cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • สล็อตเว็บตรง
Advanced
Sign in Sign up
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • สล็อตเว็บตรง
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Sign in Sign up
Prev
Next
สล็อตเว็บตรง

หมอหญิงพลิกธรรมเนียม - บทที่ 12

  1. Home
  2. All Mangas
  3. หมอหญิงพลิกธรรมเนียม
  4. บทที่ 12
Prev
Next

จิตใจเคลิ้มลอยไปชั่วขณะ ร่างของต่งเหรินโงนเงนเกือบจะร่วงหล่นลงมา

“พี่สาม…ระวัง!”

หลวนอวิ๋นชูสีหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ต่งเหรินคว้ากิ่งไม้ประคองตัวไว้ได้ สงบจิตสงบใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยกมือโบกให้นางพลางชี้ไปที่รังนก ขณะจะหมุนตัวไปนั่นเอง จู่ๆ หลวนอวิ๋นชูก็สีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวงก่อนกรีดร้องขึ้น

“หมู่ตัน เจ้าจะทำอะไร!”

หมู่ตันไม่ใช่ตายไปแล้วหรือ จะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร

ได้ยินเสียงกรีดร้องแหลมและเศร้ากำสรด นึกถึงว่าหมู่ตันตายอยู่ที่นี่ ต่งเหรินเพียงรู้สึกแผ่นหลังเย็นวาบ กวาดตามองไปรอบด้านด้วยความตื่นตระหนก ไหนเลยจะมีเงาร่างคน จึงมองไปที่หลวนอวิ๋นชูด้วยความฉงนสงสัย

“พี่สามรีบหลบไป หมู่ตันจะจับท่าน!” สีหน้าของหลวนอวิ๋นชูยิ่งซีดเผือด สองมือยกขึ้นปิดหู มองไปที่ด้านหลังต่งเหรินด้วยท่าทางหวาดผวา “หมู่ตัน รีบหยุดมือ!”

สายลมบางเบาพัดโชยมา ต้นไม้ที่ด้านหลังส่งเสียงดังสวบสาบ ผสมผสานกับเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวจนขนพองสยองเกล้า ฝูหรงไหนเลยจะกล้ามอง นางหลับตา กอดบ่าสองข้างของหลวนอวิ๋นชูไว้แน่น ส่งเสียงร้องขึ้น

ต่งเหรินที่เดิมก็ขนลุกชันอยู่แล้ว เห็นฝูหรงเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งหวาดผวา เพียงรู้สึกเย็นวาบที่ข้างหูคล้ายมีเงารางๆ ยืนอยู่ข้างหลัง เขาถึงกับลืมไปแล้วว่าตนเองยืนอยู่บนต้นไม้ ส่งเสียงร้อง “อ๊าก” ออกมาคำหนึ่ง ร่างพุ่งไปข้างหน้า เท้าเหยียบลงบนความว่างเปล่า ร่างร่วงลงไปในทะเลสาบลั่วเยี่ยน พริบตาเดียวก็จมหายไปไม่เห็นร่องรอย

ระลอกคลื่นแผ่กระจายออกไปเป็นชั้นๆ ทำลายความสงบราบเรียบของผิวน้ำในทะเลสาบ เสียงตูมดังขึ้นมาชั่วขณะ ยิ่งขับเน้นถึงความเงียบสงัดอึมครึมที่อยู่รอบด้าน

“ไม่มีอะไรแล้ว” หลวนอวิ๋นชูตบๆ หลังฝูหรง “รีบปล่อยมือ”

ฝูหรงที่กอดหลวนอวิ๋นชูไว้แน่นลืมตาขึ้นมาช้าๆ มองไปบนยอดไม้อย่างอกสั่นขวัญแขวน เห็นกิ่งไม้ที่ต่งเหรินเคยยืนอยู่ยังแกว่งไปมา รังนกที่ปลายกิ่งก็โยกคลอนตามไปด้วย ประหนึ่งพริบตาถัดมาก็จะร่วงหล่นลงมา

ไหนเลยจะมีเงาร่างของหมู่ตัน แม้แต่ต่งเหรินที่ยังยืนอยู่เมื่อครู่ก่อนก็ไม่มีแล้ว หลังปลุกปลอบใจให้กล้าแล้วกวาดตามองทั่วๆ รอบหนึ่ง ฝูหรงจึงเอ่ยถามด้วยความขลาดกลัว

“คุณชายสามเล่าเจ้าคะ” ฝูหรงเกาะหลวนอวิ๋นชูไว้แน่น ก่อนจะร้องเสียงแหลมขึ้นมา “สวรรค์! หรือคุณชายสามถูกพี่หมู่ตันจับตัวไปแล้ว!”

