หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 414
ตอนที่ 414 ผมจะรอคุณ
และแล้วทั้งคู่ก็ไม่อยากหยุดอยู่เพียงแค่นี้ ทั้งสองต่างดึงถอดเสื้อผ้าของกันและกัน เฉวียนหมิงซึ่งใส่เสื้อเชิร์ตถูกอีลั่วเสวี่ยดึงทึ้งออกอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นแผ่นอกราบเรียบที่น่าดู
เขารู้สึกถึงการลงมือทำอย่างใจถึงของอีลั่วเสวี่ย ทำให้สมองเขายิ่งสับสน จุดหนึ่งบนร่างกายตึงขึ้นจนรู้สึกเจ็บ ทำให้อยากเสาะหาที่ที่ร่มเย็นเพื่อพัก
มือเฉวียนหมิงเลื่อนจากเอวขึ้นไปข้งบนอย่างช้าๆ ไม่รู้ว่ามาถึงส่วนที่ชูชันข้างหน้าเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ กระต่ายน้อยแสนส่วยที่เปี่ยมด้วยความยืดหยุ่นทำให้เขาหายใจแรงขึ้น
ขณะที่ถึงตอนนี้สติของทั้งคู่กลับมาบ้าง ทั้งสองแยกออกจากกันเล็กน้อย หายใจหอบพลางมองกันและกัน
ขณะนี้ใบหน้าอีลั่วเสวี่ยแดงเรื่อ ราวกับดอกท้อเดือนสาม เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของบุปผา เห็นแล้วลุ่มหลงจนไม่อยากเบนสายตาออกไป ขณะที่ดวงตาที่ชวนให้หลงใหลของเธอยิ่งทำให้ไม่อาจควบคุมตัวเองได้
เฉวียนหมิงมีความรู้สึกเช่นนี้ครั้งแรก ถึงกับกลืนน้ำลายหนักๆ ดวงตาที่ลึกล้ำหมองลง เม้มริมฝีปากแน่น แต่มือไม่ผละออกจากตัวกระต่าย
ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกใหม่ เขาเพียงแต่อยากอยู่อย่างนี้นานอีกหน่อย
“อาเสวี่ย ผม…ผมไม่ได้ตั้งใจ” ดวงตาเฉวียนหมิงฉายแววรู้สึกผิดออกมา เขายกร่างขึ้นเล็กน้อย ขณะที่อีลั่วเสวี่ยเขยิบถอยไปข้างหลัง แล้วนั่งทับลงบนของบางอย่างพอดี
เป็นเสมือนท่อนไม้ที่ตั้งขึ้น แม้ว่ามีกางเกงกั้นอยู่ ก็ยังราวกับสามารถรู้สึกถึงความร้อนผ่าวของมัน แต่ปฏิกิริยาของอีลั่วเสวี่ยสงบนิ่งมาก ไม่ได้ลุกพรวดขึ้นทันที
เพราะทำอย่างนั้นเฉวียนหมิงก็จะถูกเปิดเผยโดยตรง ไม่รู้ว่าเขาจะกระดากมากแค่ไหน
เฉวียนหมิงกลืนน้ำลาย เขาไม่รู้ตัวว่าอีลั่วเสวี่ยพบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบนตัวเขา เขาข่มความตื่นเต้นในใจ ช่วยอีลั่วเสวี่ยจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่
“อาเสวี่ย อย่าโกรธนะ ผมผิดเอง ผม…”
เขายังพูดไม่จบก็ถูกอีลั่วเสวี่ยยื่นมือมาปิดปาก “คุณไม่ต้องขอโทษหรอก ชายกับหญิงอยู่ในห้องเดียวกันตามลำพัง อารมณ์ร้อนแรง เกิดความรู้เร่าร้อนขึ้น ไม่ใช่เรื่องแปลก อีกอย่างฉันเองก็มีส่วนรับผิดชอบไม่ใช่หรือ?”
