หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 334 การข่มขู่
บทที่ 334
การข่มขู่?
หลังจากนั้นหลินซีเหยียนก็ได้จัดการทำแผลอย่างรวดเร็วแล้วก็จับชีพจรของเจียงหวาย แล้วก็เขียนสูตรยาลงไปแล้วมอบให้พ่อบ้านที่รออยู่ข้างนอก
“ท่านจัดการเองได้สินะ”
หลินซีเหยียนนั้นมีเรื่องอื่นอีกที่ยังเป็นกังวล เพราะ เจียงหวายเย่นั้นแทบจะไม่ได้แตะต้องอะไรเป็นพิเศษในตอนที่เข้าไปในวังหลวง จากตรงนี้ก็แทบจะคิดได้อย่างเดียวว่าการที่อาการพิษของเจียงหวายเย่กำเริบขึ้นมานั้นจะต้องเป็นฝีมือของคนในวังรัตติกาลเป็นแน่
แล้วพ่อบ้านก็ได้ผงกหัวขึ้นมาแล้วกล่าว “ทูลองค์หญิง ได้โปรดวางใจได้ผู้น้อยจะจัดการให้ในทันที”
แล้วหลินซีเหยียนก็ได้ปิดประตูกลับเข้ามาในห้อง ก็พบเชียนอี้กับอันอี้กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น และดูเหมือนว่าคนที่นอนอยู่ที่เตียงนั้นจะฟื้นขึ้นมาแล้ว
“พวกเจ้าลุกขึ้นได้แล้วล่ะ!” เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายนักกับการใช้กำลังภายในเพื่อขับพิษ สีหน้าของอันอี้กับเชียนอี้เองก็ซีดเผือดเช่นกัน
แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่ได้ลุกขึ้นมาทั้งๆที่ได้ยินที่กล่าว แต่กลับพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ละอายใจ “มันเป็นเพราะข้าน้อยที่ทำหน้าที่บกพร่องปล่อยให้พิษขององค์ชายกำเริบขึ้นมาได้”
เจียงหวายเย่ก็ได้เอนหน้าออกมาจากม่านที่เตียง แล้วดวงตาสีดำของเขาก็ได้มองไปที่เชียนอี้กับอันอี้แล้วกล่าว “เราจะให้โอกาสพวกเจ้าได้มีโอกาสชดใช้ความผิดด้วยการไปลากคอคนที่เป็นคนทรยศในวังนี้ออกมาให้ได้”
“ขอรับ” แล้วอันอี้กับเชียนอี้สองคนก็ได้ขานรับคำสั่งแล้วออกไปทันที
“เทียนเอ๋อยังอยู่ในวังหลวงสินะ?” เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนแล้วถามอย่างลังเลใจ
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัว “ในเวลานั้นอาการของท่านนั้นแย่มาก ดังนั้นจึงต้องออกมาจากวังหลวงก่อน และข้าก็เชื่อท่านว่าท่านไม่ปล่อยให้เทียนเอ๋อต้องตกอยู่ในอันตรายแน่”
“พรุ่งนี้เปิ่นหวางจะไปที่วังหลวงเพื่อไปพบไทเฮา” แล้วเขาก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนาวเย็นและเต็มไปด้วยไอสังหาร แล้วริมฝีปากของเจียงหวายเย่ก็ได้เผยรอยยิ้มที่โหดร้ายออกมา “ระหว่างนั้นเปิ่นหวางก็จะหาของขวัญดีๆไปมอบให้ไทเฮาเสียหน่อย ไม่อย่างนั้นนางจะคิดจริงๆว่านางนั้นมีอำนาจเหนือเราได้”
ในวันต่อมาเจียงหวายเย่ก็ได้พาหลินซีเหยียนไปที่ วังหลวงแล้วกล่าว “องค์ฮ่องเต้ ข้าหวังให้ท่านช่วยออกคำสั่งค้นหาในวังหลวงช่วยเราตามหาเทียนเอ๋อให้หน่อย”
เจียงเจิ้งเฉิงก็ได้รู้สึกตกใจเมื่อทราบว่าเทียนเอ๋อนั้นหายตัวไป เขาจึงได้รีบปลอบ “เราจะรีบออกคำสั่งเดี๋ยวนี้ แต่เสด็จอาอย่าได้กังวลไป อย่างไรเสียเทียนเอ๋อนั้นก็เป็นเด็กฉลาดจะต้องไม่ตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน
เจียงหวายเย่ที่กำลังจะพูดอะไรต่อ ก็ได้มีการประกาศดังมาจากข้างนอกเสียก่อน “ไทเฮาเสด็จ”
“เชิญนางเข้ามา” เจียงเจิ้งเฉิงก็ได้คิ้วขมวดและเขาก็รู้สึกสงสัยว่าไทเฮาที่ปกติควรจะอยู่แต่ในตำหนักในนั้น ในเวลานี้นางได้เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมของนางและเริ่มปรากฏตัวบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ
ภายใต้การนำทางของขันที ไทเฮาก็ได้เข้ามาในห้องทำงานด้วยย่างก้าวที่ดูสูงส่ง แล้วจากนั้นก็ได้วางกระเป๋าใบเล็กในมือของนางวางไว้บนโต๊ะ “เมื่อวานนี้ที่ตำหนักอายุนิรันดร์ของข้าถูกโจรปล้น แล้วขโมยเอาข้าวของมากมายของข้าไป แล้วจากนั้นก็ได้ทิ้งกระเป๋าใบนี้เอาไว้”
กระเป๋าใบนั้น….มันเป็นของเทียนเอ๋อ!
ดวงตาของหลินซีเหยียนก็ได้หนาวเย็นขึ้นมาแล้วกล่าว “ทำไมไทเฮาจึงได้ปักใจเชื่อนักว่าเจ้าของกระเป๋าใบนี้เป็นของขโมย? บางทีอาจจะมีใครสักคนในตำหนักของท่านเองเป็นขโมยก็ได้!”
เมื่อไทเฮาได้ยินที่กล่าว สีหน้าของนางก็ได้ไม่ดีขึ้นมาเพราะคำพูดที่ประชดประชันนั้น
ต่อหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้เช่นนี้ นางนั้นไม่รู้ว่าจะรักษาหน้าของตัวเองเช่นไรดี แล้วไทเฮาก็ได้หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเพื่อปิดปากของตัวเองแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทำไม องค์หญิงของท่านมหาอุปราชถึงได้ดูมั่นใจนัก? หรือว่าท่านจะรู้ว่าเจ้าของกระเป๋าใบเล็กใบนี้เป็นของใคร?”
“โชคร้ายหน่อยนะที่ข้าเป็นคนเย็บกระเป๋าใบนี้ให้ เทียนเอ๋อเอง”
ในเวลานี้ก็ยืนยันได้แล้วว่าเทียนเอ๋อนั้นอยู่ในวังหลวงจริงและอยู่ในเงื้อมมือของไทเฮา “ข้าสงสัยว่าไทเฮานั้นจะพบ เทียนเอ๋อบ้างหรือไม่?”
แล้วไทเฮาก็ได้ครุ่นคิดสักเล็กน้อยแล้วจากนั้นก็ได้กล่าว “ข้าไม่เคยพบเขามาก่อน”
เจียงหวายเย่ก็ได้พ่นลมออกทางจมูกเบาๆ แล้วทำเป็นชี้ต้นหม่อนด่าต้นไหว “ขอฝ่าบาทจงรีบสั่งให้คนออกไปค้นหาตำหนักอายุนิรันดร์ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ รวมถึงการค้นหา เทียนเอ๋อด้วย เพื่อที่จะได้จับทั้งโจรในตำหนักอายุนิรันดร์อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับไทเฮาด้วย”
“ที่เสด็จอาว่ามาก็มีเหตุผล ใครก็ได้เข้ามาหาข้าหน่อยซิ!” เจียงเจิ้งเฉิงก็ได้ตะโกนออกไป แล้วหัวหน้าขันทีก็ได้เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เคารพ “ฝ่าบาทมีรับสั่งอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ฝ่าบาท ทหารองครักษ์ได้ทำการตรวจตำหนักของข้าแล้ว ขอให้ท่านอย่าได้เสียแรงเปล่าเลยเพคะ” ไทเฮาก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแล้วจากนั้นก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่ “ขอขอบคุณองค์ชายเย่ที่เป็นห่วงด้วย”
“ฝ่าบาทท่านควรที่จะตรวจดูหน่อยเถอะ บางทีจะพบของที่หายไปในตำหนักอายุนิรันดร์ก็ได้ แล้วไทเฮาจะได้ยินดียังไงล่ะเพคะ” หลินซีเหยียนนั้นไม่เปิดโอกาสให้ไทเฮามีโอกาสได้ขัดขวาง
แน่นอนว่านางนั้นไม่ได้หวังว่านางนั้นจะหาเทียนเอ๋อพบด้วยวิธีนี้อยู่แล้ว นางก็แค่ต้องการอยากจะขัดขวางอีกฝ่ายเท่านั้น
แล้วเจียงเจิ้งเฉิงก็ได้รีบออกคำสั่งด้วยความกลัวว่าจะทำการตรวจตราตำหนักอายุนิรันดร์ไม่ครบถ้วนในรอบแรก ส่วนไทเฮาที่เห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้ห้ามพวกเขา และปล่อยให้ทำการตรวจค้น ซึ่งตัวนางนั้นได้เชื่อมั่นมากว่าชิวฉุ่ยที่คอยอยู่เคียงข้างนางนั้นจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้
แต่แล้วไทเฮาก็ได้กระแอมขึ้นมาแล้วกล่าวกับ เจียงเจิ้งเฉิง “ฝ่าบาท ข้านั้นอายุมากขึ้นเรื่อยๆและร่างกายก็เริ่มมีปัญหาแล้ว ข้าหวังว่าท่านจะช่วยเรียกพี่ชายของข้าเข้ามาให้หน่อย เพื่อที่ข้าจะได้พบกับเขาเป็นครั้งสุดท้าย”
“คือว่า….” คำถามนี้ตอบยากมาก ตัวเขานั้นก็ไม่ใช่คนโง่เขานั้นรู้ดีว่านางนั้นพูดขู่เพื่อที่จะได้เอาตระกูลชวีกลับเข้ามาในเมืองหลวง แต่ทว่านับแต่โบราณกาลมาความรักของครอบครัวนั้นต้องมาก่อนเสมอ จึงได้ทำให้เขาลังเลไม่สามารถตัดสินใจได้ไปชั่วขณะ
ด้วยความกระวนกระวาย เขาจึงได้มองไปที่เจียงหวายเย่แล้วถาม “ท่านมหาอุปราชคิดเห็นเป็นเช่นไร?”
