หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 344 สัญญาของทั้งสองคน
บทที่ 344
สัญญาของทั้งสองคน
หลินซีเหยียนก็ได้รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา วิปลาสด้ายแดงนั้นไม่เพียงแต่อาศัยอยู่ในร่างกายมนุษย์แล้ว มันยังดูดซับเอาพลังกายของเจ้าของร่างมาอีกด้วย ในเวลานี้ก็ได้เสียเวลามาพักใหญ่ๆแล้ว และไม่อาจที่จะรอต่อไปได้อีก
ในเวลานี้อันอี้กำลังเตรียมยาอยู่ยังไม่กลับมา จึงไม่มีใครอื่นอยู่ในห้องนอกจากหลินซีเหยียนและเจียงหวายเย่
ในเวลานี้หลินซีเหยียนนั้นก็ออกจากห้องไปไหนไม่ได้ ในขณะที่นางกำลังลำบากใจอยู่นั้น ก็นึกถึงหน่วยเชียนจี๋ขึ้นมา นางจึงได้หันหน้าไปมองในความมืดแล้วกล่าว “ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ ช่วยออกมาทีเถอะ”
หน่วยพันกลนั้นเป็นเหมือนกับไพ่ตายของเจียงหวายเย่ ดังนั้นเชียนอี้จึงไม่สามารถที่จะปรากฏตัวออกมาได้ง่ายๆ เขาจึงได้ทำเสียงเหมือนนกดุเหว่าแทน แล้วจากนั้นอันเอ้อก็ได้เปิดประตูเข้ามาข้างใน
“ไม่ทราบว่าองค์หญิงต้องการสิ่งใดเหรอขอรับ?”
หากเทียบกับอันอี้แล้ว อันเอ้อนั้นดูงดงามกว่ามาก แต่ก็มีสิ่งที่ไม่มีข้อยกเว้นคือทั้งคู่นั้นมีใบหน้าที่นิ่งเฉยมาก แม้แต่น้ำเสียงตอนพูดก็ยังเบาและเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ได้พบกัน แต่หลินซีเหยียนก็ไม่ได้พูดสุภาพกับเขา นางเปิดปากขึ้นมาแล้วกล่าว “ไปเอาเลือดไก่มาให้ชามนึง”
เลือดไก่? ปกติของอย่างนี้มักใช้โดยพวกนักพรตเต๋าไม่ใช่เหรอ หรือว่าองค์หญิงจะเอามาไล่วิญญาณร้าย?
แล้วอันเอ้อก็ได้จากไป ไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะไปหาเลือดไก่มาชามหนึ่ง ก็แค่ไปที่ห้องครัวแล้วฆ่าไก่สักตัว ไม่นานนักอันเอ้อก็ได้กลับเข้ามา
หลักจากที่นำชามที่มีเลือดกลิ่นแรงมา หลินซีเหยียนก็ได้วางเอาไว้ข้างใต้มือของเจียงหวายเย่
สำหรับแมลงวิปลาสชนิดนี้เลือดสดๆเป็นเหมือนอาหารอันโอชะของมัน ดังนั้นเจ้าแมลงด้ายแดงนี้ย่อมไม่อาจทนต่อความเย้ายวนนี้และในที่สุดก็ได้โผล่หัวของมันออกมา แต่ไม่นานนักมันก็รู้สึกได้ถึงอันตรายและคิดที่จะหดตัวกลับเข้าไป
แต่หลินซีเหยียนจะยอมพลาดโอกาสนี้ได้อย่างไร นางจึงได้รีบคว้าหัวของมันด้วยแหนบอันเล็กในมือนางแล้วดึงมันออกมารวดเดียว
มองดูเหตุการณ์นี้ทำเอาดวงตาของอันเอ้อต้องเบิกกว้าง เพราะในเวลานี้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นไม่ใช่แค่หนอนตัวเล็กๆ แต่เป็นหนอนสีแดงที่ความยาวเท่าแขนคนแต่บางพอๆกับเส้นผม
เมื่อคิดว่าเจ้าสิ่งนี้ได้ออกมาจากร่างของมหาอุปราชแล้วทำให้เขารู้สึกหนาวเย็นขึ้นมา
“มานี่แล้วเอาเจ้านี่ไปให้อันอี้ที อันอี้รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับมัน”
