หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 518 แกล้งทำเป็นคนแปลกหน้า ตอนที่ 519 พูดฟ้อง
ตอนที่ 518 แกล้งทำเป็นคนแปลกหน้า
ฝานเจียวเจียวขมวดคิ้ว “เธอลองถูกลวกเองสิ ดูว่าจะเป็นไรไหม?” เพราะระยะนี้มีเรื่องกลุ้มใจหลายเรื่อง ทำให้เธอระงับโทสะไม่อยู่
คนรับใช้คนนี้เพิ่งเจอฝานเจียวเจียวโมโหครั้งแรก ถึงกับสับสน มองดูเธอด้วยความงุนงง ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
“ดูอะไร มีอะไรน่าดูหรือ ยังไม่ไปเอาครีมยารักษาแผลน้ำร้อนลวกมาให้อีก” ไม่มีสายตาเลย เรื่องแค่นี้ยังต้องถามอีก
นี่ถ้าไม่ใช่บ้านสกุลอวิ๋น เธอคงโมโหไปนานแล้ว ไม่พูดดีอย่างนี้หรอก
คนรับใช้พยักหน้า “ได้ค่ะคุณฝาน รอสักครู่ ฉันจะไปเอาให้เดี๋ยวนี้ค่ะ”
“เดี๋ยวก่อน แกเรียกฉันยังไงนะ” ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้เรียกอย่างนี้ ล้วนเรียกเธอว่าคุณหนูใหญ่ ทำไมเวลานี้จึงเปลี่ยนชื่อเรียกแล้ว แต่เธอกลับไม่รู้
คนรับใช้ทำอะไรไม่ถูก ทำได้เพียงพูดซ้ำอีก “คุณหนูฝาน หรือที่ฉันเรียกไม่ถูกต้องหรือคะ?”
เป็นคนย่อมต้องมีอารมณ์ ผู้หญิงคนนี้เป็นแค่ญาติเท่านั้น แต่ทำไมทำตัวเหมือนเป็นเจ้านาย
ฝานเจียวเจียวเห็นความรู้สึกจนใจในดวงตาของคนรับใช้ ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด ก่อนหน้านี้คนเหล่านี้พากันเอาใจเธอ เดี๋ยวนี้กลับไม่ใส่เธอแล้ว
อีลั่วเสวี่ยนะอีลั่วเสวี่ย เพราะเธอแท้ๆ สาเหตุเป็นเพราะเธอ ทำให้ฐานะของฉันตกต่ำลงสุดกู่ น่าแค้นนัก เดิมเธอควรจะเป็นคุณหนูใหญ่แห่งสกุลอวิ๋น
“ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนพวกเธอเรียกฉันว่าคุณหนูใหญ่ไม่ใช่หรือ ใครให้เปลี่ยนชื่อเรียก?” ต้องมีคนสั่งให้พวกคนรับใช้เปลี่ยนชื่อเรียกแน่ๆ
พอพวกคนรับใช้ได้ยินเช่นนี้ต่างมองดูฝานเจียวเจียวด้วยสายตาสับสน ลังเลว่าควรจะพูดให้ชัดเจนหรือไม่
“ว่าไง พูดไม่ออกแล้วหรือ งั้นต่อไปนี้ให้เรียกฉันว่าคุณหนูใหญ่อย่างเดิม” ฝานเจียวเจียวพูดด้วยสีหน้ากระหยิ่มใจ อีลั่วเสวี่ยเป็นแค่คนนอกที่ไม่มีอะไรทั้งสิ้น
สกุลอวิ๋นย่อมไม่อาจรับคนที่ไม่มีฉากหลัง ไร้การศึกษาและความสามารถมาเป็นลูกสาว จะอย่างไรเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงอนาคตของสกุลอวิ๋น คนที่ไม่ใช่คนของเขตทหารที่สิบสอง คิดจะเข้ามาอยู่ด้วย ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก
“แต่คุณหนูฝาน ท่านแม่ทัพบอกว่าสกุลอวิ๋นมีคุณหนูใหญ่เพียงคนเดียว เธอชื่ออีลั่วเสวี่ย” ไม่เสียทีที่เป็นคนในบ้านสกุลอวิ๋น ต่อให้ฝานเจียวเจียวคอยข่ม แต่พวกเขาไม่อ่อนข้อง่ายๆ
