หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 321 สมคบคิด
บทที่ 321
สมคบคิด
เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาที่มารวมกันที่ชิงอวี่แล้ว หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้ถือโอกาสเดินเข้ามาหา และด้วยรอยยิ้มที่เหมาะสมบนใบหน้าของนางก็ได้กล่าวขึ้นมา “ดูจากบรรยากาศและท่าทางที่ยอดเยี่ยมของนางแล้ว แค่มองผ่านๆก็รู้แล้วว่าเป็นคุณหนูเป็นแน่แท้”
หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วขึ้นมา นางนั้นไม่เชื่อหรอกว่าหลินเสวี่ยเหยียนนั้นจะไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของชิงอวี่ นางแค่พูดขึ้นมาเพื่อประชดประชันชิงอวี่เท่านั้น
คนของนาง นางก็จำเป็นที่จะต้องปกป้อง จะปล่อยให้ถูกรังแกง่ายๆได้อย่างไร?
หลินซีเหยียนก็ได้จูงมือของชิงอวี่แล้วมุมปากของนางก็ได้เผยรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มบางๆเช่นนี้ได้ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง แล้วนางก็ได้กล่าว “นางคือคุณหนูจากตระกูลที่เป็นญาติขององค์ชายรัตติกาลน่ะ พวกเราเคยพบกันบ้างเป็นบางครั้ง”
เหล่าคุณชายก็รู้สึกสนใจขึ้นมาในระดับหนึ่งเมื่อได้ยินเรื่องของความสัมพันธ์ของชิงอวี่กับเจียงหวายเย่ ทำให้ดวงตาของพวกเขามีแสงขึ้นมา แม้แต่ดวงตาของหลินรั่วจิ่งก็ยังมีแววตาครุ่นคิดขึ้นมา
ฐานะขององค์ชายรัตติกาลในเวลานี้เทียบไม่ได้กับเมื่อก่อนเลย ในเวลานี้เจียงหวายเย่เป็นถึงพระมหาอุปราช ถ้าจะให้พูดตรงๆก็คือแม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังจะต้องถามความเห็นจาก เจียงหวายเย่ก่อนที่ลงมือตัดสินใจ
ผู้คนจึงได้พยายามกันอย่างเต็มที่เพื่อที่จะเข้าหาองค์ชายรัตติกาล
แต่คุณชายจากตระกูลชวีกลับไม่คิดเช่นนั้น เพราะท่านน้าของเขาเป็นถึงไทเฮา ถึงแม้ว่าพ่อของเขานั้นจะอยู่ห่างไกลออกไป แต่ตัวเขาก็ยังถือสิทธิ์มากมายอยู่ดี ซึ่งว่ากันตามตรงแล้วเขาคิดว่าเจียงหวายเย่นั้นอยู่ในตำแหน่งมหาอุปราชได้ไม่นานหรอก
ต้องรอดูไปอีกสักพักหนึ่ง ซึ่งมันยังไม่แน่ชัดว่ารัฐเจียงนั้นจะเป็นของใครกันแน่
ในขณะที่คุณชายจากตระกูลชวีกำลังอยู่ในภวังค์อยู่นั้น เขาไม่ทันได้รู้สึกตัวถึงเงาที่ผ่านข้างหลังเขาไป แต่ชิงอวี่รู้สึกได้และจ้องมองไปที่ตรงนั้นทันที
สายตาที่แหลมคมนั้นทำให้ชวีมู่ต้องตัวสั่นและได้สติคืนกลับมาทันที แล้วจากนั้นก็ได้มีแววตาที่ตกตะลึงในดวงตาของเขา
โดยไม่สนใจฐานะของอีกฝ่าย เขานั้นรู้สึกชอบสายตานั้นขึ้นมา
ชวีมู่ก็ได้เดินเข้ามาหาแล้วถามด้วยท่าทีที่สุภาพ “ไม่ทราบว่าแม่นางพอจะบอกชื่อของแม่นางให้ข้าทราบได้หรือไม่?”
ชิงอวี่ก็ได้คิ้วขมวด แล้วจากนั้นก็ได้มองไปที่ หลินซีเหยียน นางนั้นไม่รู้ว่าจะพูดเช่นไรดี และไม่เข้าใจว่านายหญิงของนางต้องการอะไรกันแน่
“หึๆ นางออกจะขี้อายน่ะ ถ้าท่านอยากที่จะรู้อะไรเชิญถามข้ามาได้” แล้วหลินซีเหยียนก็ได้จูงมือพาชิงอวี่มาอย่างไม่สุภาพนักแล้วก็พบเก้าอี้เหมาะๆนั่งลง แน่นอนว่าชิงอวี่ก็ได้นั่งลงใกล้ๆนาง
ในตำหนักเล็กๆนั้น ก็ได้มีเหล่าคุณชายมากมายได้ให้ความสนใจในตัวของชิงอวี่ไม่ขาดสาย กลับกันหลินเสวี่ยเหยียนนั้นกลับถูกเมินเสียสนิท
ยิ่งเวลาผ่านไปใบหน้าของหลินเสวี่ยเหยียนก็ได้รู้สึกอับอายมากขึ้นเรื่อยๆ นางจึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่นางชิงอวี่นั้นมีรูปโฉมที่ไม่ธรรมดานัก ไม่ทราบว่าปกติแม่นางนั้นชอบทำอะไร ทำไมถึงไม่เล่าให้พวกเราได้ฟังกันหน่อยล่ะ?”