เพิ่งจะสิ้นเสียงผิวน้ำในทะเลสาบพลันกระเพื่อมไหว ต่งเหรินดิ้นรนโผล่ศีรษะขึ้นมา สองมือกวัดแกว่งขึ้นมาข้างบนไม่หยุด พยายามจะไขว่คว้าอะไรบางอย่างสุดชีวิต

“ช่วยด้วย!”

พอต่งเหรินอ้าปาก น้ำก็เข้าไปในปากหลายอึก พริบตาเดียวก็จมลงไปอีกครั้ง

ครั้งนี้แม้แต่หลวนอวิ๋นชูก็ตะลึงงันแล้ว เขย่าร่างฝูหรงที่แข็งทื่อราวกับเป็นไก่ไม้ไป ถามด้วยความร้อนรน

“คุณชายสามว่ายน้ำไม่เป็นหรือ”

อยู่ติดกับทะเลสาบขนาดใหญ่เพียงนี้ หลวนอวิ๋นชูเข้าใจว่าต่งเหรินต้องว่ายน้ำเป็นอย่างแน่นอน

ฝูหรงตกใจจนพูดอะไรไม่ออกไปนานแล้ว นางเอาแต่สั่นหัว ไม่รู้จะบอกว่าไม่รู้หรือเขาว่ายน้ำไม่เป็นกันแน่ หลวนอวิ๋นชูเหงื่อเย็นท่วมร่างทันที

คิดจะสั่งสอนต่งเหรินเล็กๆ น้อยๆ เป็นการลงโทษ ให้เขาดื่มน้ำในทะเลสาบสักหลายอึกหน่อยก็ไม่เลว แต่ถ้าเกิดเรื่องถึงชีวิตขึ้นมาจริง ย่อมเป็นเรื่องใหญ่แล้ว

ขณะทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้นต่งเหรินก็โผล่ศีรษะขึ้นมาอีกครั้ง สองมือเที่ยวไขว่คว้าไปทั่ว

“ช่วยด้วย!”

หลวนอวิ๋นชูหายใจเข้าลึกๆ ดึงฝูหรงแล้วออกเดิน “รีบไป”

“คุณชายสามยังอยู่ในน้ำนะเจ้าคะ!” ฝูหรงดึงหลวนอวิ๋นชูไว้ “พวกเราจากไปทั้งอย่างนี้…จะได้อย่างไร”

“เจ้าว่ายน้ำเป็นหรือ”

ฝูหรงสั่นศีรษะ “บ่าวว่ายน้ำไม่เป็น”

“แล้วยังไม่รีบไป”

“แต่…” สีหน้าเปลี่ยนจากขาวเป็นแดง เสียงของฝูหรงสั่นเล็กน้อย “ถ้าคุณชายสามจมน้ำตาย พวกเราก็ไม่อาจสลัดหลุดจากความรับผิดชอบไปได้นะเจ้าคะ”

เหตุใดสะใภ้สี่ของข้าจู่ๆ จึงเปลี่ยนเป็นคนเย็นชาเช่นนี้ ถึงกับเห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วย

คุณชายสามจะเหลวไหลเพียงใด แต่ก็เป็นชีวิตหนึ่ง!