เอาแมลงวิปลาสให้อันเอ้อพร้อมกับแหนบ แต่สายตาของหลินซีเหยียนนั้นยังคงจดจ่ออยู่ที่เจียงหวายเย่ “จำเอาไว้แมลงด้ายแดงตัวนี้ได้สะสมพลังของเจ้านายเจ้าเอาไว้ จะปล่อยให้มันถูกทำลายไม่ได้เด็ดขาด”
อันเอ้อก็ได้ผงกหัวแสดงออกว่าเขาเข้าใจแล้ว แล้วจากนั้นก็ได้เดินไปหาอันเอ้อ
เจียงหวายเย่ที่ถูกดึงหนอนด้ายแดงออกมาจากร่างนั้นก็ได้อ่อนแอลงมาทันใด ใบหน้าของเขาได้ซีดเผือดราวกับกระดาษ เขานั้นสูญเสียทั้งกำลังภายในและจิตวิญญาณ ในเวลานี้เขาดูเปราะบางอย่างมาก
แต่ในสภาพนี้ ด้วยความดื้อรั้นของเจียงหวายเย่และการปฏิเสธที่จะยอมรับชะตากรรมของเขาก็ได้ปรากฏออกมาอย่างชัดเจนมา ซึ่งไม่นานนักเขาก็ได้ลืมตาขึ้นมาแล้วยิ้มให้กับหลินซีเหยียน
“เสี่ยวเหยียนเอ๋อเหมือนเป็นดาวนำโชคของเปิ่นหวางจริงๆ เจ้าสามารถช่วยเราเอาไว้ได้จากอันตรายทุกครั้ง” ริมฝีปากซีดบางของเขาก็ได้ขยับขึ้นลง และน้ำเสียงที่อ่อนแรงของ เจียงหวายเย่ก็ได้บ่งบอกที่ความอ่อนแอของเขาได้เป็นอย่างดี
“มหาอุปราช ในเวลานี้ท่านอย่าเพิ่งพูดอะไร” หลินซีเหยียนก็ได้วางมือของนางไว้ที่ปากของเจียงหวายเย่ ใบหน้าของนางนั้นนิ่งมาก นางนั้นยังไม่ลืมเรื่องที่เจียงหวายเย่ไม่ห่วงตัวเองไปเพียงเพราะคำพูดแค่คำสองคำของเจียงหวายเย่
ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังคิดที่จะสั่งสอน เจียงหวายเย่อยู่นั้น อันอี้ก็ได้เดินเข้ามาพร้อมกับยาต้ม
หลินซีเหยียนก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วกลืนคำที่นางยังไม่ได้พูดลงไปก่อน จากนั้นก็ได้ส่งยาต้มนั้นให้เจียงหวายเย่แล้วมองดูอีกฝ่ายดื่มยาลงไป ซึ่งในขั้นตอนนี้หลินซีเหยียนไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ
หลังจากที่ดื่มยาเสร็จ เจียงหวายเย่ก็ได้รู้สึกตัวเบาขึ้นมาแล้วจากนั้นก็ได้พูดอย่างโล่งอก “วิชาแพทย์ของ เสี่ยวเหยียนเอ๋อช่างสมบูรณ์แบบจริงๆ ยาชามนี้เห็นผลทันตามากตอนนี้เรารู้สึกดีขึ้นมาแล้ว”
“งั้นเหรอ?” หลินซีเหยียนก็ได้พ่นลมออกมาทางจมูกอย่างเย็นชา และรอยยิ้มที่มุมปากของนางก็ผสมเอาไว้ซึ่งความหนาวเย็น
ท่าทีที่อีกฝ่ายแสดงออกมานั้นเห็นได้อย่างชัดเจน ต่อให้เจียงหวายเย่อยากที่จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ก็ตามที “ปัญหานี้จำเป็นต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆเหรอ?”
เจียงหวายเย่ก็ได้ถอนหายใจออกมาแล้วจากนั้นก็ได้แกล้งทำเป็นน่าสงสาร “เหยียนเอ๋อ เราเพิ่งจะฟื้นจากอาการสาหัสนะ เจ้ายังมีกะใจที่จะต่อว่าเราได้จริงๆเหรอ?”
“ต่อว่าเหรอ?” สีหน้าของหลินซีเหยียนก็ได้มืดดำขึ้นมาโดยไม่รับรู้ถึงความน่าหลงใหลในแผนชายงามของเจียงหวายเย่ นางมองไปที่อีกฝ่ายแล้วพูดต่อ “มหาอุปราชเป็นถึงผู้สูงศักดิ์ ผู้หญิงธรรมดาต่ำต้อยอย่างข้าจะกล้าไปต่อว่าท่านได้อย่างไร?”
