หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 333 ข้ารักษาท่านได้นะ
บทที่ 333
ข้ารักษาท่านได้นะ
เหวินจวินก็ได้ส่ายหัวของนาง “ในตอนแรกเราก็คิดเช่นนั้น แต่หลังจากที่ได้พบกับท่านหมอผีแล้ว ตัวเรานั้นก็ตกหลุมรักแรกพบขึ้นมา ในตอนนั้นเราเคยพบกับท่านหมอผีและอยากที่จะรู้ถึงรูปโฉมของอีกฝ่าย ตัวเรานั้นไม่เคยพบชายใดที่สะอาดบริสุทธิ์เช่นนั้นมาก่อน”
ตัวของเขานั้นสะอาดเสียจนอยากที่จะเข้าใกล้ แต่ก็กลัวว่ามือที่เปื้อนเลือดของเรานั้นจะทำให้อีกฝ่ายแปดเปื้อน
ตัวนางนั้นไม่กล้าที่จะพูดคำเหล่านั้นออกมา เพราะนางนั้นไม่ต้องการให้คนที่รู้จักกับท่านหมอผีนั้นรู้จักด้านที่ไม่ดีของนาง
ในเวลานี้หลินซีเหยียนก็ได้นึกด่าตัวเองในใจ นางนั้นคิดว่าคงแย่แน่ๆหากว่าองค์หญิงนั้นรู้ความจริง แต่ตอนนี้ยังไม่เป็นไร เพราะองค์หญิงนั้นยังอยู่ในห้วงความรักและผ่อนผันการถูกลงโทษออกไปได้
หลินซีเหยียนก็ได้รู้สึกผิดขึ้นมา จึงได้ตัดสินใจที่จะทำคุณไถ่โทษจึงได้กล่าวออกไป “องค์หญิงนั้นยังสาวอยู่และยังมีเวลาเหลืออีกมากมาย ท่านจะต้องได้พบคนที่ท่านชอบเข้าสักวันแน่”
เมื่อเห็นสีหน้าเหวินจวินที่อยากจะพูดอะไร หลินซีเหยียนก็ได้พูดต่อ “ข้าสามารถรักษาอาการป่วยของท่านได้นะ”
คำพูดนี้เป็นเหมือนกับลำแสงที่สาดส่องเข้ามาในความมืด ทำให้ผู้คนพยายามที่จะไขว่คว้ามันมา แต่ถ้าโลภมากเกินไปก็อาจจะต้องตกลงสู่ขุมนรกเหมือนอย่างนางก็ได้
เหวินจวินก็ได้กล่าวอย่างใจเย็น “เรารู้ดีว่าแม่นางหลินพยายามที่จะช่วยเหลือเรา แต่ตัวเราได้ยอมแพ้ไปแล้วขอให้เจ้าอย่าได้เปลืองแรงของเจ้าเปล่าๆเลย”
หลินซีเหยียนก็ได้หยิบเอายาหย่างเฉินออกมาจากกระเป๋าแล้วมอบให้องค์หญิงเหวินจวิน “เมื่อใดที่ท่านรู้สึกอาการไม่ค่อยดี ท่านก็ทานมัน 1 เม็ด ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องมาตามหาข้าแน่”
“ถ้าเช่นนั้นเราก็ขอรับเอาไว้”
แล้วงานเลี้ยงก็ได้ดำเนินไปอย่างธรรมดาๆ เทียนเอ๋อก็ได้รู้สึกเบื่อขึ้นมาแล้วคิดที่จะอยากออกไปที่อื่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง แต่ก็ถูกคว้าเอาไว้โดยเจียงหวายเย่เสียก่อน “เทียนเอ๋อเป็นเด็กดีนะ ลูกผู้ชายจะต้องทนต่อความเดียวดายได้”
“เชิญท่านพ่ออยู่อย่างโดดเดี่ยวไปคนเดียวเถอะนะ เทียนเอ๋อจะออกไปข้างนอก” เจ้าตัวแสบเทียนเอ๋อนั้นได้พูดออกมาโดยไม่เคารพเจียงหวายเย่แม้แต่น้อย
ซึ่งเรื่องนี้ได้ทำให้เจียงหวายเย่นั้นรู้สึกเสียใจขึ้นมา “เทียนเอ๋อเจ้าเปลี่ยนไปนะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนเจ้ารักและเคารพ ท่านพ่อของเจ้ามากแท้ๆ แต่ตอนนี้ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว?”
เจ้าตัวแสบก็ได้พ่นลมออกทางจมูกจากนั้นก็ได้เชิดหัวขึ้นมาแล้วพูดอย่างดูหมิ่น “ก็ท่านพ่อน่ะเป็นคนไร้หัวใจที่ทิ้งข้ากับท่านแม่ไป ที่ข้ายังเรียกท่านว่าท่านพ่อก็ดีแค่ไหนแล้ว”
เจ้าลูกชิ้นขาวตัวแสบก็ได้ทำให้ผู้คนที่นั่งอยู่ด้านหลังของเจียงหวายเย่นั้นต้องหน้าเสีย “นั่นท่านมหาอุปราชนะ!”