“ข้าก็ว่ายน้ำไม่เป็น เราอยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้!” หลวนอวิ๋นชูอธิบาย “ดูจากท่าทางเขาคงยังไม่จมน้ำตายในเวลาอันสั้นแน่ พวกเรารีบไปจากที่นี่ ค่อยหาคน…”

ขณะพูดอยู่นั้นหลวนอวิ๋นชูร่างพลันแข็งค้าง รับรู้ได้ว่าที่ด้านหลังมีสายตาคมกริบคู่หนึ่งพุ่งตรงมา นางหันขวับไป

ท่ามกลางสายลมบางเบาเห็นเพียงเงาต้นไม้ส่งเสียงสวบสาบ ไหนเลยจะมีเงาร่างคนอยู่

เงี่ยหูฟังอยู่ครู่หนึ่งกลับไม่พบอะไรผิดปกติ คิดว่านางคงตื่นตระหนกมากไป

หลวนอวิ๋นชูหันหน้าไป มีเงาร่างหลายสายวิ่งมาจากที่ไกลๆ คงได้ยินเสียงร้องให้ช่วยของต่งเหริน นางจึงไม่กล้าโอ้เอ้อีก ดึงฝูหรงแล้วออกเดินทันที

ที่ด้านหลังภูเขาจำลองมีเงาร่างสูงใหญ่ตระหง่านร่างหนึ่งปรากฏออกมา มองตามหลังพวกนางไปคล้ายคิดอะไรในใจ มุมปากมีรอยยิ้มประดับจางๆ

ได้ยินเสียงกระโดดน้ำ หัวใจทั้งดวงของหลวนอวิ๋นชูก็เบาลง ขณะเดียวกันก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น นางเชื่อในสายตาของตน ถ้านางเพียงเห็นเงาร่าง ผู้มาไม่มีทางเห็นนางกับฝูหรงแน่นอน และเชื่อว่าต่งเหรินเองก็ไม่กล้าพูดเรื่องรังนกออกมาง่ายๆ

ขอเพียงตอนนี้นางไม่ถูกคนพบเห็นก็ไม่มีเรื่องแล้ว

หลวนอวิ๋นชูเดินลัดเลาะผ่านไปในเงาไม้ตามแนวกำแพงที่ล้อมอยู่ ไม่สนใจว่าไปไหน ต้องหาประตูสักบานรีบออกไปให้พ้นสถานที่เกิดเหตุนี้ก่อน

ฝูหรงที่ไม่เคยทำเรื่องใหญ่โตสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วพื้นปฐพีเช่นนี้มาก่อน ได้แต่เอามือกุมหน้าอก พูดพึมพำราวกับสวดมนต์ “สวรรค์ได้โปรดคุ้มครอง อย่าให้พบเจอใคร อย่าให้พบเจอใครเป็นอันขาด”

ไหนเลยจะรู้ยิ่งกลัวอะไรก็ยิ่งเจอสิ่งนั้น ขณะบ่นพึมพำอยู่นั้นฝูหรงเงยหน้าขึ้น ก็เห็นตรงประตูวงเดือนที่อยู่ด้านหน้ามีเงาร่างหลายสายผลุบเข้ามา นางจึงรีบหยุดฝีเท้าทันที สีหน้าซีดเผือด สองขาอ่อนยวบ แทบจะทรุดลงไปนั่งกับพื้น แต่ถูกหลวนอวิ๋นชูประคองไว้แน่น

เพ่งมองไปอย่างละเอียด ที่แท้ก็เป็นสี่จวี๋กลับมาแล้ว ด้านหลังมีสาวใช้รุ่นเล็กตามมาด้วยสองคน แต่ละคนถือถาดเงินมาใบหนึ่ง ถาดหนึ่งวางชุดน้ำชาที่ประณีตงดงาม อีกถาดหนึ่งเป็นของว่างหลากสี

เห็นพวกนางเดินมาสี่จวี๋ก็ดูงงงัน ยอบตัวลงเล็กน้อย

“น้ำชามาแล้วเจ้าค่ะ สะใภ้สี่จะไปไหนหรือ”

ฝูหรงเนื้อตัวสั่นเทา ยืนอยู่ที่นั่นราวโง่งมไปแล้ว

“รออยู่ตั้งนาน เหตุใดเพิ่งมาถึง” หลวนอวิ๋นชูแอบกระตุกแขนฝูหรง แล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “เจ้าดูดวงตะวันสิ เที่ยงวันเลยนะ”

“เดิม…”

เดิมทีก็เที่ยงวันอยู่แล้ว!

