หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 351 สงคราม
บทที่ 351
สงคราม
“ท่านแม่ต้องรักษาคำพูดนะขอรับ” เทียนเอ๋อก็ได้พูดอย่างเข้าใจ บางทีเขาอาจจะโตขึ้นแล้วก็ได้
หลังจากที่มองส่งเทียนเอ๋อจากไป หลินซีเหยียนก็ได้ยุ่งทั้งกลางวันและกลางคืนซึ่งทำให้เจียงหวายเย่นั้นรู้สึกไม่ค่อยดีนัก แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรนางได้
“เมื่อใดที่ข้าพบต้นตอและจะทำยาถอนพิษ ข้าจะให้คนอื่นเป็นคนทำก็แล้วกัน”
และเพื่อความสะดวก หลินซีเหยียนก็ได้แปลงโฉมของตัวเองกลับไปใส่ชุดผู้ชายแล้วออกไปในฐานะของหลินอวิ๋นเซวียน
แต่ทว่า ไม่ว่าจะกี่แหล่งน้ำที่นางพบก็พบว่าน้ำนั้นใสสะอาดหมด แต่ทว่าพอนางสอบถามผู้ที่ป่วยว่าไปทานอะไรกันมาบ้างนั้น
ก็พบว่าทั้งหมดนี้มีบางอย่างที่เหมือนกัน
นั่นคือผู้ที่ป่วยนั้นไปดื่มเหล้ามาจากร้านเหล้าเดียวกัน แต่เจ้าของร้านนั้นกลับสบายดี
หลินซีเหยียนจึงได้ส่งคนออกไปตามจับเจ้าของร้านเหล้านั้น แต่ก็พบว่ามีแต่อาคารเปล่าและเจ้าของร้านก็ได้หายไปแล้วด้วย
แล้วในที่สุดหลินซีเหยียนก็ได้ตรวจพบพิษถึงแก่ชีวิตในเหล้าที่อยู่ในห้องเก็บใต้ดินในร้านนั้น
ตราบเท่าที่ไม่ใช่โรคระบาดแล้ว ปัญหานี้ก็จะถูกแก้ไขได้โดยง่าย
หลังจากที่รู้สาเหตุแล้วหลินซีเหยียนก็ปล่อยวางเรื่องอื่นๆแล้วปล่อยให้คนอื่นๆทำแทนนาง ส่วนตัวนางก็ได้ตั้งเป้าไปที่การทำยาถอนพิษ
เจียงหวายเย่นั้นก็ได้รู้สึกยินดีขึ้นมาที่นางนั้นได้พักบ้างแล้ว แต่ในตอนนี้เองที่กลับมีข่าวร้ายถูกส่งมาจากสนามรบ “เยี่ยจุนเจี๋ยถูกล้อมโดยกองทหารรัฐจงอยู่บนภูเขาขอรับ”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“ไม่มีอะไรหรอก” เจียงหวายเย่ได้บังสายตาหลินซีเหยียนแล้วรับจดหมายนั้นมา โดยที่เจียงหวายเย่นั้นไม่ได้บอกนางถึงเนื้อหาในจดหมาย แต่แอบเรียกอันอี้กับอันเอ้อให้มาหา
“เยี่ยจุนเจี๋ยถูกล้อม เราจะไปช่วยเขา เจ้าอยู่นี่คอยคุ้มครององค์หญิง”
“แต่มหาอุปราช ทำไมท่านถึงไม่ให้อันเอ้อไปกับท่านด้วย?”
“ไม่ ของเพียงพวกเจ้าอยู่ที่นี่กับนาง ข้าถึงจะได้วางใจ” สำหรับเจียงหวายเย่แล้ว ความปลอดภัยของหลินซีเหยียนนั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
“หน้าที่เพียงอย่างเดียวของพวกเจ้าคือปกป้ององค์หญิง”
ก่อนที่เขาจะจากไป เจียงหวายเย่ก็ยังคงไม่บอกเรื่องนี้กับหลินซีเหยียน ซึ่งกว่าที่นางจะรู้เรื่อง ก็เป็นวันต่อมาแล้ว
“ไม่ว่าคนไหนๆก็ไม่ยอมบอกข้าเลยสักคน บ้ากันจริงๆเลย”
หลินซีเหยียนก็ได้ไม่ลังเลที่จะตามเขาไปทันที และเมื่อนางมาถึงนางก็พบว่าเจียงหวายเย่นั้นถูกจงซู่เฟิงล้อมเอาไว้บนภูเขาตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน
ที่บริเวณตีนเขา
จงซู่เฟิงนั้นได้กระชากใบหน้าคุณชายที่หล่อเหลาของเขาออกแล้วเติมเต็มด้วยสายตาที่ดุดัน
“เจียงหวายเย่วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า” เขากล่าวพร้อมกับถือคบเพลิงเอาไว้ในมือของเขา แล้วเขาก็ได้เป็นคนนำจุดไฟเผาป่าบนภูเขา
จงซู่เฟิงก็ได้มองดูอยู่ไม่ไกลจากภูเขานัก เพราะเขานั้นอยากที่จะยืนยันการตายของเจียงหวายเย่ด้วยสายตาของเขาเอง
ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยไฟสีแดงฉาน หลินซีเหยียนก็ได้มองดูชายคนนั้นอยู่ไม่ไกลออกไปแล้วกล่าว “จงซู่เฟิง ทำไมเจ้าถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้ไปได้? ไม่ใช่ว่าเจ้าก็แค่ต้องการอยากจะยึดรัฐเจียงหรอกเหรอ?”
สายตาของหลินซีเหยียนที่ราวกับมองคนแปลกหน้านั้นได้ทำร้ายจงซู่เฟิงอย่างมาก
“ข้าก็เป็นเช่นนี้มาตลอดนั่นแหละ มีแต่ท่านต่างหากที่ไม่เคยมองข้าอย่างจริงจัง” นั่นก็เพราะในสายตาของท่าน ท่านมองแต่เจียงหวายเย่เท่านั้น
เมื่อคิดได้เช่นนี้ดวงตาของจงซู่เฟิงก็ได้หนาวเย็นขึ้นมา แล้วเขาก็ได้ยื่นมือของเขาออกไปหานางแล้วเรียกนางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เหยียนเอ๋อ เจ้ามานี่สิหากว่าเจ้ายอมมาหาเรา เราจะยอมยกโทษให้เจ้าที่หนีเราไปก็ได้”
จงซู่เฟิงนั้นนึกถึงตอนที่เขากระวนกระวายมากตอนที่เขาได้รับแจ้งข่าวถึงการหายไปของหลินซีเหยียน แต่โชคก็ยังเข้าข้างเขาที่ยังมอบโอกาสให้เขาได้แก้ตัว และหลินซีเหยียนก็ได้มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
และหลังจากที่เจียงหวายเย่ตายแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้จะได้กลายเป็นของเขาเพียงคนเดียว
หลินซีเหยียนนั้นไม่สนแม้แต่จะมองหน้าเขา นางรีบวิ่งไปที่ภูเขาที่ไฟกำลังลุกโหมอยู่ และได้พูดทิ้งท้ายไว้ให้จงซู่เฟิง
“เจอกันครั้งหน้า เจ้ากับข้าเป็นศัตรูกัน”
พร้อมด้วยอันเอ้อ พวกนางก็ได้เสียงที่จะถูกไฟคลอกแล้วขึ้นเขาไปโดยไม่ลังเล หลังจากที่สำลักควันเข้าไปหน่อย ในที่สุดนางก็พบเจียงหวายเย่กับพรรคพวกในที่แห่งหนึ่งบนภูเขา และยังไม่ได้รับผลกระทบจากไฟมากนัก
“น้องซีเหยียน!”
เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้ตกใจมากเมื่อเขาเห็นนางโผล่มา ราวกับว่าเขามองเห็นฟางเส้นสุดท้าย “เจ้ามาพอดี รีบไปหามหาอุปราชเร็วเขากำลังจะตายแล้ว”
ราวกับนึกอะไรบางอย่างออกได้ หลินซีเหยียนก็ได้ผลักอีกฝ่ายแล้วรีบไปดูเจียงหวายเย่ที่กำลังอ่อนแรงและหลับตาอยู่ท่ามกลางผู้คน และปรากฏความกระวนกระวายในดวงตาของนาง
“เขามีอาการมานานแค่ไหนแล้ว?” แม้จะมีความกระวนกระวายอยู่ในส่วนลึกในหัวใจของนาง แต่ก็ไม่ได้แสดงออกบนสีหน้าเลยแม้แต่น้อย
“ก็เกือบๆหนึ่งวันหนึ่งคืนได้แล้ว” เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้มองไปที่มหาอุปราชที่ไม่ได้สติอย่างเป็นกังวล มหาอุปราชนั้นได้พยายามที่จะมาช่วยเขา เขาคงไปยกโทษให้ตัวเองแน่หากว่ามหาอุปราชต้องเป็นอะไรไป
“น้องซีเหยียน มหาอุปราชเขา…..”
“ไม่เป็นไรหรอก มีข้าอยู่ด้วยเขาจะไม่เป็นอะไร” หลินซีเหยียนก็ได้หยิบเอาขวดยาออกมาจากในแขนเสื้อของนาง แล้วหลินซีเหยียนก็ไม่ลังเลที่จะเทยาทั้งหมดที่มีเข้าปากของ เจียงหวายเย่ไป
หลังจากนั้นก็ได้สั่งให้เยี่ยจุนเจี๋ย“จับตัว”เขาเอาไว้ หลังจากที่ถอดเสื้อของเขาออก หลินซีเหยียนก็ได้หยิบเอาเข็มเงินของนางออกมา แล้วก็เริ่มลงมือปักเข็มลงไปอย่างแม่นยำและรวดเร็ว และไม่นานนักเข็มเงินก็ได้มีเข็มปักเต็มตัวของเจียงหวายเย่
หลังจากที่การรักษาผ่านไปสักระยะ เจียงหวายเย่ก็ได้ลืมตาขึ้นมา
หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าที่เยือกเย็นของนาง แต่ไม่นานนักก็ได้หายไปแล้วพูดอย่างเย็นชา “ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าให้ท่านไปตายในที่ที่ไม่มีคนอยู่น่ะ”
เอามือลูบไปบนใบหน้าของนาง เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่นางด้วยความรู้สึกผิด “เปิ่นหวางทำให้เจ้าเป็นกังวลอีกแล้ว”
“ท่านรู้บ้างไหมว่าท่านทำข้ากังวลแค่ไหนน่ะ การที่ต้องรู้จากคนอื่นแล้วจากไปโดยที่ไม่บอกลาสักคำแล้วก็ทำตัวเองบาดเจ็บเนี่ย?” เมื่อสักครู่ ในขณะที่นางฝังเข็มลงไปนางก็พบแผลใหม่ที่ตัวเขา
หลินซีเหยียนนั้นเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่นางก็ยังพูดต่อ “หลังจากนี้หากท่านไปโดยไม่บอกลาข้าอีก ข้าจะไม่สนท่านแล้ว”
“ถ้าไม่ใช่เปิ่นหวาง แล้วเจ้าจะสนใคร?” รู้ดีว่านางนั้นแค่พูดหลอกเขา เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม และดวงตาที่อ่อนโยนของเขาทำให้หลายคนต้องหลงใหล
“แน่นอน หาคนอื่นที่ดีกว่าท่านไง” หลินซีเหยียนก็ได้เชิดคางของนาง “จะบอกให้ท่านรู้ไว้นะว่ายังมีคนอีกมากมายที่อยากแต่งงานกับข้านอกจากท่านน่ะ ถ้าท่านไม่ได้เรื่องเมื่อไร ข้าจะเปลี่ยนคนทันที”
“เปิ่นหวางไม่ยอมหรอกนะ” โดยที่ไม่ทันตั้งตัว เจียงหวายเย่ก็ได้สวมเข้ากอดนางแล้วกล่าวอย่างจริงจัง “เจ้าจะต้องเป็นของเราเจียงหวายเย่เท่านั้น แม้ตายกลายเป็นผีก็ต้องเป็นของเปิ่นหวาง เจ้าจะจากเราไปหาคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด!”
เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มโกรธขึ้นมาแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้เลิกแกล้งเขา แล้วพูดอย่างจริงจังในอ้อมแขนของเจียงหวายเย่ “งั้นก็อย่าเพิ่งตายก่อนท่านจะแต่งกับข้าสิ”
มีน้ำเสียงที่สั่นเครือในคำพูดของนาง เจียงหวายเย่นั้นรู้ดีว่าอาการบาดเจ็บของเขาและอาการพิษกำเริบนั้นทำให้ หลินซีเหยียนกลัวขึ้นมาจริงๆ เขาจึงได้กล่าวสัญญา “ไม่ต้องกังวล หากมีเจ้าและเทียนเอ๋ออยู่ด้วย เราจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองตายง่ายๆเด็ดขาด”
เขานั้นจะไม่ปล่อยให้คนที่เขารักสองคนต้องอาศัยอยู่ในโลกนี้เพียงลำพัง เพราะนั่นคือสิ่งที่โหดร้ายที่สุดที่เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เกิดขึ้นเด็ดขาด
คนอื่นๆก็ได้ถอยไปห่างๆเล็กน้อยแล้วปล่อยให้พวกเขาอยู่กันตามลำพัง
แต่ทว่าไฟเริ่มลามเข้ามายังทางนี้ด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า และสถานการณ์ในเวลานี้ก็ร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เยี่ยจุนเจี๋ยจึงต้องกล่าวเตือน “น้องซีเหยียน, มหาอุปราช พวกเราจะต้องหาทางฝ่าออกไปจากที่นี่โดยเร็วแล้ว ไฟกำลังจะลามมาถึงที่นี่แล้ว”