หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 327 จะให้ข้าไม่ไปได้อย่างไร
บทที่ 327
จะให้ข้าไม่ไปได้อย่างไร?
“ถ้าหากอีกฝ่ายตั้งใจจะทำอะไรสักอย่างจริงๆแล้วล่ะก็ ต่อให้ข้าไม่ไปในคราวนี้ ก็ไม่มีอะไรที่จะมายืนยันได้ว่าจะไม่มีคราวหน้าอีก
การหนีจากปัญหานั้นไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง หลินซีเหยียนนั้นรู้เรื่องนี้ดี นางจึงได้คิดที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงในวังหลวงนี้
ด้วยดวงตาที่เย็นชาของนาง หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่ด้วยใบหน้าที่ห่างเหิน ซึ่งเห็นได้ชัดว่านางนั้นยังโกรธเขาเรื่องที่ผ่านมาอยู่
“ถ้าเสี่ยวเหยียนเอ๋ออยากจะถามอะไรก็ถามมาได้เลย?” เจียงหวายเย่ก็ได้ตกใจกับสายตาของหลินซีเหยียน จึงได้รีบเปิดปากพูดออกมา “หากเป็นเรื่องที่เรารู้แล้ว เจ้าถามมาได้เลยเราจะไม่ปิดบังใดๆทั้งสิ้น”
เมื่อเห็นท่าทีของเจียงหวายเย่ หลินซีเหยียนก็ได้กล่าวอย่างภูมิใจในตัวเอง “แผนการของไทเฮาคืออะไรกันแน่?”
“อันนี้เปิ่นหวางรู้” เจียงหวายเย่ก็ได้ยักคิ้วขึ้นมา และมีแสงปรากฏออกมาจากในดวงตาของเขา แล้วตัวเขาก็ได้แผ่บรรยากาศที่น่ากลัวออกมา
“ไทเฮานั้นไม่ถูกกับเปิ่นหวางมาเป็นเวลานานแล้ว แต่นางก็ไม่สามารถที่จะจับจุดอ่อนของเราได้เสียที แต่ในเวลานี้มีเทียนเอ๋อโผล่ออกมา ทำให้หัวใจที่เลือดเย็นของนางฟื้นคืนมาอีกครั้ง”
หลินซีเหยียนก็ได้รู้สึกประหลาดใจที่นางได้ยินเช่นนี้ นางไม่คิดว่าไทเฮานั้นจะเพ่งเล็งเทียนเอ๋อ อย่างที่รู้กันเทียนเอ๋อนั้นเป็นลูกที่ล้ำค่าของนาง จึงจำต้องระวังให้มาก
จะปล่อยให้อีกฝ่ายนั้นมาทำร้ายง่ายๆได้เช่นไร
หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนางลง แล้วนางก็ได้ พ่นลมออกมาทางจมูกพร้อมด้วยแววตาที่ประชดประชันในดวงตาของนาง “ถ้าเช่นนั้นก็ได้เทียนเอ๋อไปด้วยกันกับพวกเราในงานเลี้ยงที่จะจัดในอีกสองวัน! ข้าจะคอยดูว่าใครมันจะพรากเทียนเอ๋อไปจากข้า”
เมื่อเจียงหวายเย่ได้ยินคำว่า“ไปด้วยกัน”แล้ว ดวงตาสีดำของเขาก็ได้เร่าร้อนขึ้นมา ในขณะที่หลินซีเหยียนนั้นไม่ได้สนใจตัวเขา เจียงหวายเย่ก็ได้แอบพูดคุยไม่กี่คำกับอันอี้อย่างเงียบๆ
