หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 316 ลงโทษสาวใช้
บทที่ 316
ลงโทษสาวใช้
“แล้วการที่สาวใช้พูดเสียดสีเจ้านายนี่ ถือเป็นการล่วงเกินเจ้านายด้วยเหมือนกันไหม?” หลินซีเหยียนก็ถามราวกับเด็กน้อยขี้สงสัย ที่เวลาไม่เข้าใจอะไรก็จะถามซักไซ้ทันที
หลินหัวเยว่ก็ได้ผงกหัวแล้วนางก็ได้หยิบแก้วชาที่อยู่ข้างๆนางขึ้นมา ชานั้นเพิ่งจะนำมาเสิร์ฟให้อุณหภูมิจึงน่าจะยังสูงอยู่ มันจึงได้ลวกนิ้วของหลินหัวเยว่ในทันที
แล้วนางก็ได้เทชาแก้วนั้นลงพื้นทันที แล้วจ้องไปที่นิ้วของนางที่พองอย่างโมโหแล้วจากนั้นก็กล่าว “ใครกันที่ชงชาแก้วนี้?”
แล้วเด็กสาวอายุ 12 ก็ได้วิ่งมาแล้วคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความกลัวทันที “คุณผู้หญิงเจ้าคะ บ่าวทำผิดไปแล้วขออภัยด้วยเจ้าค่ะ”
หลินหัวเยว่ก็ไม่ได้ปล่อยอีกฝ่ายไปเพียงเพราะเห็นว่านางยังเป็นเด็ก ใบหน้าของนางนั้นมืดดำและดวงตาของนางก็ดุดันขึ้นมาราวกับงูพิษที่กำลังมองหาเหยื่ออย่างโหดร้ายและน่ากลัว
“ใครก็ได้มาจับตัวนังนี่ไว้ให้ข้าที อย่าคิดนะว่าข้าจะยกโทษให้เจ้าที่ทำผิดเพียงเพราะเจ้ายังเด็กน่ะ”
หลินหัวเยว่ก็ได้หรี่สายตาลงและมองไปที่ปลายนิ้วของนางที่กำลังบวมด้วยสายตาที่เศร้าหมอง แต่ไม่นานนักก็ได้มีคนที่เอาน้ำแข็งห่อไว้ในผ้าเอามาประคบนาง
ซึ่งว่ากันตามตรงแล้ว นิ้วบวมแดงแค่นี้เพียงแค่ 1 ใน 4 ชั่วยามก็หายแล้ว ทำไมถึงต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ราวกับว่าเจ็บปวดมากมายหลายเท่านัก
ดูเหมือนว่านางจะรู้สึกได้ถึงสายตาของหลินซีเหยียน หลินหัวเยว่ก็ได้ยิ้ม “น้องอย่ามาหัวเราะที่พี่ทำเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้นะ ถ้าท่านพี่เฮอมาเห็นข้านิ้วบวมแดงเช่นนี้เข้าก็ต้องอาละวาดเช่นกัน”
หลินซีเหยียนจึงได้รู้สึกทึ่งกับเฮอเหวินจางขึ้นมา ถึงจะรู้ว่าเขานั้นเป็นสามีของหลินหัวเยว่ แต่ก็ไม่นึกว่าแม้เขาจะไม่ชอบผู้หญิง แต่ก็รักหลินหัวเยว่มากถึงขนาดนี้
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวแล้วกล่าว “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี”
หลังจากนั้นหลินหัวเยว่ก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วไปที่ห้องหนึ่งที่อยู่ด้านหนึ่งของห้องนั้นเพื่อไปหยิบอะไรบางอย่าง หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่รั่วฉุ่ยแล้วถามอย่างอ่อนโยน “ใครที่เป็นคนทำร้ายเจ้า? ไหนเจ้าชี้ให้คุณหนูของเจ้าดูซิ”