“ในเวลานี้ท่านมหาอุปราชเองก็ความสัมพันธ์ทางสายเลือดแล้ว เขาย่อมที่จะเข้าใจความรู้สึกของข้าดีเช่นกัน” ไทเฮาได้ทำสีหน้าเศร้าใจ จากคำพูดของนางกลับเต็มไปด้วยคำขู่ นางนั้นได้เตือนเจียงหวายเย่ว่าลูกของเขายังอยู่ในมือของนาง
ซึ่งสิ่งที่เจียงหวายเย่เกลียดที่สุดนั้นคือขู่ แต่ในคราวนี้ตัวเขานั้นคิดที่จะร่วมมือแต่โดยดีเพื่อแก้แค้นคนคนหนึ่ง เมื่อใดที่เขาทำสำเร็จแล้ว เขาก็จะเปิดเผยภาพลวงตาทั้งหมดนี้ในทีเดียว
“เราเห็นด้วย!” เจียงหวายเย่นั้นสวมหน้ากากหยกขาวอยู่ จึงไม่มีใครที่มองเห็นสีหน้าของเขาในเวลานี้ได้
ในเวลานี้องค์มหาอุปราชเองก็เห็นด้วยแล้ว จางเจิ้งเฉิงจึงไม่มีเหตุผลอันใดที่จะไม่เห็นด้วยอีก ดังนั้นเขาจึงได้สั่งให้ผู้นำตระกูลชวีกลับเข้าเมืองหลวงได้
เมื่อออกมาจากห้องทำงานพร้อมกันเจียงหวายเย่ก็ได้ถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก “เทียนเอ๋ออยู่ที่ไหน?”
“อย่าได้กังวลไป เจ้าตัวน้อยนั้นยังมีความสุขดี ตัวข้าเองก็เป็นเหมือนญาติของเขาจึงไม่ทำร้ายเขาหรอก” ไทเฮาก็ได้เดินเชิดอย่างภูมิใจและมีสีหน้าเหมือนผู้ชนะ
“ตอนนี้ท่านควรที่จะพาเทียนเอ๋อมาให้เราจะดีกว่า” เจียงหวายเย่ก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหารราวกับว่าเขาเตรียมพร้อมที่โหมกระหน่ำเข้าโจมตีแล้ว
แต่ไทเฮาก็หาได้สนใจไม่ นางได้ยิ้มขึ้นมาก่อนที่จะขมวดใบหน้าที่ย่นของนางทั้งหมดเข้าหากันแล้วกล่าว “มหาอุปราชได้โปรดระงับความโกรธของท่านทั้งหมดก่อน เมื่อใดที่พี่ชายของข้ากลับมาถึงเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัยแล้ว ข้าก็จะคืนเทียนเอ๋อให้ท่านอย่างแน่นอน”
หลังจากที่พูดจบไทเฮาก็ได้จากไปต่อหน้าหลินซีเหยียนและเจียงหวายเย่
“เราก็กลับไปกันก่อนเถอะ!” หลินซีเหยียนพูดจบจากนั้นก็ได้กล่าวอย่างมั่นใจ “ข้าเชื่อว่าเทียนเอ๋อไม่ปล่อยให้ตัวเองลำบากอย่างแน่นอน”
ด้วยเหตุนี้ 5 วันก็ได้ผ่านไปชั่วพริบตา หัวหน้าตระกูลชวีก็ได้กลับมาถึงเมืองหลวงได้สำเร็จ ซึ่งในขณะนั้นเมืองหลวงก็ได้คึกคักขึ้นมา เมื่อเหล่าขุนนางเกือบทั้งหมดได้ออกมาแสดงความยินดีต้อนรับกลับมาของชวีฮุยจง
“ใต้เท้าชวี ขอแสดงความยินดีของการกลับมาในเมืองหลวงของท่าน” เจ้ากรมพิธีการหลิวฟู่ก็ได้ออกเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าที่ยินดีพร้อมด้วยหลิวซินหรูที่กำลังเขินอายอยู่ข้างกายเขา