หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 484 เรารอดูต่อไปเถอะ ตอนที่ 485 ฉันไม่อยากติดค้างบุญคุณใคร
- Home
- All Mangas
- หมอยาหวานใจท่านประธาน
- ตอนที่ 484 เรารอดูต่อไปเถอะ ตอนที่ 485 ฉันไม่อยากติดค้างบุญคุณใคร
ตอนที่ 484 เรารอดูต่อไปเถอะ
“คุณเข้าใจฉันผิดแล้ว ฉันมีธุระจริงๆ อีกอย่างเมื่อกี้น้องเจียวเจียวเพิ่งบอกว่าก่อนหน้านี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าบวกกับครั้งนี้ ก็แค่สองครั้งเท่านั้น ที่บอกว่าสามสี่รอบเกรงว่าน่าจะขยายความเกินจริงไปแล้ว”
อะไรนะ? หรือว่าเธอต้องมาสองสามครั้งแล้วจึงจะพูดอย่างนั้นได้ พอคิดอย่างนี้ ฝานเจียวเจียวก็โมโหสุดขีด
“คริคริ…พี่ลั่วเสวี่ย แม้ตอนนี้คุณจะไม่แซ่อวิ๋น แต่ถือว่าเราเป็นญาติกัน ทำไมต้องปฏิเสธฉันอย่างนี้ด้วย ฉันจำไม่ได้ว่าเคยทำอะไรผิดต่อคุณ”
ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ เธอมาหาถึงบ้าน แต่ไม่ได้ปล่อยให้เธอเข้าไปง่ายๆ ทั้งเริ่มต้นก็วางอำนาจเลย วางตัวอยู่ในฐานะที่เหนือกว่า
ถึงตรงนี้ฝานเจียวเจียวเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุไรอวิ๋นเว่ยจึงชื่นชมคนอย่างเธอมาก เพราะเธอมีความฉลาดและหยิ่งผยองอย่างพวกเขา
อีลั่วเสวี่ยตีหน้าใสบริสุทธิ์ “ฉันไม่ได้บอกว่าเราไม่ใช่ญาติกัน ฉันเพียงแต่บอกว่าพ่อฉันไม่เคยพูดถึง ฉันยังพูดว่าพวกคุณสกุลฝานเป็นญาติกับสกุลอวิ๋น เป็นพี่เจียวเจียวเข้าใจผิดเอง ในเมื่อพูดถึงการทำอะไรผิดไว้ หรือว่าน้องเจียวเจียวทำเรื่องที่ผิดต่อฉันไว้ ก็เลยนึกกลัวแล้ว?”
คิดจะใส่ร้ายเธอหรือ ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก
“…” ผู้หญิงคนนี้จิตใจร้ายกาจจริงๆ
“พี่ลั่วเสวี่ยพูดเล่นแล้ว ฉันก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง ในเมื่อคุณมีธุระ งั้นวันหน้าค่อยมาใหม่” เดิมทีเธอไม่ได้คาดหวังว่าจะเข้าไปในคฤหาสน์สกุลอวิ๋น เพียงแต่อยากดูด้วยตาตัวเองว่าอีลั่วเสวี่ยเป็นคนอย่างไร ลองปะมือดูบ้าง ดูว่าอีกฝ่ายจะเก่งสักแค่ไหน
เวลานี้เธอรู้แล้ว ย่อมยิ่งต้องทุ่มเทหาวิธีทำลายเธอ ทางด้านเฉวียนหมิงเธอจะต้องทำให้ผู้หญิงคนนี้นึกเสียใจ
อีลั่วเสวี่ยกลอกตารอบหนึ่ง “ไม่แล้ว ตอนนี้ฉันคิดดูแล้ว ขอต้อนรับน้องเจียวเจียวดีกว่า อย่างไรงานก็ไม่สำคัญเท่ากับคนในครอบครัว คุณว่าจริงไหม เปิดประตู”
อาเหมาแปลกใจที่เห็นอีลั่วเสวี่ยเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน ไม่รู้ว่าเธอคิดจะทำอะไร จึงได้แต่พยักหน้า แล้วบอกให้ยามเปิดประตู
ฝานเจียวเจียวผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นประตูเปิดออก จะยอมให้เธอเข้าไปงั้นหรือ ผู้หญิงคนนี้มีแผนอะไรในใจกันแน่
“ว่าไง น้องเจียวเจียวจะไม่เข้ามาหรือ เชิญ” อีลั่วเสวี่ยเชิดมุมปากขึ้น ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
บอดี้การ์ดของฝานเจียวเจียวขมวดคิ้ว พร้อมกับชำเลืองมองเธอ รอคำสั่งเธอ
ฝานเจียวเจียวคุ่นคิดเล็กน้อย แล้วสั่นหัว “ไม่แล้ว งานของพี่ลั่วเสวี่ยสำคัญกว่า พอดีฉันนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ งั้นไม่รบกวนแล้ว”
“อ้อ งั้นหรือ?” อีลั่วเสวี่ยลากหางเสียงยาว ขณะนี้กำลังมองเธอด้วยแววตาลึกล้ำ น้ำเสียงไม่แสดงความรู้สึกที่ชัดเจน
“ใช่ค่ะ ไม่รบกวนแล้ว เราลาไปก่อน จริงสิ อีกระยะหนึ่งจะถึงวันเกิดของปู่รอง พี่ลั่วเสวี่ยต้องไปให้ได้ ย่ารองแปลกใจที่อาอวิ๋นหาหลานสาวมาให้ เห็นแต่รูถ่ายยังไม่เคยเจอตัวจริง ยังบ่นคิดถึงเลย”
อีลั่วเสวี่ยยิ้มๆ “เรื่องนี้ฉันรู้ แต่ก็ต้องขอบใจที่น้องเจียวเจียวพูดเตือน ฉันจะจำเรื่องนี้ใส่ใจ ไม่ทำให้พ่อฉันผิดหวัง”
ในเมื่อฝานเจียวเจียวอยากเป็นลูกสาวอวิ๋นเว่ยมาก เธอยิ่งพูดเช่นนี้ ฝานเจียวเจียวก็ยิ่งโกรธแค้น
แล้วเป็นไปตามคาด สีหน้าฝานเจียวเจียวแสดงอาการโกรธแค้นจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ มือกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว
“งั้นฉันไปก่อน แล้วพบกันใหม่!” เธอเหลือบมองประตูที่เปิดออก ดวงตาฉายแววหม่นหมองออกมา สักวันเถอะ ที่นี่ต้องเป็นของเธอ อีลั่วเสวี่ย เรารอดูต่อไปเถอะ! ดูว่าถึงตอนนั้นใครจะเก่งที่สุด
เธอต้องการให้อวิ๋นเว่ยรู้ว่า ที่ต้องเสียเธอไปนั้นเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่สุด
ตอนที่ 485 ฉันไม่อยากติดค้างบุญคุณใคร
อีลั่วเสวี่ยไม่รู้ว่าตอนนี้ในใจฝานเจียวเจียวคิดอะไรอยู่ และไม่อยากรู้ด้วย พอเห็นเธอไปแล้ว จึงหัวเราะเบาๆ บอกให้ยามปิดประตู เธอเองหันกลับไปนั่งรถกลับไปที่คฤหาสน์
ฝานเจียวเจียวหน้าบึ้งเมื่อมองเห็นภาพเหล่านี้ผ่านกระจกมองหลัง เธอกัดริมฝีปากสีแดงแรงๆ ดวงตาฉายแววอำมหิต “อีลั่วเสวี่ย ฉันไม่มีวันปล่อยเธอแน่!”
ผู้หญิงที่น่าเกลียดคนนี้ ต่อให้ไม่มีเรื่องสกุลอวิ๋น ถ้าเกิดวันหลังเจอเธอ เป็นไปได้มากที่จะเป็นศัตรูกัน เมื่อเช่นนี้ ก็สู้ยืมดาบฆ่าคนไม่ได้ กำจัดสิ่งกีดขวางอย่างเธอซะ
บอดี้การ์เห็นคุณหนูของตนถูกคำพูดไม่กี่ประโยคของอีกฝ่ายทำให้ตกเป็นเบี้ยล่าง ก็อดพูดเตือนไม่ได้ “คุณหนู ใจเย็นๆ ครับ ถ้าคุณเป็นอย่างนี้ ก็เข้าทางศัตรูเลย”
ฝานเจียวเจียวมองไปข้างหน้า ถลึงตาใส่บอดี้การ์ดของตนอย่างไม่พอใจ “เรื่องของฉัน ไม่ต้องให้นายปากมาก ขับรถซะ!”