แล้วรั่วฉุ่ยก็ได้กลืนน้ำลายลงไปอึกหนึ่ง แล้วนางก็ได้แอบชี้ไปที่หวังโผแล้วยังชี้ไปที่ซิ่งฮวาที่กำลังประคบนิ้วของหลินหัวเยว่
“ดีมาก” หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มออกมา จากนั้นนางก็ได้งอนิ้วของนางแล้วก็มีเข็มเงินที่บางเหมือนขนวัวปรากฏอยู่ที่ระหว่างนิ้วทั้งของหลินซีเหยียน
ใครที่กล้ามาทำร้ายคนของข้า วันนี้ก็จะพวกเจ้าได้ลิ้มรสเข็มขนวัวที่หมอผีคนนี้คิดค้นขึ้นมาหน่อยก็แล้วกัน
หลินหัวเยว่ก็ได้ออกมาจากห้องนั้นมาพร้อมกับถือกล่องไม้ใบหนึ่งออกมา นางนำมาวางไว้บนโต๊ะอย่างหวงแหน ราวกับว่านางกำลังโอ้อวดอยู่
หลินซีเหยียนที่ยังไม่ได้ไปไหนนั้น เพราะเสียงไม้โบยกระทบเข้ากับเนื้อข้างนอกห้องนั้นยังคงดังอยู่ แต่เสียงร้องที่เจ็บปวดของเด็กคนนั้นได้หายไปแล้ว
นางจึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปข้างนอก แล้วก็พบเด็กสาวคนนั้นที่เสื้อผ้าของนางชุ่มไปด้วยเลือด และไม่มีอาการตอบสนองอะไรมาจากการโบยเด็กคนนั้น
“น้องข้ารู้สึกไม่ดีอย่างนั้นเหรอ?”
หลินหัวเยว่ก็ได้เดินมาและมองดูภาพนี้ แต่นางก็ไม่ได้สั่งให้สาวใช้เหล่านั้นหยุดมือเลยแม้แต่น้อย
“นางยังเด็กอยู่ ข้าเกรงว่านางจะได้ตายเสียก่อนจะโบยครบจำนวนนะ” หลินซีเหยียนพูดอย่างเป็นกังวล นางนั้นไม่คิดว่านอกจากหลินหัวเยว่นั้นจะไม่เปลี่ยนแล้วแต่นางยังเลือดเย็นด้วย
“คุณหนูสามกังวลมากไปแล้วเจ้าค่ะ นังนั่นเป็นเด็กที่เกิดมาจากชนชั้นต่ำโดนแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ” แล้วซิ่งฮวาที่ยืนอยู่ข้างๆหลินหัวเยว่ก็ได้พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ
เมื่อได้ยินที่พูดเช่นนี้ หลินซีเหยียนก็พลันนึกแผนบางอย่างขึ้นมาได้แล้วจากนั้นก็ได้ปล่อยเข็มขนวัวออกไปปักเข้าที่ตัวของซิ่งฮวา
แล้วในชั่วขณะนั้นเองซิ่งฮวาก็เหมือนกับลืมตัว นางได้ปล่อยมือที่ประคบหลินหัวเยว่อยู่ แล้วจากนั้นก็ได้กล่าวอย่างตื่นเต้นมาก “ตีเลย ตีให้หนักๆ เอาให้นังเด็กชั้นต่ำนั่นตายเลย”
“ซิ่งฮวา” หลินหัวเยว่ก็ได้มองไปที่นางอย่างไม่พอใจและดุนาง “หุบปาก”
แต่ซิ่งฮวาที่เหมือนจะลืมตัว เมื่อได้ยินที่หลินหัวเยว่กล่าวเช่นนั้น นางก็ได้หันหัวมามองอย่างมึนงงแล้วจากนั้นก็ได้กล่าวถ้อยคำดูหมิ่นออกมา “ข้าเทียบกับเจ้าไม่ได้ตรงไหนกัน? ทำไมคุณชายอู๋ถึงไม่มองข้าบ้าง?”