ทะเลสาบกว้างเพียงนี้ไม่ว่าจะไปที่ใดก็ต้องเดินอยู่พักใหญ่ อย่าว่าแต่ต้องจัดเตรียมน้ำชาเลย

สี่จวี๋ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของคนทั้งสอง เห็นหลวนอวิ๋นชูพอเจอหน้าก็บ่นว่าใส่นางทันที สี่จวี๋ขอบตาแดงเรื่อ น้ำตาไหลพรากๆ ลงมา นางเป็นสาวใช้รุ่นใหญ่รับใช้ใกล้ชิดนายหญิงใหญ่ เคยทำงานลำบากเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร

สาวใช้รุ่นเล็กสองคนก็ชูถาดเงินขึ้นสูงแล้วคุกเข่าทั้งสองลง

หลวนอวิ๋นชูขมวดคิ้ว นางส่งเสียงขู่ขวัญไปก่อน ด้วยคิดจะเบี่ยงเบนความสนใจ คิดไม่ถึงว่าเพียงคำพูดประโยคเดียวก็ทำเอา ‘ผู้คุมชั้นยอด’ ร้องไห้เสียแล้ว

“เอาล่ะๆ ก็แค่บ่นไปเล็กน้อย ดูเจ้าสิ น้อยอกน้อยใจเสียมากมาย ใครไม่รู้ยังเข้าใจว่าข้าปฏิบัติต่อเจ้าอย่างโหดร้ายทารุณ หากเรื่องไปถึงหูนายหญิงใหญ่ ไยไม่ใช่…”

“บ่าวไม่กล้าน้อยใจเจ้าค่ะ” พูดยังไม่ทันจบสี่จวี๋ก็คุกเข่าลงไปแล้ว “ขอสะใภ้สี่ได้โปรดอย่าพูดเช่นนี้!”

นี่ใช่บ่าวที่ไหน ยังร้ายกาจกว่าเจ้านายเสียอีก กระทั่งคำพูดก็ไม่ให้คนพูดแล้ว!

คำพูดถูกสี่จวี๋ตัดบท หลวนอวิ๋นชูก็มีโทสะแล้ว อยากจะทิ้งนางไว้ที่นี่ยิ่งนัก นางสมัครใจจะคุกเข่า ก็คุกเข่าเสียให้พอ แต่ได้ยินเสียงดังจากทางด้านหลังมากขึ้นทุกทีก็รู้สึกใจฝ่อ หลวนอวิ๋นชูจึงเดินเข้าไปดึงสี่จวี๋ขึ้นมา ยิ้มแล้วเอ่ยว่า

“ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้จริงจัง เจ้าเพิ่งมาอยู่ปรนนิบัติข้า วันเวลายังอีกยาวนาน ถ้าเอาจริงเอาจังไปเสียทุกเรื่องคงไม่ไหว” แล้วหันไปทางสาวใช้รุ่นเล็กสองคน “ดวงตะวันร้อนแรงเพียงนี้ อย่ามาคุกเข่าอยู่ที่นี่เลย ลุกขึ้นมาเถิด”

พูดจบนางก็ไม่พูดอะไรอีก เดินลิ่วตรงไปที่ประตูวงเดือน นางจะต้องไปจากที่นี่ในทันที

“สะใภ้สี่ไม่กลับเรือนลู่ย่วนหรือ” สี่จวี๋ถามด้วยความฉงน “ท่านจะไปที่ใดหรือ”

หลวนอวิ๋นชูไม่ตอบ เดินตรงออกนอกประตูวงเดือนไป พอเงยหน้าขึ้น ทางด้านขวาเป็นผนังฉากกั้นขนาดใหญ่ แกะลวดลายเป็นภาพการทำสงครามผืนใหญ่ นางไม่มีแก่ใจจะมาพิจารณาดูอย่างละเอียด หลวนอวิ๋นชูหันหน้าไป ด้านซ้ายกลับเห็นเป็นพุ่มไม้เตี้ยผืนหนึ่ง ด้านในคล้ายมีศาลารับลมเล็กๆ หลังหนึ่ง เงียบสงบยิ่ง ตรงกลางมีทางเดินคดเคี้ยวเล็กๆ สายหนึ่งปูด้วยศิลาเขียว ไม่รู้ไปถึงที่ไหน