ฝานเจียวเจียวได้ยินก็ยิ่งไม่พอใจ “อาอวิ๋นพูดอย่างนั้นจริงหรือ?” ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องอีลั่วเสวี่ยทั้งสิ้น พวกเขาเคยเห็นเธออยู่ในสายตาบ้างไหม
หรือพวกเขามองไม่เห็นที่เธอทุ่มเทมาหลายปีงั้นหรือ เห็นเธอเป็นอะไร น่าแค้นใจจริงๆ
“อะไรกัน สงสัยการตัดสินใจของพ่อฉันหรือ?” เสียงอีลั่วเสวี่ยดังขึ้นทันที พอฝานเจียวเจียวได้ยินเสียงที่คุ้นหูก็หันขวับมา
เธอแสร้งยิ้ม “ขอโทษ คุณคือ…”
เรื่องคราวก่อนทีเมืองเอฟ อวิ๋นเว่ยบอกทุกคนในสกุลอวิ๋นแล้ว แต่นายหญิงผู้เฒ่ายังไม่รู้ เธอจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้จักอีลั่วเสวี่ย
“อะไรกัน เพิ่งไม่เจอกันระยะหนึ่ง คุณฝานจำฉันไม่ได้แล้วหรือ เป็นผู้สูงศักดิ์ช่างลืมง่ายจริงนะ”
ฝานเจียวเจียวเชิดมุมปากขึ้น แววตาเหมือนไม่รู้เรื่องและแปลกหน้า “อ้อ ฉันรู้แล้ว คุณคงเป็นลูกสาวบุญธรรมของอาอวิ๋น คงกำลังจะไปที่ห้องโถงใหญ่ ไปด้วยกันไหม?” เธอเลิกใส่ใจปัญหาเมื่อครู่แล้ว
“ฉันว่าคงไม่ต้องหรอก คุณฝานทายารักษาแผลน้ำร้อนลวกที่มือจะดีกว่า” อีลั่วเสวี่ยยกมุมปากขึ้น แววตาดูอ่อนโยน สีหน้ายิ้ม
พอเธอและเฉวียนหมิงปรากฏตัวขึ้น คิดว่าฝานเจียวเจียวคงไม่สร้างความลำบากให้พวกคนรับใช้แล้ว ขณะนี้เธอไม่คุ้นเคยกับบ้านสกุลอวิ๋น ที่เธอพอจะทำได้ก็คงเท่านี้แล้ว
“มัวยืนเซ่ออยู่ทำไม ยังไม่รีบไปเอายามาให้คุณหนูฝาน” คนรับใช้ที่มาเชิญอีลั่วเสวี่ยรีบสั่ง ดูแล้วคงมีฐานะอยู่บ้าง
ตอนที่ 519 พูดฟ้อง
มีคนมาช่วยแก้สถานการณ์ย่อมเป็นเรื่องดี คนรับใช้คนนั้นรีบพยักหน้า “ค่ะ คุณฝานรอเดี๋ยวนะคะ ฉันจะเอายาเดี๋ยวนี้เลย”
สีหน้าฝานเจียวเจียวไม่สู้ดีนัก เธอปรับสีหน้าเป็นปกติ “ไม่ต้องแล้ว แผลเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เป็นไรหรอก” พูดจบก็เดินไปก่อนอีลั่วเสวี่ย
ถ้าเธอทายาตอนนี้แสดงว่าเธอเป็นคนอ่อนแอ ทั้งขณะนี้เธอไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่
อีลั่วเสวี่ยมองตามหลังฝานเจียวเจียวไปแล้วยิ้ม ไม่พูดอะไร ที่จริงเธอไม่ใส่ใจว่าใครจะเป็นคุณหนูใหญ่ของสกุลอวิ๋น
แต่ฝานเจียวเจียวอยากอยากได้ชื่อเรียกนี้ ทั้งดูท่าทีเธอแล้วเห็นได้ชัดว่าวางเป้าต่อสกุลอวิ๋น อีลั่วเสวี่ยยอมไม่ได้เด็ดขาด วิธีก็คือเธอต้องครอบครองสถานะนี้ เธอคือคุณหนูใหญ่แห่งสกุลอวิ๋น
“ขอบคุณคุณหนูใหญ่ค่ะ” คนรับใช้ที่บังเอิญทำให้น้ำร้อนลวกมือฝานเจียวเจียวเหมือนยกภาระหนักออกจากบ่า ตื้นตันใจจนน้ำตาแทบไหล
อีลั่วเสวี่ยโบกมือ “ไม่ต้องขอบใจหรอก คราวหน้าก็ระวังหน่อย ยังดีที่เป็นคนในบ้านเอง ถ้าเป็นคนนอกคงลำบากหน่อย”
