หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 324 ท่านอาจารย์หรือท่านพ่อ
บทที่ 324
ท่านอาจารย์หรือท่านพ่อ
หลินซีเหยียนนั้นไม่เข้าใจว่าที่เจียงหวายเย่พูดนั้นหมายถึงอะไร แต่เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้พูดขึ้นมาต่อ “เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ข้าหวังว่าท่านมหาอุปราชจะถือเรื่องนี้เป็นจริงเป็นจัง”
“ท่านแม่ทัพเยี่ยท่านไม่เชื่อในคำพูดของเราอย่างนั้นเหรอ?” คำพูดของเจียวหวายเย่นั้นแม้จะฟังดูอ่อนแอมาก แต่ก็เป็นเหมือนดั่งคลื่นกระแสพายุคลั่งที่สามารถทำให้ต้นไผ่หักได้
แต่เนื่องจากเยี่ยจุนเจี๋ยนั้นเป็นทายาทของบ้าน แม่ทัพเจิ้นกว๋อ และการที่ตัวเขาเป็นทหารที่ยังหนุ่มแน่นและประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะได้รับการฝึกแบบรากเลือดมา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้แสดงทีท่าหวาดกลัวต่อการข่มขู่ของเจียงหวายเย่เลย
แล้วเขาก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่อย่างไม่ยี่หระแล้วกล่าว “ข้านั้นไม่ต้องการให้องค์ชายนั้นมาทำให้น้องสาวของข้าเสียชื่อเสียง และอีกอย่างบ้านแม่ทัพเจิ้นกว๋อของเราเองก็ได้รับเทียนเอ๋อเป็นทายาทแล้ว ดังนั้นท่านมหาอุปราชไม่จำเป็นต้องโกหกเพื่อปกป้องแม่ลูกคู่นี้อีกแล้ว”
คำพูดเหล่านี้ช่างมีอำนาจคุกคามยิ่งนัก และทำเอาผู้คนรอบๆต้องสั่นกลัว เดิมทีพวกเขาคิดว่าเทียนเอ๋อนั้นเป็นแค่เด็กที่ไม่มีพ่อและไร้ซึ่งคนหนุนหลัง แต่พวกเขาไม่นึกว่าจะมีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาแต่ละคนอีก
ชวีหย่วนซานก็ได้โผล่ออกมาด้วยความรู้สึกสนใจ แล้วเขาก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่ แล้วจากนั้นก็ได้มองไปที่เยี่ยจุนเจี๋ยจากนั้นก็ได้ยิ้มและกล่าว “ท่านแม่ทัพเยี่ยนั้นเข้าข้างหลินซีเหยียนก็พอเข้าใจได้อยู่ แล้วทำไมองค์ชายถึงได้เข้าข้างแม่นางหลินนัก?”
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้านั้นคงจะไม่เชื่อว่าเทียนเอ๋อเป็นลูกชายของเราจริงๆสินะ” มองไปที่ท่ามกลางฝูงชน แล้ว เจียงหวายเย่ก็ได้ถอนหายใจออกมาแล้วจากนั้นสายตาของเขาก็ได้จับจ้องไปที่ดวงตาของเยี่ยจุนเจี๋ย “แล้วเจ้าคิดว่าตัวเรานั้นจะทำเช่นไรดี ท่านแม่ทัพหนุ่มตรงหน้าเจ้าถึงจะยอมเชื่อ”
“หลั่งเลือดพิสูจน์”
คำพูดสี่คำนี้เรียกได้ว่ามีน้ำหนักเพียงพอ ซึ่ง หลินซีเหยียนก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปแต่ได้จ้องไปที่เจียงหวายเย่ นางนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมเจียงหวายเย่นั้นถึงได้ดูมั่นใจนักว่าเทียนเอ๋อเป็นลูกของเขา
หรือว่า….