“ที่นี่คือที่ใด”

“สะใภ้สี่จำไม่ได้แล้วจริงๆ” สี่จวี๋กล่าวยิ้มๆ “ข้างหน้าไม่ไกลนักมีปากทางแยกอยู่ ไปทางขวาเป็นโถงรับแขกภายนอก ไปทางซ้ายก็เป็นเรือนด้านในแล้ว”

“อ้อ…ข้าจำไม่ได้แล้ว”

“จริงสิ สะใภ้สี่มาทำอะไรที่นี่” พลันนึกอะไรขึ้นได้ สี่จวี๋ถามต่อ “บ่าวเหมือนได้ยินเสียงดังแว่วมาจากข้างใน ไม่รู้เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

ขณะกำลังครุ่นคิดก็ได้ยินฝูหรงเอ่ยขึ้น

“สะใภ้สี่รอจะกลับไปจนร้อนใจแล้ว แต่ก็ห่วงว่าเจ้ากลับมาจะไม่เจอใคร ถึงได้เดินมารอเจ้าอยู่แถวนี้”

ไม่เลว เด็กคนนี้เฉลียวฉลาดคู่ควรแก่การบ่มเพาะ

หลวนอวิ๋นชูหยักโค้งมุมปากเป็นการชมเชยฝูหรง

สี่จวี๋เองก็รู้สึกดีใจขึ้นมาจากส่วนลึกของจิตใจ ยิ้มแย้มหน้าบาน

“ขอบคุณสะใภ้สี่ที่เป็นห่วง เฝ้านึกถึงบ่าวไปเสียทุกอย่าง ข้างหน้าคือเรือนไหวหรู”

“เรือนไหวหรู? ความหมายเพื่อจะระลึกถึงบัณฑิตที่ใดหรือ…”

จวนกั๋วกงแตกต่างจากที่อื่น ที่นี่ไม่เห็นด้วยอย่างสิ้นเชิงต่อท่วงทำนองด้านการใช้ภาษาและตัวอักษรของแคว้นหลวน ไม่เพียงคุณชายหลายคนชอบฝึกยุทธ์ แม้แต่ที่ปรึกษาส่วนใหญ่ก็เป็นนักรบ หลวนอวิ๋นชูยังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าในจวนแห่งนี้เคยเลี้ยงดูหรือเคยเคารพนับถือนักปราชญ์ราชบัณฑิตคนไหน

“สะใภ้สี่เข้าใจผิดแล้ว” สี่จวี๋หัวเราะพรืดออกมา “ไม่ใช่ ‘ไหว’ ที่แปลว่าระลึกถึงเจ้าค่ะ แต่เป็น ‘ไหว’ ที่หมายถึงต้นไหว*”

“…”

“เรือนไหวหรูแห่งนี้คือสถานที่ที่คุณชายน้อยทั้งหลายเล่าเรียนหนังสือ ในลานมีต้นไหวเก่าแก่อายุนับร้อยปีอยู่ต้นหนึ่ง ถึงได้ตั้งชื่อว่าเรือนไหวหรู จากต้นอิ๋นซิ่งกลับไปเรือนลู่ย่วนไกลเกินไป เมื่อครู่บ่าวก็มาเอาน้ำชาที่เรือนไหวหรูแห่งนี้”

นึกถึงเรื่องไม่สบายใจเมื่อครู่ สี่จวี๋พลันหยุดชะงัก

ทุกคนไม่มีใครพูดต่อเสียงจึงเงียบลง เพียงได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบย่ำไปบนถนนที่ปูด้วยหินศิลาเขียว เกิดเป็นเสียงตุบๆ ตับๆ