“เจ้าเข้าใจที่เปิ่นหวางสั่งใช่ไหม?” เจียงหวายเย่กล่าวด้วยเสียเบาๆ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าตัวเขานั้นกำลังอารมณ์ดี
อันอี้ก็ได้ผงกหัวด้วยความรู้สึกอายนิดๆในใจของเขา เพราะที่องค์ชายสั่งคือให้ไปสั่งทำชุดไปงานเลี้ยงมาสามชุด และเป็นชุดที่มองเห็นปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นพ่อแม่ลูกกัน
ซึ่งเจียงหวายเย่ก็ได้เชื่อใจในความเข้าใจของอันอี้ แล้วก็ได้โบกมือให้เขาออกไปจัดการ
ในเวลานี้เทียนเอ๋อนั้นอยู่ในวังรัตติกาล และกำลังถือสมุดบัญชีของวังรัตติกาลอยู่ในมือของเขา และเป็นอีกครั้งที่วิธีการคิดคำนวณที่สะดวกและรวดเร็วของเขานั้นทำให้พ่อบ้านของวังรัตติกาลต้องตกตะลึง
“องค์ชายน้อย วิธีการคิดของท่านสุดยอดจริงๆ”
ในตอนแรกที่ได้ยินเทียนเอ๋อบอกว่าเขาจะตรวจบัญชีเองนั้น เขาก็คิดว่าองค์ชายน้อยนั้นคิดที่จะอวดภูมิตัวเองเท่านั้น แต่เขาไม่คิดว่าองค์ชายน้อยนั้นจะมีความสามารถมากชนิดที่สามารถเรียกได้ว่าเป็น “เด็กอัจฉริยะ” เลยทีเดียว
เมื่อเห็นสายตาที่ชื่นชมของพ่อบ้านแล้ว เทียนเอ๋อก็ได้ดีใจขึ้นมาและกล่าว “ดูเหมือนว่าคุณลุงเองคงอยากที่จะเรียนสินะ ข้าจะสอนให้ก็ได้นะ”
แล้วดวงตาของพ่อบ้านก็ได้แสงส่องออกมา แล้วจากนั้นเขาก็ได้พูดทันที “ขอบคุณสำหรับการสั่งสอน”
ในขณะที่เทียนเอ๋อกำลังคิดที่จะพูดอะไรบางอย่างอยู่นั้นเอง ก็ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหาด้วยสายตาที่ดูถูก “พ่อบ้าน ทำไมเจ้าถึงได้สนอกสนใจเด็กคนนี้นัก? เจ้าควรจะรู้ไว้นะว่าใครกันแน่ที่จะได้เป็นทายาทตัวจริง และใครกันแน่ที่เป็นนายหญิงของวังรัตติกาลแห่งนี้?”
เมื่อได้ยินที่พูดพ่อบ้านก็ได้มีสีหน้าดำมืดขึ้นมาทันที แล้วมองไปที่อีกฝ่ายด้วยสายตาที่โมโห “องค์ชายน้อยยังเด็กอยู่ ท่านจะพูดอะไรก็ควรจะระวังเอาไว้บ้าง”
“ฮึ ใครกันแน่ที่ต้องระวัง?” เหยียนอวิ๋นก็ได้มองไปที่พ่อบ้านด้วยสายตาที่ประชดประชันแล้วกล่าว “ข้าก็แค่พูดเตือนเอาไว้เท่านั้น พ่อบ้านเก็บเอาไปคิดให้ดีก็แล้วกัน!”
หลังจากที่พูดจบนางก็ได้บิดเอวราวกับงูน้ำแล้วจากไป
เทียนเอ๋อก็ได้มองไปที่แผ่นหลังที่บิดไปมาของนางอย่างหวาดกลัวแล้วกล่าว “ท่านพ่อนี่มีรสนิยมยังไงกันนะ ถึงได้ไปชอบผู้หญิงที่เดินแปลกๆแบบนั้น?”
เทียนเอ๋อก็ได้ถอนหายใจออกมา แล้วพ่อบ้านที่กลัวว่าองค์ชายน้อยนั้นจะเข้าใจองค์ชายผิดไปจึงได้รีบกล่าว “องค์ชายนั้นหาได้สนใจพวกผู้หญิงที่อยู่ในตำหนักในนั้นล้วนแล้วแต่บังคับให้มาทั้งนั้นขอรับ”
“เมื่อกี้ก็ด้วยเหรอ? แล้วใครเป็นคนให้มาเหรอ?” เทียนเอ๋อจ้องไปที่พ่อบ้านด้วยดวงตาที่กรมโต เทียนเอ๋อนั้นมองด้วยดวงตาที่ใคร่รู้
พ่อบ้านนั้นไม่อาจทำต่อสายตาที่เป็นประกายของ เทียนเอ๋อได้ จึงได้บอกเรื่องของพวกผู้หญิงในตำหนักในทีละคน “ผู้หญิงคนเมื่อสักครู่นั้นเป็นญาติห่างๆไทเฮามีชื่อว่า ชวีเหยียนอวิ๋น เป็นคนที่มีนิสัยเย่อหยิ่งและชอบอวดเบ่งอยู่ตลอด….”
กว่าพ่อบ้านจะเล่าครบทุกคน เวลาก็ล่วงไปจนมืดค่ำแล้ว!
แต่ก็แสดงให้เห็นว่ามีผู้หญิงอยู่มากมายเพียงใดในตำหนักในของเจียงหวายเย่
เทียนเอ๋อก็ได้กะพริบตา “คุณลุงพ่อบ้าน เทียนเอ๋อขอไปวังหลังได้ไหมขอรับ?”
“ทั่วทั้งวังรัตติกาลนี้เป็นขององค์ชายน้อย ไม่ว่าองค์ชายน้อยอยากจะไปที่ไหน ท่านก็ไม่จำเป็นต้องมาขออนุญาตจากข้าหรอกขอรับ” พ่อบ้านนั้นรู้ดีถึงฐานะของตัวเองอยู่แก่ใจและไม่กล้าที่จะไปล่วงเกินเพียงเพราะความถ่อมตัวของเทียนเอ๋อ
ภายใต้การนำทางของพ่อบ้าน เทียนเอ๋อก็ได้เดินดูรอบๆวังหลัง จนในที่สุดเขาก็ได้ถอนหายใจออกมา “ถ้าในอนาคต เทียนเอ๋อนั้นแข็งแกร่งเหมือนอย่างท่านพ่อบ้าง ข้าจะแต่งงานกับผู้หญิงมากมายเช่นนี้ได้เหมือนกันใช่ไหมขอรับ?”
พ่อบ้านก็ได้ลังเลที่จะตอบ และเทียนเอ๋อก็ไม่ได้ถามต่อด้วย ภายใต้การคุ้มครองของหน่วยอัน เขาก็ได้กลับมาถึง จวนมหาเสนาบดี
จากนั้นเจียงหวายเย่ก็ได้อุ้มขึ้นมาไว้บนหลังของเขา แล้วเทียนเอ๋อก็ได้ดึงแขนเสื้อของหลินซีเหยียน “ท่านแม่ มีผู้หญิงอยู่มากมายในตำหนักในของท่านพ่อล่ะ ท่านแม่จะต้องอ่อนโยนกับท่านพ่อเพื่อที่ท่านจะได้คว้าหัวใจของท่านพ่อนะขอรับ”
หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวดขึ้นมาแล้วกล่าว “แล้วทำไมแม่จะต้องไปคว้าหัวใจของเจียงหวายเย่ด้วย?”
“ก็เพราะชวีเหยียนอวิ๋นนั้นบอกว่าวังรัตติกาลนั้นจะเป็นของทายาทที่แท้จริงเท่านั้น ดังนั้นท่านแม่จะต้องดูแลท่านพ่อให้ดีๆ เพื่อไม่ให้คนอื่นมาแย่งท่านพ่อไปนะขอรับ ถ้าเกิดว่าข้ามีน้องชายขึ้นมา วังรัตติกาลก็จะไม่ใช่ของเทียนเอ๋อแล้ว”
“อย่างนั้นเหรอ?” แล้วมุมปากของหลินซีเหยียนก็ได้กระตุกเล็กน้อยแล้วมองไปที่เทียนเอ๋อด้วยสีหน้าแปลกๆ ดูเหมือนว่านางจำเป็นที่จะต้องสอนบทเรียนให้เจ้าตัวน้อยของนางเสียหน่อยแล้ว
เป็นบทเรียนสอนให้รู้จักมั่นใจในตัวเอง
จากนั้นนางก็ได้กล่าวกับเทียนเอ๋ออย่างตรงไปตรงมา “เทียนเอ๋อไม่ว่าเจียงหวายเย่นั้นมีลูกอีกคนหรือไม่ก็ตาม ตราบเท่าที่เจ้ายังเป็นเด็กที่ฉลาด เจ้าจะต้องได้อย่างแน่นอนอย่างไรเสีย ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จก็จะอยู่ที่นั่นนะลูก”
แล้วเงินของเจียงหวายเย่ก็จะเป็นของพวกเขา ไม่อย่างนั้นก็จะไม่สมกับชีวิตที่ยากลำบากของแม่
“ท่านแม่พูดถูกต้องแล้ว” เทียนเอ๋อผงกหัวหลังจากที่คิดอย่างลึกซึ้งแล้วเขาก็ได้พูดต่อ “เทียนเอ๋อจะเรียกจากท่านพ่อมาเยอะๆ เพื่อที่จะแต่งงานกับสาวๆสวยๆเยอะๆเลยขอรับ”
แล้วสีหน้าของหลินซีเหยียนก็ได้มืดดำขึ้นมา จากนั้นก็ได้ดึงหูของเทียนเอ๋ออย่างไม่ปรานี “ถ้าเจ้าไม่รู้จักเรียนรู้แต่สิ่งดีๆ เจ้าก็จะรู้มาแต่สิ่งที่ไม่ดีของพ่อของเขา แม่จะบอกให้รู้เอาไว้นะในฐานะลูกผู้ชายแล้ว เจ้าจะต้องรู้จักมีความรับผิดชอบ อย่าเป็นคนครึ่งๆกลางๆเอาดีไม่ได้สักอย่าง”
เทียนเอ๋อก็ได้คร่ำครวญออกมาแล้วรีบกล่าว “ท่านแม่ เทียนเอ๋อรู้แล้วขอรับ”
“ถ้าหากเจ้าเป็นเหมือนพ่อของเจ้าในวันนั้นและมีพวกผู้หญิงมากมายอยู่ในตำหนักในแล้วล่ะก็ แม่จะทำให้เจ้ากลายเป็นขันทีทำได้แค่นั่งดูอย่างเดียวเท่านั้น”
ทันทีที่สิ้นเสียงของหลินซีเหยียน เจียงหวายเย่ก็ได้ตัวแข็งทื่ออยู่ที่ประตูด้วยสีหน้าที่ว้าวุ่นใจ หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ๆเข้าก็ได้ตัดสินใจเพื่อความสุขในอนาคตแล้ว ถึงเวลาที่เขาจะต้องโละพวกผู้หญิงในตำหนักในทิ้งเสียแล้ว
ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น หลินซีเหยียนก็ได้กวาดสายตามามองที่เขา จากนั้นก็มีเสียงที่เย็นยะเยือกดังเข้าหูของเขามา “เป็นอะไรไปเหรอองค์ชาย?”
เจียงหวายเย่ก็ได้รีบตอบกลับไป “เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เปิ่นหวางนั้นไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับหญิงพวกนั้น”
หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วขึ้นมาด้วยความไม่เชื่อ สิ่งที่นางจะพูดต่อไปนั้นอาจจะไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก หลินซีเหยียนจึงได้ขังเทียนเอ๋อไว้ในห้องก่อน
จากนั้นก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่แล้วกล่าว “ไม่ว่า องค์ชายนั้นจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับหญิงอื่นหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าทั้งนั้น”
เจียงหวายเย่ก็ได้จับไปที่มือของหลินซีเหยียน แล้วกล่าวด้วยดวงตาที่จริงจังอย่างสุดๆ “เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เปิ่นหวางนั้นจะรักเดียวใจเดียวไปตลอดชีวิตของเรา