แล้วนางก็ได้สลัดความคิดนั้นออกไปจากหัว ถึงแม้ว่าเจ้าของร่างตัวจริงนั้นจะตายไปเพราะคลอดลูกยากไปแล้วก็ตามที แต่นางก็ไม่น่าจะเคยพบเจียงหวายเย่มาก่อน เพราะจากที่นางเห็นในความทรงจำของเจ้าของร่างนั้น นางจำได้คร่าวๆว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนที่หน้าตาดี
แทบจะเรียกได้ว่าเข้าขั้นอัปลักษณ์ด้วยซ้ำ
ถ้าเจียงหวายเย่รู้ในสิ่งที่หลินซีเหยียนกำลังคิดเข้า เขาก็คงจะหัวเราะออกมาดังๆ เพราะตัวเขาในเวลานั้นเสียโฉมอยู่ จึงแน่นอนว่าเขาในตอนนั้นจึงมีหน้าตาอัปลักษณ์มาก
แต่วิชาแพทย์ของเฉิงรุ่ยเหยียนนั้นก็ยอดมากเช่นกัน ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เขาได้ใช้ยาต่างๆมากมายทาลงบนหน้าของเขา แล้วใบหน้าของเจียงหวายเย่ก็ได้ค่อยๆฟื้นฟูจนหายดี
หลินซีเหยียนที่ไม่รู้เรื่องนี้ก็ได้พูดออกมาเสียงดัง “เอาไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง ข้าไม่ต้องการให้เทียนเอ๋อเป็นเหมือนละครลิงให้พวกเขาดู”
“ซีเหยียนเจ้าอย่าเพิ่งมายุ่ง เจ้าควรจะเข้าใจถึงความสำคัญของเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นไม่จะไม่ดีต่อทั้งตัวเจ้าและเทียนเอ๋อหากปล่อยให้เรื่องนี้ลากยาวออกไป” เยี่ยจุนเจี๋ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น และไม่มีท่าทีที่จะยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อย
แต่หลินซีเหยียนที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ก็ได้พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “ข้าบอกว่าไม่ก็ไม่ไง”
เจียงหวายเย่นั้นก็อยากที่จะทำตามที่เสี่ยวเหยียนเอ๋อพูด แต่เมื่อในเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าหากพวกเขายังปล่อยลากยาวออกไปพวกเขาก็คงจะได้ถูกครหาจริงๆแน่ ดังนั้นเขาจำเป็นที่จะต้องตัดความวุ่นวายนี้ด้วยดาบเล่มโตแล้วจัดการให้เรียบร้อยในทีเดียว
ส่วนหลินซีเหยียนนั้นไม่ต้องการให้เทียนเอ๋อนั้นเจ็บ ซึ่งในขณะที่นางได้ตัดสินใจแน่วแน่อยู่แล้วนั้นเอง เทียนเอ๋อก็ได้ดังแขนเสื้อของนางแล้วกล่าว “ท่านแม่ เทียนเอ๋อเองก็เป็นลูกผู้ชาย ดังนั้นข้าไม่กลัวผลที่จะออกมาหรอกขอรับ”
มองไปที่ลูกชายที่มีเหตุผลของนางแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นก็ได้เอนตัวเข้าไปหาแล้วถาม “เจ้าเองก็สงสัยในผลที่จะออกมาเหมือนกันสินะ?”
เมื่อเห็นว่าความตั้งใจของเขานั้นถูกแม่ของเขาเปิดเผยแล้ว เทียนเอ๋อก็ได้ยิ้มออกมาอย่างอายๆ
หลินซีเหยียนก็ได้มีท่าทียอมเห็นด้วย ในเวลานี้นางนั้นรู้อยู่เรื่องหนึ่ง นั่นคือเทียนเอ๋อนั้นเข้มแข็งมากและไม่ต้องการให้ตัวนางนั้นคอยปกป้องเขาอยู่ตลอดเวลา
“อันอี้ ลงมาจัดการเตรียมการให้เรียบร้อย!”
เจียงหวายเย่ก็ได้ออกคำสั่งเบาๆ ไม่นานนักก็ได้มีคนในชุดดำปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน เขาถือชามใส่น้ำมาพร้อมด้วยมืดที่คมกริบ
“เทียนเอ๋อ มานี่มา”
เจียงหวายเย่กวักมือเรียกเทียนเอ๋อ แล้วเทียนเอ๋อก็ได้เดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม แล้วในขณะที่เข้าไปหาเจียงหวายเย่เขาก็ได้พูดขึ้นมา “ถ้าท่านอาจารย์เป็นพ่อของเทียนเอ๋อจริงๆ เทียนเอ๋อจะดูถูกท่านในวันนั้น”
จากนั้นเขาก็ได้ยื่นแขนเล็กๆของเขาออกมาแล้วรอให้เจียงหวายเย่เอาเลือดของเขาไป
เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่เทียนเอ๋อด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ เทียนเอ๋อนั้นแม้จะยังเล็กแต่ก็เป็นเด็กที่ฉลาดมาก ดังนั้น เจียงหวายเย่จึงเห็นเขาเป็นเหมือนลูกมาโดยตลอด แต่ในเวลานี้เขาจะได้กลายเป็นพ่อที่ทั้งล้มเหลวและไร้ความรับผิดชอบในสายตาของเทียนเอ๋อแล้ว
มันช่างมีช่องว่างที่กว้างใหญ่นักระหว่างภาพลักษณ์นี้กับภาพลักษณ์ท่านอาจารย์ที่ทรงพลังของเขา!
ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกแย่มากขึ้นเท่านั้น เจียงหวายเย่ก็ได้ถอนหายใจแล้วมองไปที่ลูกผู้ชายตัวน้อยที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยสีหน้านิ่งๆ แล้วมีดก็ได้กรีดลงที่มือของเขา แล้วก็หยดเลือดที่ไหลออกมาจากแผลลงไปในชามนั้นอย่างช้าๆ
แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้กรีดมือของตัวเองแล้วก็หยดเลือดสีแดงเข้มของตัวเองลงไปในชามนั้นเช่นกัน หลังจากที่ผ่านไปสักพักหนึ่งเลือดทั้งสองหยดก็ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน
โดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ทุกคนต่างก็ได้คำตอบอย่างชัดเจน นั่นคือเทียนเอ๋อนั้นคือลูกชายของมหาอุปราชจริงๆ!