ตรงปากทางแยก เด็กรับใช้สองคนพาลู่เซวียนเดินสวนมา จู่ๆ บังเอิญได้มาพบหน้ากัน หลวนอวิ๋นชูยืนนิ่งไม่ขยับด้วยสัญชาตญาณ ร่างพลันแข็งค้าง ลู่เซวียนเองก็หยุดฝีเท้าราวกับเป็นรูปปั้นดินเหนียว ดวงตาลึกล้ำดุจสระน้ำดำมืดคู่นั้นบนใบหน้าคมคายมองมาที่หลวนอวิ๋นชูอย่างทึ่มทื่อ

แสงและเงาทับซ้อนกัน ได้เห็นดวงตาที่คุ้นเคยคู่นี้อีกครั้ง หลวนอวิ๋นชูพลันรู้สึกราวกับอยู่ในฝัน ได้พบเจอเขาในชาติก่อนอีกครั้ง…

‘กินอีกสักหน่อยเถิด เธอผอมขนาดนี้ ไม่กินให้อิ่มจะเอาแรงที่ไหนมาลดความอ้วน’

‘เหลยกงเถิง** เป็นสมุนไพรที่มีพิษร้ายแรง เวลานำมาปรุงยาจะต้องลอกผิวออกให้เกลี้ยง รวมทั้งผิวชั้นในและผิวตรงร่อง’

‘แม้แต่สิบแปดต้องห้าม* ยังจำไม่ได้ ไม่ตั้งอกตั้งใจอย่างนี้ จะรักษาโรคให้คนอย่างไร ต้องมีคนตายแน่!’

อยู่มหาวิทยาลัยสี่ปีเขาก็ยืนอยู่ข้างหลังนางเช่นนี้มาโดยตลอด รักและตามใจนาง คอยบ่นจุกจิกหยุมหยิม คอยปกป้องนางไม่ว่าจะอยู่ในที่ที่นางมองเห็นหรือไม่ ขอเพียงอยู่ในที่ที่มีเขาก็จะเต็มไปด้วยความสุขเล็กๆ น้อยๆ

หลวนอวิ๋นชูสายตาพร่าเลือน ออกจะไม่แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมาอย่างฉับพลันนี้เป็นจริงหรือไม่ เพราะเหตุใดนางยังสามารถเห็นดวงตาที่ลุ่มลึกคู่นี้ได้อีก มองเห็นความรักที่อยู่ข้างใน มองเห็นความสงสารเห็นอกเห็นใจที่อยู่ข้างใน ประหนึ่งเขายังคงอยู่ข้างกายนางมาโดยตลอด ไม่เคยจากไปไหน…

“อวิ๋นชู สุข…สบายดีกระมัง”

เสียงทุ้มต่ำเจือความฝาดขม ลู่เซวียนจ้องมองนางด้วยแววตาอบอุ่น

ได้สติกลับมาสู่ความเป็นจริง หลวนอวิ๋นชูจึงพบว่าตนเองกำลังมองลู่เซวียนอย่างเหม่อลอย ริ้วแดงผุดขึ้นมาเต็มสองข้างแก้มทันที ราวกับทุกคนต่างได้ยินเสียงหัวใจเต้นตูมตามของนาง หลวนอวิ๋นชูรีบลนลานก้มหน้าลง

เฮ้อ สี่จวี๋คงไม่คิดว่าข้าลุ่มหลงบุรุษกระมัง

“บังอาจยิ่งนัก!” สี่จวี๋ตวาดเสียงเฉียบขาด “นามของสะใภ้สี่ให้ท่านเรียกได้หรือ!”

บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที ทุกคนต่างหันไปมองลู่เซวียน

ลู่เซวียนใบหน้าแดงก่ำ

“คิดว่าพี่สี่จวี๋คงยังไม่รู้จัก” เห็นลู่เซวียนจะบันดาลโทสะ เด็กรับใช้ที่นำทางรีบไกล่เกลี่ยให้ลงเอยกันด้วยดี “ท่านนี้คือบัณฑิตผู้มีชื่อเสียงของเมืองหลวนเฉิง จ้วงหยวนในปีที่สิบสองแห่งฮ่องเต้โม่ตี้ บัณฑิตลู่แห่งกองอาลักษณ์” แล้วหันไปทางลู่เซวียน “นางชื่อสี่จวี๋ เดิมอยู่ข้างกายนายหญิงใหญ่ ไม่เคยพบท่านมาก่อน”