ในสายตาของหลินเสวี่ยเหยียนนั้น ชิงอวี่เป็นแค่สาวใช้ของหลินซีเหยียนย่อมที่จะไม่รู้จักเรื่องของบทกาพย์กลอนและสมบัติผู้ดีแน่ๆ นางจึงได้คิดที่จะถอดมงกุฏของชิงอวี่ออกให้กลายเช่นเดียวกับที่หลินซีเหยียนทำกับนางเมื่อสักครู่
แต่ทว่าแผนการนี้ของหลินเสวี่ยเหยียนนั้นก็คงจะได้พลาดเสียแล้ว ในฐานะที่เป็นหน่วยอันแล้ว ชิงอวี่ย่อมที่จะต้องเชี่ยวชาญทุกด้าน แน่นอนว่ารวมถึงเรื่องของกาพย์กลอนและสมบัติผู้ดีต่างๆด้วย
“เสวี่ยเหยียนน้องข้า ชิงอวี่นั้นเป็นคนที่เก่งกาจนัก นางนั้นสามารถที่จะขึ้นรับแขกและลงครัว แล้วเรื่องของกาพย์กลอนและดนตรีก็ไม่ใช่ปัญหาเช่นกัน”
ตอนแรกหลินเสวี่ยเหยียนนั้นคิดว่าหลินซีเหยียนนั้นคงจะโกหกนางเป็นแน่ ถ้าชิงอวี่เก่งกาจขนาดนั้นจริง ทำไมนางถึงได้ลดตัวมาเป็นแค่สาวใช้ของหลินซีเหยียนด้วย?”
ต่างจากหลินเสวี่ยเหยียน หลินรั่วจิ่งนั้นไม่ต้องการที่จะไปล่วงเกินแม่นางชิงอวี่ นางจึงได้กล่าวด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม “ถ้าเช่นนั้น รั่วจิ่งคงจะต้องขอเรียนรู้จากคุณหนูชิงอวี่บ้างแล้ว”
เมื่อองค์หญิงที่สูงศักดิ์ที่สุดในที่นี้เป็นคนพูดเอง คนอื่นๆก็ต้องเออออตามและกล่าวชมนาง “แม่นางชิงอวี่ช่างไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
ในขณะที่ผู้คนกำลังเฮฮากันอยู่ในตำหนักเล็กๆอยู่นั้น เหลยถิงลูกน้องของจงซู่เฟิงนั้นก็ได้เริ่มจัดเก็บสัมภาระแล้ว ส่วนจงซู่เฟิงนั้นนั่งอยู่ที่มุมมุมหนึ่งแล้วจากนั้นก็ได้ส่งคนไปหาหลินหัวเยว่เพื่อบอกนางว่าเขานั้นตกลงที่จะทำตามที่ตกลงกันไว้ของอีกฝ่าย
หลินหัวเยว่ที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ก็กำลังรอคอยคนรับใช้ของนางอย่างอารมณ์ดี แล้วมองดูพวกเหล่าพวกผู้หญิงที่กำลังหาคู่ด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก หากพวกนางลองได้แต่งงานสักครั้งแล้ว พวกนางก็จะมองเห็นอะไรต่างๆได้ชัดเจนขึ้น
ซึ่งในหัวของนางในเวลานี้คือต้องการที่จะลากพา หลินซีเหยียนไปลงนรกด้วยกันกับนาง
ซึ่งจริงๆแล้วชีวิตของนางในบ้านของสามีนั้นมันไม่ง่ายเลย สามีของนางเฮอเหวินจางนั้นหลบเลี่ยงนางราวกับนางเป็นแมงป่อง ถ้าเขาไม่เห็นแก่หน้าของมหาเสนาบดีหลินแล้ว นางก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำกับนางโหดร้ายเพียงใดแน่
ในขณะที่คิดเช่นนี้อยู่นั้น สาวใช้คนหนึ่งก็ได้วิ่งมาหานาง ซึ่งไม่รู้ว่าทั้งสองคนนั้นกำลังซุบซิบอะไรกันอยู่ จากนั้นสาวใช้ก็ได้ถอยกลับไป
แล้วหลินหัวเยว่ก็ได้เดินมาหาหลินซีเหยียนด้วยความรู้สึกอิจฉาในใจของนาง ทั้งๆที่หลินซีเหยียนมีลูกแล้วแท้ๆแต่กลับยังมีคนมาหลงรักนางอีก
แต่โชคดีของนางจะจบลงวันนี้แหละ
นางนั้นเดินถือแก้วชาในมือของนาง ในขณะที่นางกำลังเดินเข้าไปใกล้หลินซีเหยียนอยู่นั้นเอง นางก็ได้แกล้งทำเป็นเดินสะดุดแล้วทำน้ำชาหกไปข้างหน้าของนาง
น้ำชานั้นควรที่จะต้องหกรดตัวของหลินซีเหยียน แต่ทว่าสายตาของชิงอวี่นั้นรวดเร็วและฉับไวกว่า แล้วนางก็ได้เอาตัวเข้ามาบังหลินซีเหยียนในชั่วพริบตา
เมื่อเห็นว่าแผนของนางนั้นไม่ได้เป็นไปตามที่ตั้งใจเอาไว้ หลินหัวเยว่ก็ได้แสดงสีหน้าตื่นตระหนกมากออกมา
ในห้องรับแขกของเรือนนี้ ภายใต้การนำทางของสาวใช้ของหลินหัวเยว่ จงซู่เฟิงก็ได้นั่งลงและรออยู่ แต่ตัวเขานั้นไม่รู้เลยว่าหลินหัวเยว่นั้นได้จุดกำยานพิเศษเอาไว้ในห้องนี้เพื่อแผนการที่ราบรื่นของนาง
หลังจากนั้นสักพักจงซู่เฟิงก็ได้รู้สึกถึงอะไรบางอย่างได้ แต่มันก็สายไปเสียแล้ว
ในสวนด้านหน้าของตำหนัก ท่ามกลางผู้คนมากมาย ก็ได้บอกให้ชิงอวี่นั้นไปที่ห้องรับแขกที่อยู่ด้านหลังของเรือนเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ถึงแม้ชิงอวี่จะบอกว่านางนั้นไม่สนเรื่องที่ชาหกรดตัวนางก็ได้ แต่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยที่อบอุ่นของผู้คนแล้วทำให้นางรู้สึกกดดันขึ้นมา
ในขณะที่ชิงอวี่กำลังรู้สึกกดดันอยู่นั้น หลินซีเหยียนก็ได้ลุกขึ้นแล้วพูดอย่างอ่อนโยน “ชิงอวี่ ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง”
ชิงอวี่ก็ได้ผงกหัวแล้วทำเป็นขอบคุณนาง “ขอบคุณแม่นางหลินมาก”
หลินหัวเยว่ก็ได้ยิ้มราวกับดอกไม้ขึ้นมาเมื่อนางได้ยินเช่นนี้ นางนั้นกำลังกังวลอยู่เลยว่าอาจจะต้องเปลี่ยนแผน แต่ก็ไม่นึกว่าสวรรค์จะยังคงเข้าข้างนางอยู่
ภายใต้การนำของสาวใช้ หลินซีเหยียนกับชิงอวี่ก็ได้ไปที่ห้องรับแขกแล้วปิดประตู แต่แล้วสีหน้าของชิงอวี่ก็ได้เยือกเย็นขึ้นมา
“คุณหนู มีคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วยเจ้าค่ะ”
หลินซีเหยียนนั้นไม่รู้สึกแปลกใจกับคำพูดของชิงอวี่ เพราะนางนั้นรู้สึกแปลกๆว่าจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่ในห้องรับแขกเป็นแน่
ชิงอวี่ที่เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ หลินซีเหยียนก็ได้เอานิ้วมือขึ้นมาจรดริมฝีปากของนางเป็นเชิงบอกว่าให้เงียบๆ
เมื่อนางดมกลิ่นหอมจากๆในห้องนี้แล้ว สายตาของ หลินซีเหยียนก็ได้มืดดำขึ้นมาทันที จากนั้นนางก็ได้รีบหยิบเอายาชิงซินออกมาสองเม็ดจากในกระเป๋าของนาง แล้วส่งให้ชิงอวี่เม็ดนึงจากนั้นทั้งสองคนก็ได้ทานยาลงไป
แล้วผลของยาชิงซินก็ได้ทำงานทันที ทำให้ความร้อนในร่างกายเมื่อสักครู่ก็ได้ลดลงไปทันที
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังอยู่ในความเงียบอยู่นั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงดัง“ปัง”มาจากด้านหลังม่านกั้น
หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วให้ชิงอวี่ แล้วจากนั้นก็ได้เดินไปช้าๆแล้วจากนั้นก็พบจงซู่เฟิงที่กำลังถอดเสื้อผ้าของเขาอยู่
ไม่นานนักจงซู่เฟิงก็รู้สึกได้ถึงตัวตนของทั้งสองเข้า เขานั้นอยากที่จะห้ามตัวเองแต่ผลของกำยานนั้นทรงพลังมากนั้นทำให้เขาอดใจไว้ไม่ไหวแล้วพุ่งตัวเข้าไปหาหลินซีเหยียน
“คุณหนู”
ชิงอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆหลินซีเหยียนก็ได้ยกขาขึ้นมาแล้วเตะเข้าไปอย่างไม่ปรานีเข้าไปที่ตัวของจงซู่เฟิง
เดิมทีในสายตาของทุกคน จงซู่เฟิงนั้นเป็นเพียงองค์ชายที่อ่อนแอไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่ที่จะบิดคอไก่ด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าองค์ชายจงนั้นจะสามารถหลบลูกเตะของชิงอวี่ได้