คนที่หลินซีเหยียนพบในคืนนั้นคือเจียงหวายเย่จริงๆ ในเวลานี้หญิงสาวมากมายต่างก็เริ่มรู้สึกอิจฉาและบ่นสวรรค์ว่าช่างไม่ยุติธรรมเลย ทำไมถึงไม่ให้พวกนางได้มีโอกาสเช่นนั้นบ้าง
ส่วนหลินรั่วจิ่งจากตอนแรกที่กำลังดึงผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมในมือของนางอยู่นั้น หลังจากที่เห็นผลที่ปรากฏออกมาแล้ว มือของนางก็ได้ออกแรงมากเกินไปจนทำให้ผ้าเช็ดหน้าของนางขาดเป็นสองชิ้น
มันเป็นไปได้อย่างไร?
เจ้าเด็กไม่มีพ่อนั้นเป็นลูกของมหาอุปราชได้อย่างไร?
หลินซีเหยียน ทำไมนางถึงได้?
“เพียะ!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงกันอยู่นั้น หลินซีเหยียนก็ได้เดินเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้วจูงเทียนเอ๋อถอยออกมาแล้วตบหน้าของเจียงหวายเย่ต่อหน้าต่อตาทุกคน
อย่างที่มีคนพูดเอาไว้ ผู้ใหญ่นั้นไม่สามารถตบหน้ากันได้ เพราะมันถือเป็นการดูถูกอย่างรุนแรง
ผู้คนต่างก็พากันคิดว่าเจียงหวายเย่นั้นจะต้องโกรธมากแน่ แต่ทว่าหลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ๆกลับยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เปิ่นหวางไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดบังเจ้าจริงๆ”
“หรือว่าท่านรู้ตัวตนที่แท้จริงของเทียนเอ๋อตั้งแต่แรกแล้ว?” หลินซีเหยียนก็ได้ทำตาแดงเข้มออกมา ชายคนที่ทำให้แม่ลูกคู่นี้ต้องหกระเหเร่ร่อนคือเจียงหวายเย่นั่นเอง
เจียงหวายเย่เองก็ไม่เคยเห็นหลินซีเหยียนที่โกรธขนาดนี้มาก่อน เขาจึงได้ร้อนรนและรีบอธิบายออกไป “เปิ่นหวางก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เอง ถ้าหากเรารู้แต่แรกเราก็คงไม่ปล่อยให้เจ้าต้องถูกข่มเหงเช่นนี้หรอก”
มีสวรรค์เท่านั้นที่รู้ หลังจากที่เจียงหวายเย่ทราบว่า เทียนเอ๋อคือลูกชายของเขา เขาก็ได้ส่งคนออกไปตามสืบดูว่าหลินซีเหยียนหายไปไหนมาในช่วงหลายปีมานี้
เมื่อทราบข่าวจากคนของเขา เขานั้นก็แทบอยากจะคว้านท้องไถ่โทษทันที
หลินซีเหยียนนั้นต้องตั้งท้องก่อนแต่งงานและถูกต่อว่าต่างๆนา จนทำให้ต้องหนีออกมาจากเมืองหลวง และด้วยสาเหตุที่นางต้องระหกระเหินเร่ร่อนตลอด 9 เดือนทำให้นางมีอาการคลอดลูกยาก
เมื่อเขานึกถึงสิ่งที่เขียนอธิบายเอาไว้ในรายงาน ในค่ำคืนที่ฝนตกหนัก เลือดของหลินซีเหยียนก็ได้ปนไปกับฝนไหลไปตามพื้น จากนั้นนางก็ได้คลอดเด็กผู้ชายออกมาซึ่งทั้งคู่ถูกช่วยเอาไว้โดยผู้เฒ่าอวิ๋นหยาและพานางกลับที่บ้านของเขาด้วย
ไม่อย่างนั้นเกรงว่าตัวเขาในเวลานี้คงไม่ได้พบ หลินซีเหยียนแล้ว แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าจะมีใครเลี้ยงดูลูกชายแสนสุดยอดคนนี้ของเขาโดยที่เขาก็ยังไม่รู้เลย
เจียงหวายเย่ก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปโอบกอด หลินซีเหยียนเอาไว้อย่างแน่นหนาในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดออกมาเบาๆ “ทั้งหมดมันเป็นความผิดของเปิ่นหวางเอง เปิ่นหวางนั้นทั้งกลัวมากและก็ดีใจที่เจ้ากลับมา”
ภาพตรงหน้านี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต้องตกตะลึง
เทพสงครามผู้แข็งแกร่งนั้นกลับแสดงด้านที่อ่อนแอออกมา ราวกับว่าหลินซีเหยียนนั้นคือทุกอย่างที่เขามี และในเวลานี้เขากำลังจะเสียนางไปแล้ว ใบหน้าของเขามีทั้งอาการกระวนกระวายและเสียใจ
แล้วเทียนเอ๋อก็ได้ถึงชายเสื้อของหลินซีเหยียนแล้วถาม “ท่านแม่ แล้วต่อจากนี้ข้าจะเรียกเขาว่าท่านอาจารย์หรือท่านพ่อดี?”