ลู่เซวียนทั้งเย่อหยิ่งและสง่างาม ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมาที่จวนกั๋วกง สี่จวี๋ย่อมไม่รู้จัก เมื่อครู่พอเห็นเขาเข้ามาสี่จวี๋ก็จะดึงหลวนอวิ๋นชูหลบไป ไหนเลยจะรู้ หลวนอวิ๋นชูคล้ายไม่ได้ยิน กลับมองสบตากับลู่เซวียนอย่างเหม่อลอย มองจนสี่จวี๋ทั้งตื่นตระหนกทั้งหวาดกลัว

หลวนอวิ๋นชูเพิ่งเป็นม่าย ชายไร้คู่ครองกับหญิงม่ายเจอกันซึ่งหน้าไม่หลบไม่เลี่ยง หากนายหญิงใหญ่รู้เข้า ยังไม่ใช่จะถลกหนังนางหรือ คิดถึงเรื่องเหล่านี้สี่จวี๋จึงทำใจกล้าตวาดขึ้น คิดจะใช้วิธีนี้มาตวาดเติงถูจื่อ** ใจกล้าผู้นี้ให้ถอยไป เวลานี้มาได้ยินว่าเขาเป็นบัณฑิตจ้วงหยวนที่มีชื่อเสียง สี่จวี๋แทบอยากจะกัดลิ้นตนเองให้ขาด ได้แต่มองลู่เซวียนปากอ้าตาค้าง

* ต้นไหว หรือ Locust Tree เป็นไม้ยืนต้นชนิด มีดอกสีเหลือง เนื้อไม้นำมาใช้ในงานก่อสร้าง ดอกใช้ทำเป็นสีย้อม ผลและรากมีสรรพคุณทำยา

** เหลยกงเถิง หรือเถาพระเจ้าฟ้าร้อง (Tripterygium wilfordii) เป็นสมุนไพรจีนประเภทไม้เลื้อย มีสรรพคุณบรรเทาอาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

* หมายถึงข้อต้องห้ามในการใช้ยาสมุนไพรจีนสิบแปดชนิดซึ่งสืบทอดกันมาแต่โบราณ ยาบางชนิดถ้าใช้ร่วมกันอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรง จึงต้องมีข้อกำหนดในการใช้เอาไว้

** คำเรียกเปรียบเปรยคนเจ้าชู้ ในสมัยโบราณมีขุนนางแคว้นฉู่ชื่อ เติงถูจื่อ เขาอิจฉาซ่งอวี้ ราชเลขาของฉู่ไหวอ๋องที่เป็นบุรุษรูปงามและมีปัญญา จึงกล่าวหาว่าซ่งอวี้เป็นคนเจ้าชู้ ซ่งอวี้จึงว่าตนมีสาวงามข้างบ้านมาเสนอไมตรีทุกวันยังไม่สนใจ แต่เติงถูจื่อมีภรรยาขี้ริ้วกลับมีบุตรกับนางถึงห้าคน ใครกันแน่ที่เจ้าชู้มักมาก นับแต่นั้นมาผู้คนจึงเรียกคนเจ้าชู้ว่าเติงถูจื่อ

Prev
Next

YOU MAY ALSO LIKE

Invincible-Super-System-Modifier-696×928
Super System Modifier
6 มกราคม 2022
8609_cover
[นิยายแปล] Hell mode
30 ธันวาคม 2021
7223_cover
[นิยายแปล]Yuushashi Gaiten บันทึกประวัติศาสตร์ไร้มูลเหตุของผู้กล้า
30 กันยายน 2021
4500_cover
[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์
30 ธันวาคม 2021
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "บทที่ 12"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • BLOG
  • CONTACT US
  • ABOUT US
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Sign in

Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Sign Up

Register For This Site.

Log in | Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Lost your password?

Please enter your username or email address. You will receive a link to create a new password via email.

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF