หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 347 เราไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
บทที่ 347
เราไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
แน่นอนว่าสวี่ชิงหลานนั้นรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว แต่นางก็ไม่ได้สนใจเพราะสิ่งที่นางสนใจนั้นมีอยู่แค่เรื่องเดียว “แสดงว่าแม่นางหลินมาที่รัฐจงเพราะแม่ทัพเยี่ยอย่างนั้นเหรอ?”
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัว “แล้วตอนนี้ท่านสนมเอกคิดที่จะทำเช่นไรกับพวกเราล่ะ?”
สวี่ชิงหลานก็ได้ยิ้มออกมาเล็กน้อย เดิมทีใบหน้าปกติของนางนั้นก็งดงามอยู่แล้ว แต่พอนางยิ้มขึ้นมาก็เป็นอะไรที่น่าดึงดูดใจอย่างมาก ทำให้ผู้คนนั้นรู้สึกอดใจไว้ไม่ไหวและอยากที่จะปกป้องสาวงามคนนี้
แล้วในชั่วขณะต่อมา เสียงของสวี่ชิงหลานก็ได้ดังขึ้นมา “เราก็แค่เดินละเมอในวังหลวงเท่านั้น ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
จากนั้นนางก็ได้หายไปท่ามกลางสายตาที่ประหลาดใจของหลินซีเหยียน
“อย่างที่องค์หญิงเห็น ดูเหมือนสนมสวี่นั้นไม่อยากที่จะยุ่งกับเรื่องของพวกเราขอรับ” ถึงแม้ว่าจี๋เฟิงนั้นจะไม่เข้าใจเท่าไร แต่เขาก็รู้ว่าในเวลานี้พวกเขาจำเป็นที่จะต้องไปติดต่อกับ เยี่ยจุนเจี๋ยให้เร็วที่สุด
เมื่อพวกเขามาถึงที่หน้าทางเข้าคุก พวกเขานั้นไม่ได้ดึงดูดความสนใจของอีกฝ่ายมากนักเพราะทั้งคู่นั้นสวมเครื่องแบบทหารอยู่
จี๋เฟิงก็ได้เดินนำหน้าหลินซีเหยียนแล้วกล่าวด้วยเสียงเหนื่อยๆ “องค์ฮ่องเต้ได้มีรับสั่งลับให้มานำตัวเยี่ยจุนเจี๋ยไปกับพวกเราโดยไว”
คนเฝ้าที่หน้าประตูก็รู้สึกสงสัยนิดหน่อย แต่เขาก็ได้มองไปที่คนตรงหน้าเขาอย่างระแวดระวัง ซึ่งก็พบว่าไม่มีท่าทีที่เย่อหยิ่งหรืออายเลยแม้แต่น้อย และด้วยแรงกดดันที่มองไม่เห็นเช่นนี้จะต้องเป็นคนขององค์ฮ่องเต้แน่ๆ
ดังนั้นเขาจึงได้พาหลินซีเหยียนกับจี๋เฟิงเข้าไปข้างใจ ซึ่งจริงๆแล้วทั้งคู่นั้นก็โชคดีอยู่ เพราะก่อนหน้านี้จงซู่เฟิงก็ได้เรียกเยี่ยจุนเจี๋ยให้ไปพบอยู่บ่อยครั้ง วันนี้เองก็เช่นกัน
หลังจากที่เข้ามาในคุกโดยนำทางของผู้คุม หลินซีเหยียนที่เข้ามาในคุกแล้วก็ได้พบกับเยี่ยจุนเจี๋ย
“ตื่น องค์ฮ่องเต้อยากที่จะพบเจ้า” จี๋เฟิงก็ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกและหมดความอดทน ราวกับทหารที่หงุดหงิดเพราะถูกให้มาทำงานยามดึก
เยี่ยจุนเจี๋ยที่เดิมทีอยากที่จะต่อว่ากลับไปสักคำสองคำนั้น ทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นมาเขาก็พบหลินซีเหยียน ซึ่งเป็นเพราะเขาที่ตกใจเกินไปจึงทำให้เขาต้องกลืนคำที่เขากำลังจะพูดลงไป
ด้วยใบหน้าที่นิ่งเงียบ เขาก็ได้ลุกขึ้นมาแล้วเดินตามทั้งสองคนออกไปข้างนอกคุก ตอนแรกก็คิดว่าเรื่องนี้จะจบลงง่ายๆแล้ว แต่ก็ไม่นึกว่าตอนที่เยี่ยจุนเจี๋ยกำลังจะออกจากคุกนั้นเอง
ผู้คุมก็ได้พูดขึ้นมา “ทั้งสองท่าน องค์ฮ่องเต้ได้มอบแผ่นป้ายมาให้ด้วยหรือเปล่า ขอข้าดูแผ่นป้ายสักหน่อยได้ไหม? เพื่อเป็นหลักประกันน่ะ”
แผ่นป้ายบ้าอะไรอีก หลินซีเหยียนกับจี๋เฟิงจะไปมีของแบบนั้นได้ยังไง?
เดิมทีพวกเขาคิดที่จะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แต่ผู้คุมก็ได้ขวางพวกเขาเอาไว้และพูดด้วยเสียงที่เน้นหนักกว่าเดิม “ทั้งสองท่าน!”
“ฝ่าบาทมีรับสั่งให้เรียกตัวเป็นการด่วนน่ะ จึงมีแต่รับสั่งปากเปล่าไม่มีแผ่นป้ายมาด้วยน่ะ” จี๋เฟิงก็ได้กล่าวพลางพยายามเดินออกไปข้างนอก แต่ทว่ามือของเขาก็ได้จับไปที่ดาบยาวที่อยู่ที่เอวของเขาแล้ว
ในเวลานี้พวกเขานั้นอยู่ในคุกที่มีการคุ้มกันที่แน่นหนามาก ถ้าหากถูกพบเข้าในเวลานี้จะต้องเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงหวังที่จะแก้ตัวน้ำขุ่นๆไปได้
แต่ทว่ากับสถานที่ที่มีการเตรียมการพร้อมเช่นนี้ การที่จะโชคดีหลุดไปได้นั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
ในขณะที่ผู้คุมเริ่มพบว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่นั้นเอง หลินซีเหยียนก็ได้รีบโปรยผงยาใส่หน้าของเขา ซึ่งในขณะที่ผู้คุมกำลังจะล้มลงพื้นอยู่นั้นเอง เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้ประคองอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ
หลินซีเหยียนกับจี๋เฟิงก็ได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ทว่าหายนะยังคงไม่จบแค่นั้น ทำไมพวกเขาถึงได้จัดวางตำแหน่งของผู้คุมให้อยู่ในสายตาของทุกคนได้ดีขนาดนี้นะ?
“ลูกพี่ พวกทหารจากรัฐเจียงเริ่มก่อปัญหากันอีกแล้วขอรับ ลูกพี่จะเอายังไงดี?”
หลินซีเหยียนกับพรรคพวกก็ได้พยายามเดินผ่านไปอย่างช้าๆ แต่อีกฝ่ายก็ได้ขวางทางพวกเขาเอาไว้ เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ดูไม่แก่ของอีกฝ่ายแล้วก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าเขานั้นคงจะเป็นลูกน้องของผู้คุมคนนี้
เป็นเวลาพักใหญ่ๆที่ชายคนนั้นพบว่าลูกพี่ผู้คุมของเขานั้นไม่พูดตอบอะไรกลับมา และรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับลูกพี่ เขาจึงได้ตะโกนขึ้นมา “ที่นี่มีคนมาช่วยนักโทษแหกคุกไปแล้ว”
ถึงแม้ว่าจี๋เฟิงนั้นจะจัดการกับคนคนนั้นได้อย่างรวดเร็ว แต่เสียงของอีกฝ่ายก็ได้ดึงดูดความสนใจของคนอื่นไปแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องออกไปจากที่นี่โดยด่วนก่อนที่จะถูกล้อม
เยี่ยจุนเจี๋ยกับจี๋เฟิงก็ได้คอยคุ้มกันหลินซีเหยียนที่อยู่ตรงกลางแล้ววิ่งหนีออกไปที่ประตูคุก
ซึ่งในระหว่างนี้เยี่ยจุนได้รับดาบมาเล่มหนึ่งเพื่อใช้ปกป้องหลินซีเหยียน “น้องซีเหยียน ข้ารู้ว่าพวกทหารรัฐเจียงถูกขังเอาไว้ที่ไหน บางทีพวกเราควรจะไปปล่อยพวกเขาและให้ช่วยกันพาหนีออกไปจากที่นี่”
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปกัน” หลินซีเหยียนก็ได้เชื่อฟังที่ เยี่ยจุนเจี๋ยบอก แล้วทั้งสามคนก็ได้ทะลุผ่านการคุ้มกันแล้วในที่สุดก็ได้มุ่งหน้ามายังที่ที่ทหารเจียงถูกคุมขังอยู่
แล้วในชั่วขณะที่พวกเขาพบเยี่ยจุนเจี๋ย พวกเขาต่างก็ดีใจ “ท่านแม่ทัพ ท่านมาที่นี่เพื่อช่วยพวกเราเหรอขอรับ?”
เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้ผงกหัว “แต่ตอนนี้พวกเราเองก็ถูกพบแล้ว พวกเจ้าจะเสี่ยงดวงแหกคุกไปกับข้าไหม?”
