หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 335 ไม่ไว้หน้า
บทที่ 335
ไม่ไว้หน้า
ชวีหย่วนซานก็ได้คิ้วขมวดขึ้นมา ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรเขาก็ได้ยินที่ท่านพ่อของเขากล่าว “พี่หลิวไม่ได้พบกันมาตั้งนานหลายปี ลูกสาวของเจ้าโตเป็นสาวสะพรั่งขนาดนี้เชียว”
เมื่อได้ยินที่กล่าวหลิวฟู่ก็ได้ตาลุกวาวขึ้นมาแล้วกล่าว “ไม่ทราบว่าพี่ชวีนั้นยังจำเรื่องที่ภรรยาของท่านกับภรรยาของข้าสัญญากันไว้ได้หรือไม่?”
มีเรื่องเช่นนั้นอยู่ด้วยอย่างนั้นเหรอ?
ชวีหย่วนชานถึงกับผงะ แล้วจากนั้นก็ได้รีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านลุงหลิว ตอนนี้พวกเราก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พวกเราต่างก็อยากที่จะเลือกคู่ครองตามความต้องการของตัวเองนะขอรับ!”
“เอ๋ หลานหย่วนซานมีคนที่ชอบอยู่แล้วอย่างนั้นเหรอ?” หลิวฟู่ก็ได้ถามอย่างไม่พอใจเท่าไร ในเวลานี้ทุกคนในเมืองหลวงต่างก็รู้ดีว่าตระกูลชวีกำลังจะรุ่งเรืองในไม่ช้านี้แล้ว มันจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่ควรจะสานสัมพันธ์กันเสียตั้งแต่ตอนนี้!
ชวีหย่วนซานก็ได้มองไปที่หลิวซินหรูอีกหน ทั้งความสามารถและรูปโฉมของอีกฝ่ายนั้นเรียกได้ว่าอยู่ในระดับกลางๆ ซึ่งนางนั้นไม่เหมาะสมกับคนอย่างเขา ชวีหย่วนซานจึงได้กล่าวออกไป “ใช่ขอรับ ข้ามีคนที่ชอบแล้ว ดังนั้นข้าต้องขอขอบคุณในความปรารถนาดีของลุงหลิวมากขอรับ”
หลิวซินหรูนั้นก็ได้รู้สึกอ้างว้างขึ้นมาเมื่อนางได้ยินที่เขากล่าว
ชวีฮุยจงก็ได้กล่าวอย่างโมโห “ในฐานะพ่อแล้ว ทำไมข้าถึงไม่รู้เลยว่าเจ้ามีคนที่ชอบแล้ว? และพี่หลิวเองก็เป็นพี่ชายร่วมสาบานที่ดีของพ่อ ข้าอยากให้เจ้าลองได้อยู่พูดคุยแม่หนูหลิวสักพักก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกทีก็ได้”
หลิวฟู่นั้นไม่อยากที่จะทำให้ชวีหย่วนซานต้องลำบากใจ แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าลูกสาวของเขานั้นจะสนใจชวีหย่วนซานอยู่บ้าง แต่เขาก็คงต้องนางล้มเลิกความคิดเสียแล้ว “ดูเหมือนว่าพวกเด็กๆจะมีความคิดและคนที่ชอบเป็นของตัวเองแล้ว พวกเราก็อย่าไปฝืนเด็กมันเลย”
“ท่านพ่อ ลูกรู้สึกไม่ค่อยดีขอตัวกลับก่อนเจ้าค่ะ” ราวกับว่าหลิ่วซินหรูนั้นไม่อยากที่อยู่เพื่อปฏิสัมพันธ์กับใครต่อ จึงได้ขอตัวกลับบ้านก่อน
ชวีฮุยจงก็ได้จ้องไปที่ลูกชายของเขาอย่างโมโหและกล่าวว่า “ทำไมเจ้าถึงยังไม่ตามนางไปอีก?”
“ท่านพ่อ ลูกนั้นเห็นแม่นางหลิวเป็นเพียงน้องสาวและสหายเท่านั้น ท่านพ่ออย่าได้จับคู่ระหว่างลูกกับนางเลย” ชวีหย่วนซานก็ได้ย่นใบหน้าของเขาและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ “ลูกนั้นหลงรักหลินรั่วจิ่ง ถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะยังไม่มองลูก แต่ลูกก็ยังอยากที่จะสู้ต่อ”
หลินรั่วจิ่ง? หลิวฟู่ก็ได้ยักคิ้วขึ้นมา แล้วประกายไฟที่ยังคงเหลือในหัวใจของเขาก็ได้หายไปทันที เขานั้นรู้ดีว่าลูกสาวของเขากับองค์หญิงรั่วจิ่งนั้นเทียบกันไม่ได้เลย
“โอหัง นี่ข้าไม่เจอเจ้าแค่ไม่กี่ปีกลับทำตัวเหลวไหลถึงเพียงนี้ แม้แต่พ่อพูดอะไรก็ไม่เชื่อฟังอย่างนั้นเรอะ?”