“ครับ” บอดี้การ์ดท่าทางขึงขัง สีหน้าเหมือนยอมรับผิด ไม่กล้าพูดอะไรอีก ในเมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงไม่เหมาะที่จะพูดอะไรอีก เขากับเธอก็เกี่ยวข้องกันแค่การว่าจ้าง ไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้นายจ้างมีความเห็น จากนี้ไปจะไม่พูดมากแล้ว
“ยังมัวเหม่ออะไรอีก จะอยู่รอฉลองปีใหม่ที่นี่หรือ?” สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเวลานี้เธอรู้สึกชิงชังคฤหาสน์หลังนี้แค่ไหน ทุกครั้งที่นึกถึงที่นี่ จะย้อนคิดถึงที่ตนเองถูกอาเหมาปฏิเสธไม่ยอมให้เข้าไป ยังถูกอีลั่วเสวี่ยปฏิเสธและยิ้มหยัน เป็นการหยามหน้ากันชัดๆ!
บอดี้การ์ดขานรับแล้วหักพวงมาลัยขับรถออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
พอกลับเข้ามาในคฤหาสน์ อาเหมายกนิ้วโป้งให้อีลั่วเสวี่ยเงียบๆ ในใจ “คุณหนูใหญ่ ต้องบอกเรื่องนี้ให้ท่านแม่ทัพทราบไหมครับ อย่างไรก็เกี่ยวข้องกับสกุลฝาน เรา…”
“ฉันเข้าใจความหมายของอาเหมา แต่ฉันอยากจะปะมือกับผู้หญิงคนนี้ดู สกุลอวิ๋นมีความหยิ่งผยองของตัวเอง ต่อให้สกุลฝานมีความสัมพันธ์กับสกุลอวิ๋นไม่น้อย แต่ไม่ควรคิดจะครอบครองของของคนอื่น”
คนอย่างฝานเจียวเจียว เห็นได้ชัดว่าอยากครอบครองทุกอย่างของสกุลอวิ๋น เปลี่ยนสกุลอวิ๋นให้เป็นของสกุลฝานทั้งหมด แต่โลกนี้จะมีเรื่องง่ายดายอย่างนั้นหรือ
ไม่รู้เพราะอะไรเธอเริ่มไม่ชอบสกุลฝาน แล้ว ส่วนย่าคนนั้นของเธอ ไม่รู้ว่ามีสายตาอย่างไร จะสมรู้ร่วมคิดด้วยหรือไม่ อยากจะเอาทุกอย่างของสกุลอวิ๋นมอบให้สกุลฝานจึงจะพอใจหรือ
อาเหมาผงกหัวเมื่อได้ยินเช่นนี้ “งั้นชั่วคราวนี้ผมยังไม่แจ้งให้ท่านแม่ทัพทราบ” บอกตามตรงเขาเองก็สนับสนุนที่อีลั่วเสวี่ยทำอย่างนี้ สกุลฝานคอยเอาเปรียบคนอื่น อาศัยอิทธิพลของสกุลอวิ๋น ได้ประโยชน์ไม่น้อย ถึงเวลาที่ต้องยุติพฤติกรรมที่น่าไม่อายแบบนี้แล้ว
วันต่อมาขณะที่อีลั่วเสวี่ยขับรถออกจากคฤหาสน์กำลังจะไปเรียนที่มหาวิทยาลัย เห็นหนานหลิวเฟิงยืนอยู่คนเดียวริมถนนนอกคฤหาสน์ พอเขาเห็นเธอก็รีบโบกมือทันที
“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ มาหาฉันหรือ?” น่าแปลก ทำไมหมอนี่ไม่ขับรถมา คิดแล้วเธอจึงจอดรถ หนานหลิวเฟิงเปิดประตูขึ้นมานั่งบนที่นั่งข้างคนขับทันที
สายตาเขาเปี่ยมด้วยความคิดถึง จ้องมองใบหน้าที่งดงามของอีลั่วเสวี่ย “ลั่วเสวี่ย ไม่เจอกันนานเลย ได้ข่าวว่าคุณขอลาพักยาว มีปัญหาด้านสุขภาพหรือ?”
หลังจากอีลั่วเสวี่ยไม่ได้ไปที่มหาวิทยาลัย เขาจึงตรวจสอบว่าเธอไปไหน รู้เพียงว่าเธอไปที่เมืองหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าไปทำไมและไปที่ไหน
“คุณคิดว่าฉันป่วย ก็เลยมาเยี่ยม แต่ทำไมไม่เห็นกระเช้าผลไม้หรือของเยี่ยมอะไรเลยล่ะ?” อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้ม เธอหมุนพวงมาลัย ขับช้าๆ มุ่งไปยังมหาวิทยาลัย
หนานหลิวเฟิงคงยืนรอเธอพักใหญ่แล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาเยี่ยมเธอ เพราะเขามามือเปล่า