะซูจวิ้นได้

** โคมดำ ในสมัยโบราณโคมไฟในวัดวาอารามของจีนจะหุ้มด้วยผ้าสีเขียวอมดำจึงเรียกว่าโคมดำ

* จุดไป่ฮุ่ย คือจุดสูงสุดตรงกลางศีรษะ เป็นศูนย์รวมประสาทเชื่อมโยงเส้นลมปราณทั่วร่างกายตามตำราแพทย์จีน

* ยกหินทับเท้าตัวเอง หมายถึงคิดจะทำร้ายผู้อื่น แต่ผลร้ายนั้นกลับย้อนมาหาตัวเอง

** ตบสะโพกม้า เป็นสำนวน หมายถึงประจบสอพลอ มีที่มาจากราชวงศ์หยวนชาวมองโกลมักทักทายกันด้วยการตบสะโพกม้าของอีกฝ่าย สำรวจความสมบูรณ์ของม้าว่าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วกล่าวอย่างติดปากว่า ‘ม้าดี’ เพื่อให้เจ้าของดีใจ ต่อมาคนก็เริ่มไม่สนใจดูว่าม้าดีจริงหรือไม่ เพียงกล่าวชื่นชมเอาใจ

*** พอตั้งราวไม้ไผ่ขึ้นก็เห็นเงา เป็นคำอุปมา หมายถึงสัมฤทธิผลทันที

**** พรรคกั๋วหมินตั่ง (ก๊กมินตั่ง) คือพรรคการเมืองแนวอนุรักษนิยมของจีน ตั้งขึ้นโดยซุนจงซาน (ซุนยัตเซ็น) ภายหลังการปฏิวัติล้มล้างราชวงศ์ชิง

* จอกสุราทองสำริดรูปแพะสี่ตัว เป็นเครื่องใช้ในการเซ่นไหว้ที่มีมาแต่สมัยราชวงศ์ซัง เป็นจอกทองสำริดทรงสี่เหลี่ยม แต่ละด้านแกะเป็นรูปแพะหนึ่งตัว โดยแพะถือเป็นสัตว์มงคล

** มามา โดยทั่วไปหมายถึงแม่ แต่สามารถใช้เป็นคำเรียกภรรยา หญิงสูงวัย และยังใช้เรียกแม่เล้าในหอนางโลมได้ด้วย

* เมื่อไม่มีปากฟันย่อมหนาวเหน็บ เป็นคำอุปมา หมายถึงสองฝ่ายต่างมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น ต่างต้องพึ่งพาอาศัยกันเพื่อการดำรงอยู่

** หลี่ชิงเจ้า เป็นกวีหญิงในสมัยซ่ง (ค.ศ. 1084-ประมาณปี ค.ศ. 1151) เกิดในครอบครัวปัญญาชน ได้รับการศึกษาดี เป็นศิษย์ของซูตงโพยอดกวีเอก หลี่ชิงเจ้าแต่งงานกับเจ้าหมิงเฉิงบุตรชายของอัครเสนาบดีทั้งสองร่วมกันสร้างผลงานไว้มากมาย ต่อมาทัพจินบุกเข้ามา นางและสามีต้องอพยพมาอยู่หางโจว สามีป่วยเสียชีวิต ความเดียวดายและความยากลำบากทำให้บทกวีในยุคหลังของหลี่ชิงเจ้าค่อนข้างหม่นเศร้า

Prev
Next

YOU MAY ALSO LIKE

Godgame-01-696×1044
ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games
30 กันยายน 2022
7223_cover
[นิยายแปล]Yuushashi Gaiten บันทึกประวัติศาสตร์ไร้มูลเหตุของผู้กล้า
30 กันยายน 2021
2
ดาบพิโรธสวรรค์
3 กุมภาพันธ์ 2022
9567_cover
ไม่อยากไปดูตัวเลยตั้งเงื่อนไขสุดเว่อร์แต่ดันตรงกับเพื่อนร่วมชั้น
15 มิถุนายน 2021
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "บทที่ 6"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • BLOG
  • CONTACT US
  • ABOUT US
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Sign in

Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Sign Up

Register For This Site.

Log in | Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Lost your password?

Please enter your username or email address. You will receive a link to create a new password via email.

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF