หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 320 เลือกหาสามีที่ดี
บทที่ 320
เลือกหาสามีที่ดี
เทียนเอ๋อคิดที่จะผงกหัวแต่เขาก็ไม่กล้าขนาดนั้น เขาทำได้แค่พูดออกไปอย่างช่วยไม่ได้ “ข้ารู้ว่าท่านแม่ไม่ใช่คนใจแคบ แต่ท่านแม่นอนที่ห้องของท่านอาจารย์แบบนี้ทำให้ท่านอาจารย์ไม่มีที่นอนนะขอรับ”
หลินซีเหยียนยิ่งได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกแย่ เดี๋ยวเจ้าตัวแสบนี้เข้าข้างอาจารย์ของเขาขนาดนี้เลยเหรอ?
หลินซีเหยียนจึงได้เข้ามาในห้อง เข้าปิดประตูใส่หน้าเทียนเอ๋อที่อยู่ข้างนอกห้อง
“ข้าพูดอะไรผิดเหรอ?” เทียนเอ๋อก็ได้เอามือถูจมูกตัวเองอย่างกลัวๆ ที่ถ้าหากเขาอยู่ข้างหน้ามากกว่านี้อีกนิด เขาคงสูญเสียจมูกงามๆของเขาเป็นแน่
หากไร้ซึ่งจมูกงามๆนี้แล้ว ตัวเขาก็จะสูญเสียรูปโฉมที่งดงามไป แล้วหลังจากนี้อีกสิบปีเขาจะหาสะใภ้มาให้ท่านแม่ได้อย่างไร?
เทียนเอ๋อก็ได้มองไปที่ประตูที่ปิดแล้วเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ เขาจึงได้แอบหนีออกไปจากจวนมหาเสนาบดี
ในตอนบ่าย หลินซีเหยียนก็ได้มองไปรอบๆเรือนแต่ก็ไม่พบเทียนเอ๋อ นางจึงได้พูดขึ้นมาอย่างโมโห “ให้ตายสิ ว่าจะพาไปที่จวนของท่านแม่ทัพเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเจ้าตัวแสบหายไปที่ไหนกันนะ?”
ออกมายืนอยู่ที่หน้าจวนมหาเสนาบดีแล้วมองไปรอบๆก็ยังไม่พบเทียนเอ๋อ แต่กลับพบเจียงหวายเย่ที่ยืนยิ้มและกำลังมองมาที่นาง
“ท่านหายไปไหนมาแต่เช้า? เทียนเอ๋อเลยเข้าใจข้าผิดเลย เจ้าตัวแสบบอกว่าข้านั้นยึดที่ไม่ยอมให้ที่ท่านนอน”
เจียงหวายเย่ก็ได้เดินไปหานางแล้วจูงมือของ หลินซีเหยียน “เปิ่นหวางจะพาเจ้าไปที่ที่นึง”
เพราะวิชาตัวเบาของเจียงหวายเย่นั้นเรียกได้ว่าอยู่ในระดับสุดยอดแล้ว แม้ในเวลากลางวันตัวตนของทั้งสองคนที่ลอบเข้ามาในวังหลวงนั้นกลับไม่มีใครรู้สึกได้เลย
“ถวายบังคมองค์หญิงรั่วจิ่ง”
ณ ศาลาริมสระปิงซิน หลินรั่วจิ่งที่สวมชุดองค์หญิงสีเหลืองอ่อนแลดูน่าอิจฉา แล้วหลินหัวเยว่กับหลินเสวี่ยเหยียนก็ได้คุกเข่าลงตรงหน้านาง
ในเวลานี้ทั้งสามคนนั้นต่างก็มีฐานะที่ต่างกันออกไป โดยที่เหนือกว่าใครหลินรั่วจิ่งนั้นเป็นถึงองค์หญิงของอาณาจักร และคือผู้ที่จะเป็นพระชายาของฮ่องเต้องค์ใหม่
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องก่อนหน้านี้ แต่ก่อนหลินรั่วจิ่งนั้นตั้งมั่นเอาไว้ว่าตัวนางจะต้องเป็นองค์ฮองเฮาผู้อยู่เหนือผู้คนนับร้อยนับพัน แต่ในเวลานี้นางได้เปลี่ยนใจแล้ว ตอนนี้นางรู้สึกสนใจในตัวของมหาอุปราชเจียงหวายเย่แทน
หลินหัวเยว่นั้นก็เป็นอันดับสองรองมาจากหลินรั่วจิ่ง ถึงแม้ว่าสามีของนางจะเป็นแค่ขุนนางต่ำต้อยไร้บทบาททางการเมือง แต่ตัวนางก็ยังเหนือกว่าหลินเสวี่ยเหยียนที่ยังไม่ได้แต่งงาน
ในเวลานี้หลินเสวี่ยเหยียนนั้นได้ถึงวัยออกเรือนแล้ว แต่กลับยังไม่มีใครในบ้านที่วางแผนอะไรให้นาง แน่นอนว่าแม่ของหลินเสวี่ยเหยียนเองก็คิดเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา
เพียงแต่ต้องให้ฮูหยินอวี้เป็นคนตัดสินใจอยู่ดี
หลินรั่วจิ่งนั้นยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้และไม่ลุกขึ้นมา นางสะบัดมือของนางแล้วกล่าว “ท่านพี่ทั้งสองได้โปรดลุกขึ้นเถอะ”
“ทำไมทั้งสามคนถึงได้มาอยู่ด้วยกันได้?” หลินซีเหยียนก็ได้หันไปมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆนาง เจียงหวายเย่พานางมาที่นี่จะต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่
เจียงหวายเย่ไม่ตอบ แต่ได้ส่งสายตาบอกนางว่า แล้วนางจะรู้เองถ้าดูต่ออีกหน่อย
ทั้งสองคนนั้นซ่อนตัวอยู่ในต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ห่างออกไปมากนัก ถึงแม้ว่าการสนทนาของทั้งสามคนในศาลานั้นจะได้ยินไม่ค่อยชัดนัก แต่ทั้งคู่ก็พอที่จะจับใจความได้
“คืออย่างนี้นะน้องข้า เสวี่ยเหยียนกับซีเหยียนนั้นทั้งคู่ต่างก็ถึงวัยออกเรือนแล้ว ข้าจึงได้อยากที่จะขอให้องค์หญิงช่วยหาผู้ชายจากตระกูลดีๆให้ทั้งคู่หน่อยน่ะ”
หลินรั่วจิ่งก็ได้มองไปที่พี่สาวของนางที่มีพ่อและแม่เดียวกัน แล้วก็มีแสงปรากฏออกมาจากดวงตาของนาง จากนั้นนางก็ได้กล่าว “ถ้ารั่วจิ่งหาได้ไม่ดีนัก ก็อย่ามาโทษน้องคนนี้ทีหลังก็แล้วกัน”
หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วขึ้นมา “ตั้งแต่เมื่อไรกันนะที่การแต่งงานของพวกนางต้องให้หลินรั่วจิ่งเป็นคนตัดสินใจน่ะ?”
“ว่ากันตามปกติแล้ว จะเป็นหน้าที่ของฮูหยินใหญ่ที่จะเป็นคนจัดการเรื่องนี้ แต่ในเวลานี้หลินรั่วจิ่งนั้นมีฐานะที่สูงกว่า ฮูหยินใหญ่ นางจึงเป็นคนที่จัดการเรื่องนี้ไปโดยปริยาย
เจียงหวายเย่กล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่ยินดีนัก “ดูเหมือนว่าเราจะต้องปลดหลินรั่วจิ่งออกจากตำแหน่งองค์หญิงเสียแล้ว”
“ยังทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?” หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่อย่างประหลาดใจ แล้วจากนั้นก็ได้พูดอย่างติดตลก “หลินรั่วจิ่งเคยไปล่วงเกินท่านเหรอ? นางถึงได้เป็นเหมือนพิษทิ่มแทงองค์ชายขนาดนั้น”
มองไปที่ผู้หญิงไร้หัวใจที่ยิ้มอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เจียงหวายเย่ก็ได้ยอมแพ้ให้กับใบหน้าของนาง “ที่เปิ่นหวางทำเช่นนี้ก็ไม่ใช่เพื่อใครอื่น แต่กลัวว่าใครบางคนจะถูกจับแต่งงานเสียก่อนน่ะสิ”
แล้วทั้งสองคนก็ได้กลับไปที่จวนมหาเสนาบดี และไม่นานนักหลินรั่วจิ่ง, หลินหัวเยว่และหลินเสวี่ยเหยียนเองก็ได้กลับถึงจวนมหาเสนาบดีมาด้วยกัน
แล้วที่จวนมหาเสนาบดีก็ได้คึกคักขึ้นมาทันทีเพราะพวกนาง จนกระทั่งเวลาเย็น สาวใช้คนหนึ่งก็ได้เข้ามาแล้วกล่าว “คุณหนูสามเจ้าคะ องค์หญิงรั่วจิ่งเรียกท่านให้ไปหาเจ้าค่ะ”
“เจ้ากลับไปก่อน เดี๋ยวข้าจะตามไปทีหลัง”
สาวใช้คนนั้นก็ได้นึกว่าสงสัยหลินซีเหยียนเองคงอยากได้เจ้าบ่าวเหมือนกัน นางจึงได้กลับไป
เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนแล้วกล่าว “ให้เราไปร่วมงานนี้กับเจ้าไหม?”