น้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดของชวีฮุยจงได้ทำให้ชวีหย่วนซานถึงกับต้องตัวสั่น ทำให้เขาต้องนึกถึงความดุของพ่อเขาในตอนที่เขาเป็นเด็กขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ท่านพ่อใจเย็นก่อน ลูกจะรีบตามไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ท่านพ่อของเขาเพิ่งกลับมา ชวีหย่วนซานจึงไม่อยากที่จะก่อปัญหาให้เพราะเรื่องนี้ เขาจึงได้ไล่ตามหลิวซินหรูไป
“ท่านพี่หลิวข้ารู้สึกเสียใจจริงๆ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่เสียใจของชวีฮุยจงที่ไม่ได้แสดงออกถึงการดูหมิ่นหลิวฟู่เพราะฐานะที่สูงกว่าของเขาแต่อย่างใด ทำให้หลิวฟู่นั้นรู้สึกยินดีขึ้นมา
“ทำไมใต้เท้าชวีถึงได้กล่าวเช่นนั้น? พวกเราทั้งสองคนจะได้เกี่ยวดองเป็นญาติกันหรือไม่นั้นมันไม่สำคัญเลย ยังไงพวกเราก็ยังเป็นสหายที่สนิทกันมากอยู่ดี”
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเอง ก็ได้มีเสียงเอะอะดังมาจากถนน เมื่อทั้งสองคนได้หันไปมองพวกเขาก็พบองค์มหาอุปราชที่สวมชุดสีม่วงราคาแพงอยู่
“ไม่นึกเลยว่ามหาอุปราชจะอุตส่าห์มาหา จึงไม่ได้เตรียมการต้อนรับท่านเอาไว้ก่อน ข้าหวังว่าท่านจะให้อภัยข้าด้วย”
แล้วทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็พากันคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความเคารพ ในเวลานี้เจียงหวายเย่นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่เทพสงครามไร้พ่ายแต่ยังเป็นมหาอุปราชอีกด้วย
“ลุกขึ้น!” เจียงหวายเย่ก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนาวเย็นเช่น ท่ามกลางสายตาของผู้คน เขาก็ได้สะบัดมือของเขา แล้วจากนั้นอันอี้ก็ได้เดินมาข้างหน้าเขาแล้วมอบของขวัญให้กับท่านผู้นำตระกูลชวี
“นี่คือของขวัญที่องค์ชายเตรียมมาให้ท่านเป็นพิเศษ เพื่อแสดงความยินดีท่านผู้นำตระกูลชวีที่ได้กลับเข้ามาในเมืองหลวง” อันอี้ก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเงียบมากและปราศจากซึ่งอารมณ์ใดๆ
“ขอบคุณองค์ชายมาก” แล้วผู้นำตระกูลชวีก็ได้ให้คนมารับของขวัญจากอันอี้ แล้วจากนั้นก็ได้เชิญองค์ชายเข้ามาในห้องโถงใหญ่
ที่ห้องโถงใหญ่ในบ้านสกุลชวีก็ได้ดูหรูหราและฟุ่มเฟือยมาก ซึ่งหากดูจากเครื่องลายครามที่เรียงรายอยู่รอบๆห้องแล้ว ก็ได้แสดงให้เห็นว่าตระกูลชวีนั้นร่ำรวยมากเพียงใด
ขุนนางคนหนึ่งที่ไม่ได้มีตำแหน่งที่ใหญ่หรือเล็กอะไร อีกทั้งตระกูลก็ไม่ได้ทำธุรกิจอะไรด้วย แล้วไปเอาเงินมากมายมาจากไหนกัน? นี่คือสิ่งที่คนอื่นๆที่เข้ามาข้างในคิด
ในขณะที่เจียงหวายเย่กับชวีฮุยจงกำลัง“หยั่งเชิง”กันอยู่นั้น หลินซีเหยียนก็ได้เข้าไปที่วังหลวงเพื่อพบกับไทเฮา แต่ช่างโชคร้ายนักที่หลินรั่วจิ่งก็ได้อยู่ที่นั่นด้วย
หลินรั่วจิ่งนั้นได้สวมชุดในวังที่ดูหรูหรามาก บรรยากาศของนางนั้นเทียบไม่ได้กับเมื่อไม่กี่วันก่อนได้เลยราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นอิทธิพลมาจากองค์หญิงเหวินจวินที่มีผลมาถึงตัวนาง
“ทูลไทเฮา ท่านน่าจะรู้ดีนะว่าวันนี้ข้ามาที่นี่ทำไม ซึ่งข้าก็จะไม่พูดอ้อมค้อมส่งเทียนเอ๋อคืนมาให้ข้าได้แล้ว” หลินซีเหยียนยืนอยู่ในห้องนั้นโดยมีชิงอวี่ติดตามมาด้วย ทั้งนายและบ่าวต่างก็ยืนหลังตรง
ซึ่งบรรยากาศของทั้งคู่นั้นต่างก็ไม่แพ้ทั้งสองคนที่นั่งอยู่เลย
ไทเฮาก็ได้มีสีหน้าไม่ดีขึ้นมา นางมองไปที่ปลอกรักษาเล็บทองที่อยู่ที่มือของนางแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่าเกรงขาม “แม่นางหลินเจ้ายังไม่ได้เป็นองค์หญิงของมหาอุปราชเลย แต่เจ้าพบข้ากลับไม่ทำความเคารพอย่างนั้นเรอะ?”