“ด้วยความยินดีขอรับ”
“พวกเราพร้อมที่จะตามท่านแม่ทัพไปตาย” ท่านเหล่านี้ต่างก็ฮึกเหิมและเร่าร้อนขึ้นมา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไร้อาวุธและอ่อนแอก็ตามที แต่พวกเขาต่างก็ไม่มีลังเลและมุ่งมั่นที่จะตาย
“ต่อให้พวกเราต้องตาย พวกเราก็จะต้องปกป้องท่านแม่ทัพให้ได้” คำพูดง่ายๆแต่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณลูกผู้ชาย
เมื่อใดที่จี๋เฟิงได้ตัดโซ่ตรวนที่ล่ามพวกเขาเอาไว้ขาด มันก็เป็นเวลาที่เหล่าผู้กล้านับไม่ถ้วนที่พากันล้มตายทุกหนทุกแห่ง ไม่มีอาวุธแล้วยังไง? บาดเจ็บแล้วยังไง? พวกเขาจะพูดด้วยหมัดของพวกเขาและจะปกป้องท่านแม่ทัพด้วยหมัดของพวกเขาเอง
ในสภาพของการต่อต้านที่สิ้นหวังนี้ ในที่สุดพวกเขาก็ได้มาถึงที่หน้าประตูคุกจนได้ สำหรับเหล่าทหารของรัฐเจียงนั้นมันคือแสงสว่างในความมืดมิดและเสียงจากนรก
เมื่อพวกเขามาถึง หลินซีเหยียนกับจี๋เฟิงก็ได้มองไปรอบๆ และทำความเข้าใจกับพื้นที่รอบๆ
มองไปที่เยี่ยจุนเจี๋ยและเหล่าทหารที่เหลือที่พากันหลบซ่อนกันอยู่นั้น ซึ่งในที่สุดพวกเขาก็ได้สลัดหลุดการตามล่ากันมาได้
“แล้วพวกเจ้าจะทำเช่นไรต่อ? จงซู่เฟิงจะต้องเดาได้แล้วว่าเป็นฝีมือของพวกเจ้าที่มาช่วยพวกเรา” เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนด้วยความเป็นห่วง หลินซีเหยียนเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา เขาไม่อาจที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายต้องมาตกอยู่ในอันตรายแทนเขาได้
หลินซีเหยียนเองก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ นางจึงได้รีบบอกไป “พี่จุนเจี๋ยไม่ต้องกังวล ข้าคิดว่ามีที่เหมาะๆสำหรับที่จะใช้ซ่อนตัวแล้ว”
แล้วหลินซีเหยียนก็ได้แอบกลับไปที่ตำหนักนั้นพร้อมกับพวกเขา
“ซีเหยียน เจ้าทำอะไรโง่ๆอีกแล้ว จงซู่เฟิงจะต้องมาค้นหาที่นี่เป็นอย่างแรกแน่” เมื่อรู้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่จงซู่เฟิงได้จัดไว้ให้หลินซีเหยียนเข้าพัก เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้แสดงอาการไม่เห็นด้วยอย่างแข็งกร้าวทันที
ในเวลานี้เทียนเอ๋อกำลังหลับอยู่อีกห้องหนึ่ง ซึ่ง หลินซีเหยียนก็ได้เตือนเยี่ยจุนเจี๋ยให้ลดเสียงลงมาหน่อยแล้วจากนั้นก็กล่าว “ข้าจะปลอมตัวพวกท่านเสียก่อน แล้วจากนั้นพวกท่านก็พากันแยกย้ายไปทั่วตำหนัก เชื่อข้าสิพวกเราหลบพ้นแน่”
หลังจากนั้นหลินซีเหยียนก็ได้นับหัวผู้ที่เหลือรอดรวมถึงเยี่ยจุนเจี๋ยด้วยแล้ว มีกันอยู่ทั้งหมด 6 คน นางคงไม่อาจที่จะทำได้เพียงลำพังแน่
“จี๋เฟิงเจ้าช่วยไปตามชิงอวี่มาให้ที” ด้วยแป้งในมือของนาง หลินซีเหยียนก็ได้เริ่มบรรเลงลงบนหน้าของเหล่าทหาร แล้วจากนั้นก็ม้วนผมเป็นกระจุกง่ายๆไว้บนหัว
ทีนี้จากชายเลือดร้อนก็ได้กลายมาเป็นหญิงสาวธรรมดาๆแล้ว
“องค์หญิง มีอะไรให้ชิงอวี่รับใช้เหรอเจ้าคะ?” ไม่นานนักชิงอวี่ก็ได้มาหาในห้อง นางนั้นรู้ดีถึงสถานการณ์นี้นางจึงไม่ได้แสดงสีหน้าตกใจอะไร
“ไปหาชุดสาวใช้ของเจ้ามาให้พวกเขาใส่ที และก็จัดการพันผ้าพันแผลให้พวกเขาให้เรียบร้อย ขอไวๆด้วย”
จากในกระเป๋าเอวของนาง นางก็ได้หยิบเอายาห้ามเลือดและรักษาแผลส่งให้กับชิงอวี่
ในขณะที่ทุกคนกำลังแต่งตัวและทำแผลกันอยู่นั้น เรื่องของการแหกคุกในครั้งนี้ก็ได้รู้ไปถึงหูของเจียงหวายเย่แล้ว