“ท่านอยู่ในเรือนเชียนเหยียนนี่แหละ สำหรับหลินรั่วจิ่งแล้วให้ชิงอวี่ไปกับข้าก็พอ”
หลังจากที่พูดจบหลินซีเหยียนก็ได้เรียกชิงอวี่ที่กำลังทำหน้าที่คุ้มกันอยู่ในความมืดออกมา แล้วนางก็ได้คิ้วขมวดขึ้นมาที่เห็นชุดสีดำที่ไร้เสน่ห์ของอีกฝ่าย
จากนั้นนางก็ได้ดึงตัวชิงอวี่ที่กำลังทำหน้าสงสัยเข้ามาในห้อง
หลังจากที่ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ทั้งสองคนก็ได้ออกมาโดยที่หลินซีเหยียนไม่ได้ทำอะไรมากนัก นางไม่ได้แต่งหน้าให้มากนัก เพราะแต่เดิมชิงอวี่ก็เป็นคนสวยอยู่แล้ว แล้วให้สวมชุดสีฟ้าเหมือนกับนาง แล้วจัดการม้วนผมของนางขึ้นมามัดเป็นซาลาเปาบนหัวอย่างง่ายๆ
เมื่อมองดูโดยรวมแล้ว ชิงอวี่นั้นงดงามและเยือกเย็นราวกับหยกน้ำแข็ง
“คุณหนูเจ้าคะ ข้าว่ามันไม่เหมาะที่จะให้ชิงอวี่แต่งตัวแบบนี้หรอกเจ้าค่ะ” ชิงอวี่นั้นรู้สึกอายเล็กน้อย และสายตาของนางก็ได้จับจ้องไปที่ความมืด
ซึ่งมีแต่เสียงของใบไม้สั่นไหวอย่างนุ่มนวลตอบนางกลับมาเท่านั้น
จี๋เฟิงที่อยู่นั้นความมืดนั้นก็ได้รู้สึกตกตะลึง ตัวเขากับ ชิงอวี่นั้นก็ได้ทำงานร่วมกันมาสักพักใหญ่ๆแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายนั้นจะงดงามมากขนาดนี้ ทำให้เขานั้นรู้สึกว่าตัวเขานั้นไม่คู่ควรกับนางเลย
“ดีแล้วล่ะชิงอวี่ วันนี้พวกเราจะมาโดดเด่นในงานนี้ร่วมกัน”
แล้วหลินซีเหยียนก็ได้เดินไปที่งานเลี้ยง ด้วยย่างก้าวที่อันตรายราวกับหมายจะพังงานเลี้ยงนั้น
ในงานเลี้ยงนั้นมีทั้งเหล่าคุณหนูและคุณชายมากมายมารวมตัวกันอยู่ที่ตำหนักเล็กๆแห่งหนึ่งที่ล้อมรอบด้วยโคมไฟ ซึ่งเมื่อโคมไฟหลากชนิดมากมายสว่างไสวพร้อมกันเช่นนี้ช่างสวยงามยิ่งนัก
“พี่สาม ทำไมท่านถึงได้มาเอาป่านนี้ล่ะ? ทั้งเหล่าคุณชายและคุณหนูต่างก็รอกันไม่ไหวแล้วนะ”
หลินรั่วจิ่งก็ได้เดินมาหา ด้วยชุดเครื่องทรงในวังทำให้ตัวนางนั้นดูสูงส่งมากขึ้นไปอีก ดูราวกับว่านางนั้นรอคอยให้ หลินซีเหยียนนั้นมาถวายบังคมนางอยู่
“ถวายบังคมองค์หญิง”
แล้วนางก็ได้ก้มหัวลง หลินซีเหยียนก็ได้ใช้วิธีก้มหัวราวกับว่าตัวนางนั้นเป็นขุนนาง ซึ่งด้วยท่าทีเท่านี้ก็เพียงพอที่จะถล่มผู้คนที่เฝ้าดูได้
ซึ่งมันดูราวกับว่าตัวนางนั้นอยู่สูงกว่า แม้ว่าหลินรั่วจิ่งนั้นจะเป็นถึงองค์หญิง แต่ก็ทำให้ต้องตกเป็นฝ่ายรองและ หลินซีเหยียนกลายเป็นตัวเอกไป
หลินรั่วจิ่งที่ได้สติคืนมาก็ได้รีบกล่าว “พวกเราต่างก็เป็นพี่น้องกัน ใยจะต้องมีพิธีรีตองด้วย”
เมื่อเหล่าผู้มาร่วมงานรอบๆมองมาที่ดวงตาของ หลินซีเหยียนแล้ว ต่างก็มีแววตาที่ตกตะลึงขึ้นมา แต่พวกเขาก็ได้หลบสายตาทันทีเมื่อพวกเขานึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายนั้นเคยท้องก่อนแต่งมาก่อน
ด้วยสายตาที่น่ารังเกียจเหล่านี้แล้ว หลินซีเหยียนนั้นก็ได้ทำเป็นไม่สนใจแล้วนางก็ได้เดินหลบให้ชิงอวี่ที่อยู่ข้างหลังนางได้เผยโฉมต่อหน้าผู้คน ด้วยสีหน้าที่ดูทระนง, บรรยากาศที่ดูเย็นชาและใบหน้างดงามเหล่านี้ทำให้ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมายทันที
เมื่อเทียบกับหลินเสวี่ยเหยียนที่แต่งตัวมาเต็มที่แล้ว ชิงอวี่นั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยและอาจจะเหนือกว่าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
“พี่สาม ไม่ทราบว่านางคือใครเหรอ?”