เมื่อได้ยินที่เทียนเอ๋อพูด เจียงหวายเย่ก็ได้ตัวหนาวสั่นขึ้นมาทันทีจากนั้นเขาก็ได้กระซิบ “ลูกรัก พ่อบอกหลายหนแล้วไงว่าพ่อไม่ได้ทิ้งเจ้าไปจริงๆ”
“ข้าไม่ฟัง ข้าจะออกไปเล่นข้างนอก” หลังจากที่พูดจบเทียนเอ๋อก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งหนีไป เจียงหวายเย่ก็ไม่ได้ตามไปแต่ยักคิ้วไปยังทิศทางที่ว่างเปล่า
แล้วสายลมกับใบไม้ก็ได้สั่นไหว
เมื่อหลินซีเหยียนนั้นพบว่าเทียนเอ๋อนั้นไม่อยู่แล้ว นางก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่แล้วก็พบว่าเจียงหวายเย่นั้นมีอาการเหนื่อยและแอบงีบพิงแขนของเขา
“องค์หญิงเพคะ ข้าคงต้องขอตัวก่อนเพคะ”
หลินซีเหยียนกล่าวกับเหวินจวินแล้วจากนั้นก็ได้เดินไปหาเจียงหวายเย่ แล้วจากนั้นก็ได้พูดขึ้นมาอย่างไม่ใยดี “เทียนเอ๋อไปไหนแล้ว?”
แล้วก็ได้มีเสียงครางออกมาจากปากของเจียงหวายเย่แทนเสียงตอบ เมื่อนางมองดูชัดๆก็พบว่าเจียงหวายเย่นั้นเต็มไปด้วยเหงื่อและสั่นไปทั้งตัว
แม้ว่าหลินซีเหยียนนั้นจะรู้สึกช้าไปหน่อย แต่นางก็พบว่าในเวลานี้พิษของเจียงหวายเย่กำลังกำเริบ
หลังจากที่ผ่านไปได้พักใหญ่ๆ นางไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ หลินซีเหยียนนั้นรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมายังด้านหลังของนาง นางจึงได้หรี่สายตาของนางลงแล้วก็แอบควบคุมพิษของเจียงหวายเย่
แล้วเข็มเงินในมือของนางก็ได้หายไปอยู่ในตัวของ เจียงหวายเย่ด้วยมุมที่แปลกประหลาด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ เจียงหวายเย่นั้นมีอาการดีขึ้นมา ในขณะนี้หลินซีเหยียนได้กระวนกระวายอย่างมาก กลัวว่าอาการพิษกำเริบนั้นจะถูกพบเข้าท่ามกลางสายตาของผู้คน
แล้วไทเฮาจะต้องฉวยโอกาสนี้ทำอะไรบางอย่างเป็นแน่
หลังจากที่คิดเช่นนี้หลินซีเหยียนก็ได้กระซิบกระซาบกับเจียงหวายเย่ “องค์ชาย ช่วยใช้กำลังภายในของท่านบังคับพิษไปไว้ที่มือซ้ายของท่านให้หน่อย แล้วข้าจะช่วยท่านผนึกพิษเอาไว้ด้วยเข็มเงิน”
เจียงหวายเย่ก็ได้ผงกหัวเบาๆ จากนั้นก็ได้เริ่มใช้กำลังภายในพยายามกดดันพิษในร่าง แต่ทว่าพิษในร่างของเขานั้นยากที่จะควบคุมมาก ในชั่วขณะนั้นเจียงหวายเย่ไม่สามารถที่จะควบคุมได้เลย
ในขณะที่การชักเย่อนี้กำลังมาถึงจุดตัดสินแล้ว เสียงของไทเฮาก็ได้ดังขึ้นมา “ข้านั้นเห็นสีหน้าของท่านมหาอุปราชไม่ค่อยดี ไม่ทราบว่าท่านรู้สึกเหนื่อยอย่างนั้นเหรอ?”
สีหน้างั้นเหรอ? ที่มุมปากของหลินซีเหยียนนั้นก็ได้กระตุกขึ้นมาเล็กน้อย เจียงหวายเย่นั้นยังสวมหน้ากากอยู่ แต่ไทเฮากลับถามเหมือนมองทะลุไปเห็นใบหน้าของเจียงหวายเย่
หรือว่าไทเฮานั้นจะรู้แล้วว่าเจียงหวายเย่นั้นยังคงถูกพิษอยู่? หรือว่านางได้วางแผนเพื่อรั้งตัวนางเอาไว้ เพื่อที่นางจะได้ลงมือกับเทียนเอ๋อ?