ฝานเจียวเจียวคนนี้อย่างไรก็เป็นคนสกุลฝาน สกุลฝานกับสกุลอวิ๋นมีความเกี่ยวข้องกันแนบแน่น แม้สีหน้าจะไม่พอใจ แต่ก็คงไม่หาเรื่องกับคนในบ้านตัวเอง
“ค่ะ คุณหนูใหญ่ ฉันรู้แล้ว” เธอผงกหัวด้วยความซาบซึ้ง แล้วยกถ้วยชาที่กระฉอกออกไปครึ่งหนึ่ง ไปชงชาถ้วยใหม่
คนรับใช้ที่ท่าทางหนักแน่นกว่าหันมาพูด “คุณหนูใหญ่ เราไปกันเถอะค่ะ”
วันนี้ได้เห็นคุณหนูสกุลฝานปะทะกับคุณหนูใหญ่ของตน แล้วจบลงด้วยฝ่ายนั้นพ่ายแพ้ พวกเธอพากันดีใจ ไม่งั้นทุกครั้งที่ฝานเจียวเจียวมาที่นี่ มักจะคอยชี้นิ้วใช้พวกเธอ
ทำราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านสกุลฝานของเธอ พวกเธอเป็นคนรับใช้ของสกุลฝาน ทุกอย่างต้องทำตามคำสั่งเธอ ทำให้รู้สึกรำคาญ
อีลั่วเสวี่ยพยักหน้า หันมาสบตากับเฉวียนหมิงแล้วยิ้ม เธอเดินไปข้างหน้า “ดี ไปกันเถอะ”
อีกด้านหนึ่งฝานเจียวเจียวมาถึงห้องโถงใหญ่ก่อน เธอเห็นอวิ๋นเว่ยจึงยิ้มทันทีแล้วเข้าไปทักทาย คาดไม่ถึงว่าอวิ๋นเว่ยเพียงแต่ผงกหัวตามมารยาท แต่ไม่พูดอะไรต่อ แล้วหันไปพูดคุยกับแขกอื่น
ฝานเจียวเจียวรู้สึกน้อยใจทันทีและยิ่งไม่พอใจมากขึ้น เธอเหมือนคิดอะไรขึ้นได้ กลอกตาแล้วผละออกไปจากห้องโถงใหญ่ เดินไปยังเรือนเล็กที่ค่อนข้างเงียบสงบในคฤหาสน์
“ย่ารองคะ หนูมาแล้ว” ฝานเจียวเจียวเคาะประตู แล้วเดินเข้ามา ใบหน้าดูเจิดจ้าราวกับแสงตะวัน
ขณะนี้หญิงชราที่ผมเป็นสีเงินกำลังแต่งตัวโดยมีสาวใช้สองคนคอยช่วย วันนี้เป็นวันเกิดของนายท่านผู้เฒ่าสกุลอวิ๋น นางในฐานะภรรยาย่อมต้องแต่งตัวหรูไปร่วมงาน ถือเป็นหน้าตาของสกุลอวิ๋น
แม่เฒ่าหรี่ตาแล้วยิ้มร่าเมื่อเห็นรอยยิ้มของฝานเจียวเจียวที่สะท้อนอยู่ในกระจกเงา
“เจียวเจียวมาแล้ว นั่งสิเดี๋ยวพยุงย่าออกไปนะ” แม่เฒ่าพูดพลางลุกขึ้น เดินไปจากโต๊ะเครื่องแป้ง
นางอยู่ในชุดกี่เพ้าสีเข้ม คลุมไหล่ด้วยผ้าคลุมสีเดียวกัน ดูสูงศักดิ์งามสง่า เหมือนนายหญิงของตระกูลใหญ่ ดูมีบารมีสูง
ฝานเจียวเจียวดึงแขนที่ยื่นออกไปแล้วกลับ แววตาดูหม่นหมอง “หลานหรือคะ ที่จริงอยากออกไปพร้อมกับย่ารอง แต่เจียวเจียวเกรงว่าจะไม่วาสนาที่จะเป็นที่สนใจของแขกเหรื่อหรอกค่ะ”
คำพูดนี้มีความหมายอื่นแฝงอยู่ แม่เฒ่าเข้าใจทันที แล้วยื่นมือออกไปดึงเธอให้นั่งลงบนโซฟา “ทำไมเจียวเจียวถึงพูดอย่างนี้ล่ะ ใครพูดอะไรที่ไม่ควรพูดงั้นหรือ?”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ เมื่อกี้ตอนที่เดินมาหาย่ารอง บังเอิญเจอสาวสวยคนหนึ่ง เธอบอกว่าชื่ออีลั่วเสวี่ย เป็นคุณหนูใหญ่สกุลอวิ๋น ยังอวดตัวต่อหน้าคนรับใช้ หลานคิดว่าเดี๋ยวอาอวิ๋นคงให้เธออยู่กับย่ารองคอยพบปะกับแขก งั้นหลานไม่ไปร่วมงานดีกว่า