คำพูดนี้ได้ทำให้เจียงหวายเย่กระวนกระวายจนแทบจะเป็นบ้าขึ้นมา เขาที่ไม่กลัวใครแม้แต่ฟ้าดินนั้น ในเวลานี้เขาไม่อาจทนฟังคำพูดของหลินซีเหยียนที่ต้องการจะจากเขาไปได้
จึงได้พยายามฝืนลุกขึ้นมา แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้กอดหลินซีเหยียนเอาไว้ในอ้อมแขนของเขา เขามองไปที่อันอี้ที่อยู่ในห้องนั้นและได้ถอยออกไปอย่างเชื่อฟัง
“ปล่อยข้านะ” เสียงของหลินซีเหยียนนั้นฟังดูเย็นชามาและน้ำเสียงของนางก็ช่างเหินห่างมาก ราวกับกำลังคุยอยู่กับคนแปลกหน้า
ดวงตาของเจียงหวายเย่ก็ได้มืดดำขึ้นมา และก่อน หลินซีเหยียนด้วยแขนของเขาที่แน่นมากขึ้นไปอีก “ต่อให้เปิ่นหวางต้องตายก็ไม่ยอมปล่อย”
เสียงที่น่าดึงดูดนี้ได้ทำให้หัวใจของหลินซีเหยียนต้องสั่นไหว แต่นางจะต้องทำให้เจียงหวายเย่นั้นเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าตัวนางนั้นไม่ใช่พระเจ้าที่จะสามารถพาคนกลับมาจากความตายได้ทุกเมื่อ และถ้าหากอีกฝ่ายนั้นมีอาการที่สาหัสมากกว่านี้แม้แต่นางก็คงไม่อาจช่วยอะไรเขาได้
จริงๆแล้วความโกรธของนางนั้นไม่ใช่เพียงแค่โกรธ เจียงหวายเย่อย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงตัวนางด้วยถ้าหากว่าวิชาแพทย์ของนางนั้นสุดยอดมากกว่านี้ นางก็คงไม่ต้องมากังวลว่าพิษของเจียงหวายเย่นั้นจะกำเริบเมื่อไรทุกครั้งไป
“ถ้าท่านอยากจะตายนักนะเจียงหวายเย่ ไปตายที่ไหนก็ได้ที่ข้าไม่เห็นไป อย่าได้มาทำให้ข้ารู้สึกว่าตัวเองไร้ความสามารถเช่นนี้อีก” ดวงตาของหลินซีเหยียนก็ได้พร่ามัวขึ้นมาราวกับว่านางนั้นกำลังมองไปยังที่ไกลๆ
และเพราะเจียงหวายเย่นั้นกำลังกอดหลินซีเหยียนด้วยแขนของเขาอยู่ เขาจึงรู้สึกได้ว่าหลินซีเหยียนนั้นกำลังตัวสั่นด้วยความกลัวภายใต้ท่าทีที่เย็นชาของนาง
ดวงตาของเจียงหวายเย่ก็ได้เต็มเปี่ยมด้วยความหดหู่ขึ้นมาเพราะความทรงจำที่เลวร้ายที่เขาได้มอบให้หลินซีเหยียน แต่ทว่าอีกใจหนึ่งเขาก็แอบดีใจอย่างมาก เขาไม่คิดว่าตัวเขานั้นจะสำคัญกับเสี่ยวเหยียนเอ๋อมากขนาดนั้น
มันเหมือนกับมอบพลังให้เขาอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ
อย่างที่คิดเอาไว้หายนะทั้งหมดในชีวิตของเขานั้นก็เพื่อได้มาพบกับหลินซีเหยียน ผู้หญิงที่เขาจะรักอย่างสุดขั้วหัวใจ และแน่นอนว่ารวมถึงลูกของเขาด้วย
ขณะที่กำลังกอดหลินซีเหยียนอยู่ เจียงหวายเย่ก็ได้กระซิบข้างหูของนาง “ต่อจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว เปิ่นหวางสัญญา”
สัญญาที่จริงจังนี้ได้ทำให้หลินซีเหยียนได้ถอนหายใจออกมา และน้ำตาก็ได้ไหลออกมาจากขอบตาของนาง เจียงหวายเย่ก็ได้ก้มหัวลงมาและจูบไปที่น้ำตานั้นอย่างรักใคร่ แล้วจากนั้นก็ได้ลงมาจูบที่ริมฝีปากแดงของหลินซีเหยียนอย่างนุ่มนวลและทะนุถนอม
สัมผัสที่เงียบสงบนี้ทำให้ทั้งสองคนตัวสั่น ทั้งคู่มองไปที่ดวงตาของกันและกัน ถ้อยคำหลายพันคำได้กลายมาเป็นดวงตาที่รักใคร่และสลักลึกไปในดวงวิญญาณของทั้งคู่
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังจูบกันอย่างดูดดื่มอยู่นั้น ประตูก็ได้ถูกเปิดออกมา เทียนเอ๋อที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูก็ได้มีสีหน้าตกใจแล้วพูดออกมาอย่างเขินอาย “เชิญท่านแม่กับท่านพ่อต่อตามสบายขอรับ”
แล้วเจ้าตัวแสบเทียนเอ๋อก็ได้หนีหายไปทันทีราวกับสายลม ซึ่งในขณะที่เขาหนีก็ไม่ได้ลืมที่จะปิดประตูให้ทั้งสองคนด้วย
หลินซีเหยียนก็ได้กระแอมแล้วจากนั้นก็ได้ผลัก เจียงหวายเย่ออกไป บรรยากาศเมื่อสักครู่นั้นได้หายไปแล้ว จะให้พวกเขาทำต่อกันได้อย่างไร…..แล้วความคิดนี้ก็ได้จบลงท่ามกลางสายตาที่ปรารถนาของเจียงหวายเย่ ที่ไม่คิดว่าจู่ๆจะมีคนโผล่เข้ามาขัดเช่นนี้