หลินซีเหยียนที่เหมือนไม่ได้ยินก็ได้มองไปที่ไทเฮาด้วยสายตาที่จ้องเขม็ง “บอกมาว่าเทียนเอ๋ออยู่ที่ไหน?”
ไทเฮานั้นไม่พอใจกับท่าทีของหลินซีเหยียนอย่างมาก ตัวนางนั้นคิดว่าพี่ชายของนางกลับมาที่เมืองหลวงแล้วก็ไม่มีอะไรที่นางจะต้องกลัวอีก นางจึงได้คิดที่จะสั่งสอนบทเรียนให้ หลินซีเหยียนให้รู้ว่าใครกันแน่ที่ใหญ่กว่า
“หลินซีเหยียน เจ้ารู้ใช่ไหมว่าที่นี่คือวังหลวงน่ะ?” องค์ไทเฮาก็ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีและมองไปที่อีกฝ่ายราวกับจะตัดสินชีวิตและความตาย
“ตำหนักอายุนิรันดร์ของข้านั้นไม่ใช่วังรัตติกาลที่เจ้าจะเข้ามาทำอะไรยุ่มย่ามได้”
“ไทเฮาได้โปรดใจเย็นก่อน” หลินรั่วจิ่งก็ได้รีบลุกขึ้นยืนแล้วทำความเคารพองค์ไทเฮา จากนั้นก็ได้เดินไปหาหลินซีเหยียนแล้วกระซิบกระซาบ “ท่านพี่ ได้โปรดรีบถวายบังคมและขอโทษไทเฮาก่อนเถอะ”
หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวดแล้วพูดคำว่า “ขอโทษงั้นเหรอ?” ด้วยน้ำเสียงประชดประชันและจ้องไปที่ไทเฮาอย่างดูหมิ่น “ไทเฮาต่างหากที่สมควรจะรู้ว่าสิ่งใดที่ไม่ควรทำเกินไป”
หลังจากที่พูดจบหลินซีเหยียนก็ได้เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบเอาขวดเล็กๆออกมา เมื่อเปิดฝาออกมาได้สักพักหนึ่งก็ได้มีผีเสื้อตัวใหญ่ที่มีสีสันงดงามปรากฏตัวออกมา
“นั่นมันคืออะไร?” ไทเฮาก็ได้หรี่สายตาของนางลงแล้วมองไปที่ผีเสื้อแกะรอยอย่างตั้งใจ “ข้านั้นเคยได้ยินมาว่าเจ้าเก่งเรื่องการเลี้ยงแมลงพิษ ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริงสินะ”
หลังจากไทเฮาก็ได้มองไปที่ชิวฉุ่ยที่อยู่ข้างๆนาง แล้ว ชิวฉุ่ยก็ได้ผงกหัวแล้วแอบออกไปเงียบๆ
แต่ทว่าหลินซีเหยียนนั้นได้เห็นการกระทำของนางทุกอย่างแล้ว เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นคิดที่จะหนีไป นางจึงได้สะบัดมือของนางแล้วขว้างเข็มเงินออกไป ซึ่งเป็นเข็มเงินพิษหลังจากนั้นสักพักชิวฉุ่ยก็ได้ตัวแข็งทื่อไม่สามารถขยับได้
ไทเฮาก็ได้รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา แต่นางก็นึกขึ้นได้ว่าลูกของหลินซีเหยียนนั้นยังอยู่ในมือของนาง นางจึงยังมีความมั่นใจอยู่ “หลินซีเหยียน เจ้าอย่าลืมนะว่าลูกของเจ้ายังอยู่ในมือของเราน่ะ”
“ข้าไม่รบกวนท่านหรอกองค์ไทเฮา ข้าสามารถหา เทียนเอ๋อเองได้”
หลังจากที่หลินซีเหยียนพูดจบ นางก็ได้ยิ้มเยาะแล้วขว้างเข็มเงินออกไป ทุกคนในห้องนั้นรวมถึงหลินรั่วจิ่งต่างก็ขยับเขยื้อนไม่ได้
จากนั้นหลินซีเหยียนก็ได้เดินตามผีเสื้อแกะรอยไปยังสวนแล้วก็พบโรงเก็บฟืนอยู่ตรงหน้าของนาง
ไทเฮาเอาเทียนเอ๋อมาซ่อนไว้ในที่เช่นนี้เหรอเนี่ย ดวงตาของหลินซีเหยียนก็ได้ปรากฏซึ่งสายตาเกรี้ยวกราด แต่ก็มีสายตาที่สาสมใจด้วยเช่นกัน “ถูกขังเอาไว้ที่นี่คงจะลำบากไม่น้อยเลยสินะ!”