ถ้าเธอไม่ตอบสนอง จะกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร
เฉวียนหมิงได้ยินเช่นนั้น ความรู้สึกอึดอัดก็หายไป แทนที่ด้วยความชื่นชม ที่อาเสวี่ยพูดหมายความว่าที่จริงเธอเองก็จมอยู่ในห้วงรักเช่นกัน เพราะเธอก็รักเขา
“ยิ้มอย่างนั้นทำไม?” ใบหน้าอีลั่วเสวี่ยแดงมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเฉวียนหมิงเบ่งบานมากขึ้น
“อาเสวี่ย ผมต้องการคุณ คุณเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น” ทันใดนั้นเฉวียนหมิงก็ดึงตัวอีลั่วเสวี่ยไว้ จดริมฝีปากของตนเองลงไป สองมือเริ่มลูบคลำกระต่ายน้อยแล้ว
ว่ากันว่าในเวลาอย่างนี้ผู้ชายล้วนต้องการอยู่กับหญิงที่ตนเองรักที่สุด เฉวียนหมิงเองก็ไม่ยกเว้น ขณะนี้เขาต้องการอีลั่วเสวี่ยเท่านั้น คิดถึงเธอคนเดียว
ทั้งคู่นัวเนียกันครู่หนึ่ง แววตาอีลั่วเสวี่ยดูเลื่อนลอย แล้วรู้สึกเหมือนที่หว่างขาของตนเองมีอะไรบางอย่าง ความรู้สึกเขินอายทำให้เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย
บังเอิญเฉวียนหมิงมองเห็นท่ากระทำเล็กน้อยของเธอ เขาจึงหยุดมือ เปลี่ยนเป็นกอดเธอแทน
“ผมใจร้อนเกินไป อาเสวี่ย ผมจะรอจนถึงเวลาที่คุณยอมรับผม ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม” ใช่ เขาไม่ควรเห็นแก่ตัวเกินไป อายุขัยเขาเหลือเพียงไม่กี่ปีแล้ว
แต่เธอต่างออกไป เธอเป็นผู้บำเพ็ญเพียร นอกจากจะมีอายุขัยยืนยาวแล้ว ใบหน้าจะไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าเขาอยู่ร่วมกับเธอ รอจนเขาจากไปแล้ว เธอจะทำอย่างไร ผู้ชายคนอื่นจะรังเกียจเธอหรือไม่
ไม่ เขาจะเห็นแก่ตัวไม่ได้ ไม่ได้
พอเฉวียนหมิงคิดเช่นนี้ อารมณ์ก็สงบลง ค่อยๆ ผลักอีลั่วเสวี่ยออก ลุกขึ้นนั่ง แล้วพยายามฉีกยิ้ม “ขอโทษนะ อาเสวี่ย”
ตอนที่ 415 วิตกอนาคตของเธอ
อีลั่วเสวี่ยรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของเฉวียนหมิง ทำให้เธอสับสนจนทำอะไรไม่ถูก เธอไม่ได้หมายความอย่างนั้น เพราะเจอเรื่องแบบนี้ครั้งแรก ไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไร
“ฉันบอกแล้ว คุณไม่ต้องขอโทษ”
“อืม ผมไม่ขอโทษ” เฉวียนหมิงพูด แล้วกอดอีลั่วเสวี่ยให้มาพิงข้างตัวตนเอง ในใจนอกจากกระสับกระส่ายและไม่อยากหยุดแล้ว ก็เป็นการโทษตัวเอง ตัวเขาเมื่อกี้เกือบจะทำร้ายเธอแล้ว อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น
อีลั่วเสวี่ยหันมา เงยหน้ามองเฉวียนหมิง “คุณเป็นอะไรไป ทำไมไม่ทำต่อ ฉันไม่อยากให้คุณรอ ฉันพร้อมแล้ว”
ได้ยินว่าในเวลาอย่างนี้ผู้ชายจะอดกลั้นไม่ได้ ไม่เช่นนั้นถัดมาจะรู้สึกไม่สบายอย่างยิ่ง เมื่อกี้เฉวียนหมิงคงคิดว่าเธอไม่ต้องการ ไม่ได้เตรียมใจ เขาจึงชะงัก
ผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะคำนึงแทนเธอ กลัวว่าจะส่งผลร้ายต่อเธอ
เฉวียนหมิงได้ยินที่อีลั่วเสวี่ยพูดก็รู้สึกตื้นตันใจ เกือบจะสลัดการตัดสินใจเมื้อกี้ของตนเองทิ้งไป แต่เขาก็สงบใจลงอย่างรวดเร็ว “อาเสวี่ย ผม…” คำพูดมาถึงปาก แต่เขากลับไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
อีลั่วเสวี่ยรอเขาพูดต่อ แต่กลับไม่มีประโยคต่อมา ทำให้รู้สึกคาใจ
ผ่านไปครู่หนึ่งอีลั่วเสวี่ยก้มหน้าลงจ้องมองที่จุดหนึ่งบนตัวเฉวียนหมิง ลังเลเล็กน้อยแล้วพูด “เฉวียนหมิง เป็นเพราะผลกระทบจากโรคใช่ไหม ทำให้ชะงัก?” แต่ก็ไม่น่าจะใช่ เมื่อกี้เธอสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเฉวียนหมิงแล้ว
เฉวียนหมิงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกกะอักกะอ่วน เขาคิดไม่ถึงว่าที่ตนเองชะงักไป กลับทำให้อีลั่วเสวี่ยเข้าใจผิดว่าเขาไร้สมรรถภาพ เขาบอกเมื่อไหร่ว่าเขาไร้สมรรถภาพ ที่จริงเก่งด้วยซ้ำ
อีลั่วเสวี่ยเห็นเฉวียนหมิงนิ่งเงียบไป จึงตบไหล่เขาเบาๆ “เราผูกพันกันขนาดนี้ มีอะไรที่พูดไม่ได้ เรื่องนี้คนโลกนี้อาจจะรู้สึกเป็นปัญหาบ้าง แต่ไม่เป็นไร คุณลืมฐานะฉันแล้วหรือ รักษาให้หายได้แน่นอน”
“อาเสวี่ย!” เฉวียนหมิงพูดเสียงดังขึ้น รู้สึกเขิน ทั้งคู่ถึงกับคุยกันเรื่องนี้แล้ว
“หือ?” อีลั่วเสวี่ยพยักหน้า แสดงท่าทีว่ากำลังตั้งใจฟัง
เฉวียนหมิงมองเธออย่างครุ่นคิด แล้วกุมมือเธอ “อาเสวี่ย ผมไม่อยากทำร้ายคุณ เวลาของผมเหลือไม่มากแล้ว ผมไม่อยากให้ในอนาคตคุณต้องอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีผม ยังสามารถมีคนอื่นคอยคุ้มครองคุณ แต่ถ้าผมทำอะไรกับคุณ งั้น…”
เขายังพูดไม่จบ อีลั่วเสวี่ยก็โถมตัวมาข้างหน้า ยกมือปิดปากเขาทันที
อีลั่วเสวี่ยลงโทษเฉวียนหมิงด้วยการกัดริมฝีปากเขา แล้วพูดอย่างท้าทาย “ใครใช้ให้คุณคิดอะไรบ้าๆ ถึงฉันจะมาจากยุคโบราณ แต่ก็มีความคิดอย่างคนสมัยนี้ อีกอย่าง ฉันเลือกคุณแน่นอนแล้ว ก็คือคุณ ชาติก่อนฉันอยู่มายี่สิบกว่าปีก็อยู่คนเดียวไม่ใช่หรือ ความรักสำหรับฉันแล้ว หลักการก็คือรักเดียวใจเดียว”
พ่อคนหน้าโง่ ที่แท้เขากลัวว่าหลังจากที่เขาจากไปแล้ว ถ้าเธอเคยมีอะไรกับเขา วันหน้าจะหาแฟนใหม่ อาจจะถูกรังเกียจ ไม่ได้มองเลยว่าคนอย่างอีลั่วเสวี่ยเป็นอย่างไร คนของเธอ เธอจะยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือ
“อาเสวี่ย ผม…”
อีลั่วเสวี่ยเกรงว่าเฉวียนหมิงจะยังคงกังวลอีก เธอยื่นมือไปจับสองแขนเขาไว้ เฉวียนหมิงรู้สึกเหมือนท้องฟ้าหมุนพื้นดินเคลื่อน พอตั้งสติได้ก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในห้องของตนแล้ว ส่วนอีลั่วเสวี่ยมองตนเองจากที่สูงลงมา
“เฉวียนหมิง ฟังให้ดีนะ วันหน้าคุณเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น แน่ละ ฉันก็เป็นของคุณเท่านั้น” ในเมื่อเขาไม่เป็นฝ่ายรุก งั้นเธอรุกเอง เขาจะได้ไม่ต้องคิดเพ้อเจ้อทั้งวัน
ผ่านเรื่องเมื่อครู่ อีลั่วเสวี่ยจึงรู้ว่าเฉวียนหมิงวิตกกับเรื่องนี้ตลอดมา
ถ้าเช่นนั้นให้เธอกินเขาซะ ทำอย่างนี้แล้วเขาก็จะไม่คิดมากแล้ว ขั่วขณะนั้นอีลั่วเสวี่ยเป็นเหมือนราชินีผู้ทรงอำนาจ คำสั่งของเธอ เฉวียนหมิงต้องผงกหัวคล้อยตามเท่านั้น
“ได้”
อีลั่วเสวี่ยยิ้มเมื่อได้ยินคำนี้ แล้วก้มตัวลง งับริมฝีปากที่บางของเขา