ซึ่งได้ทำให้หลินซีเหยียนนั้นนึกถึงความจริงได้ขึ้นมา ว่าพิษของเจียงหวายเย่นั้นไทเฮาเป็นคนที่วาง ดังนั้นนางจะต้องมีหนทางทำให้พิษของเจียงหวายเย่นั้นกำเริบได้เป็นแน่แท้
เจียงหวายเย่นั้นไม่ได้ตอบคำถามของไทเฮาอยู่สักพักใหญ่ๆ จึงได้ทำให้ผู้คนเริ่มสงสัยขึ้นมาว่าองค์ชายนั้นอาการไม่ดีจริงๆเหรอ? แล้วในขณะนั้นเองที่สายตาของผู้คนนั้นได้เริ่มพากันจับจ้องไปที่สองคนนั้น
ทั้งตัวของเจียงหวายเย่นั้นเปียกชื้นไปหมด แล้วเสียงที่แหบแห้งของเขาก็ได้ดังเข้าหูของทุกคน “งานนี้ออกจะน่าเบื่อไปเสียหน่อย เราจึงได้เผลอหลับไป ขออภัยด้วย”
แล้วไทเฮาก็ได้รู้สึกตกใจโดยไม่ได้ส่งเสียงใดๆออกมา ถึงแม้ว่านางนั้นจะไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรบนใบหน้าของนาง แต่นางก็ได้จับจ้องไปที่หลินซีเหยียนด้วยทั้งสองตาของนาง
“ข้าก็แค่กังวลมากเกินไปหน่อยเท่านั้น งานเลี้ยงนี้เลิกแต่เพียงเท่านี้!” ไทเฮากล่าวแล้วจากนั้นก็ได้จากไป
แล้วผู้คนก็ได้เริ่มพากันออกจากงานทีละคน จะเหลือก็แต่ขุนนางที่ยังเมาไม่กี่คนและเหล่าสาวๆที่หลงใหลเจียงหวายเย่
“เทียนเอ๋อถูกองค์ไทเฮาเอาตัวไปแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่ด้วยสีหน้าที่มืดดำ และมีพายุอยู่ในดวงตาของนางราวกับว่ากำลังจะได้มีพายุเลือดเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ ซึ่งดูแล้วน่ากลัวมาก
“ไม่ต้องกังวล หน่วยเชียนจี๋กำลังสะกดรอยตาม เทียนเอ๋ออยู่ เทียนเอ๋อไม่เป็นไรอย่างแน่นอน” เจียงหวายเย่ก็ได้เอนตัวเข้าหาหลินซีเหยียน โดยอาศัยความสนิทสนมช่วยบดบังสภาพที่อ่อนแอของเขา
หลินซีเหยียนนั้นเชื่อในความสามารถของเจียงหวายเย่ ในเมื่อเขาบอกว่าเทียนเอ๋อนั้นไม่เป็นอะไร นางก็ได้ยอมเชื่อ
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นทั้งสองคนก็ได้ปล่อยเทียนเอ๋อไว้ก่อนแล้วกลับไปที่วังรัตติกาลก่อน
เมื่อมาถึงที่วังรัตติกาลหลินซีเหยียนก็ได้มองหาอันอี้แล้วกล่าว “อันอี้ไปหาคนสองคนที่มีกำลังภายในสูงๆมาให้หน่อย ข้าจะหาหนทางที่จะลดอาการพิษกำเริบของเจียงหวายเย่”
อันอี้ก็ได้รีบไปหาคนมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งสองคนนั้นก็ไม่ใช่ใครนอกจากอันอี้กับเชียนอี้ เพราะทั้งคู่นั้นคือสุดยอดของหน่วยอันและหน่วยเชียนจี๋
ภายใต้การแนะนำของหลินซีเหยียน พวกเขาได้ทำการโอนถ่ายกำลังภายในเข้าไปในร่างขององค์ชาย แล้วจากนั้นก็ได้ค่อยๆผลักดันพิษในร่างไปไว้ที่ข้อศอกซ้ายๆเรื่อยๆ ซึ่งนี่ถือเป็นสัญญาณที่ดี
เมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้ใช้มีดคมๆเฉือนเข้าที่มือของเจียงหวายเย่ แล้วเลือดสีดำก็ได้ไหลทะลักออกมา ซึ่งยังส่งกลิ่นที่ไม่ดีออกมา
หลินซีเหยียนก็ได้รีบเอาชามมารองทันที เลือดนี้จะต้องเป็นประโยชน์สำหรับนางใช้ศึกษาหายาแก้พิษในอนาคต
เมื่อมือซ้ายของเจียงหวายเย่ได้เริ่มเป็นสีเทาเพราะอาการขาดเลือดอย่างหนักแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้ใช้เข็มเงินเพื่อห้ามเลือดของเขา