“คุณชายอู๋ชอบพี่สาวข้าอย่างนั้นเหรอ?” แล้วแววตาของหลินซีเหยียนก็ได้สว่างวาบออกมาราวกับว่านางได้ยินอะไรบางอย่างที่น่าสนใจออกมา
แล้วสีหน้าของหลินหัวเยว่ก็ได้ไม่ดีขึ้นมา แล้วนางก็ได้รีบส่ายหัวแล้วพยายามรักษารอยยิ้มบนใบหน้าของนางเอาไว้ “ซิ่งฮวา เจ้าพูดอะไรออกมาน่ะ? เจ้าพูดอะไรไร้สาระเช่นนี้จะหาว่าข้าโหดร้ายกับเจ้าไม่ได้นะ”
ซิ่งฮวานั้นอยู่หลินหัวเยว่มาได้สักพักแล้ว นางจึงกลัวหลินหัวเยว่และรีบหดหัวของตัวเองลงเมื่อได้ยินที่พูดเช่นนั้น
เดิมทีหลินหัวเยว่นั้นคิดว่าเรื่องนี้คงจะจบแล้ว แต่นางไม่คิดว่ามันยังจะมีต่อ เมื่อเสียงของซิ่งฮวาได้ดังขึ้นมาอีก “คุณหนู ท่านรู้หรือเปล่าว่าเด็กในท้องของท่านน่ะเป็นของใครกันแน่?”
หลินหัวเยว่ก็ได้ยืนตกใจอยู่กับที่ แล้วจากนั้นก็ได้สั่งให้คนที่กำลังโทษเด็กคนนั้นมาจับตัวซิ่งฮวาเอาไว้ และในระหว่างนั้นซิ่งฮวาก็ยังคงเผยความลับต่างๆนานาออกมา
ด้วยความโมโหทำให้ลมหายใจของหลินหัวเยว่เริ่มไม่คงที่ แล้วนางก็ได้สั่งให้คนจัดการอุดปากของซิ่งฮวาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
เพราะซิ่งฮวานั้นเป็นสาวใช้ของตระกูลสามี นางจึงได้ระบายความโกรธออกมาแค่ในระดับหนึ่งเท่านั้น
ส่วนหลินซีเหยียนก็ได้เดินไปหาสาวใช้ตัวน้อยที่หมดสติ และป้อนอะไรบางอย่างเข้าปากของเด็กน้อยแล้วจากนั้นก็ปลุกนางให้ตื่นอย่างไม่สนใจรอบข้าง จากนั้นก็หยิบเอายารักษาแผลออกมาจากกระเป๋าข้างเอวของนางแล้วยัดใส่ในมือของเด็กคนนั้น
“จำเอาไว้ว่าหมั่นทายานี้ทุกวัน ไม่อย่างนั้นจะเหลือเป็นรอยแผลเป็นเข้าใจไหม?”
ความอ่อนโยนนี้ทำให้เด็กสาวถึงกับน้ำตาคลอขึ้นมา แล้วนางก็ได้ผงกหัวด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
ในเวลานี้เรือนเล็กๆของหลินหัวเยว่นั้นกำลังวุ่นวายอย่างมาก และหลินซีเหยียนก็ไม่ลืมหวังโผและปักเข็มขนวัวไว้ที่ตัวของนางก่อนที่จะจากไป
นางนั้นรู้ดีว่าการไปยั่วโมโหหลินหัวเยว่เข้าแล้วจะต้องจบไม่สวยแน่ๆ แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร กับการที่เป็นสาเหตุทำให้ซิ่งฮวาพูดเช่นนั้นออกมา เพราะทั้งนางกับเด็กรับใช้คนนั้นต่างก็เป็นข้ารับใช้เหมือนกันแท้ๆ แต่กลับไม่รู้จักเห็นอกเห็นใจและคอยช่วยเหลือกัน หนำซ้ำยังได้ทีขี่แพะไล่ซ้ำเติมอีกช่างน่ารังเกียจเสียจริงๆ
เมื่อออกมาจากเรือนของหลินหัวเยว่แล้ว แต่ก่อนที่นางจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าวชายเสื้อของนางก็ถูกดึงเสียก่อน หลินซีเหยียนจึงได้หันหน้ากลับมามองแล้วมองไปที่รั่วฉุ่ยที่เหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่อยากจะพูด
“เจ้าอยากให้ข้าช่วยเด็กคนนั้นอย่างนั้นเหรอ?”
ราวกับว่าความคิดของรั่วฉุ่ยนั้นเดาออกง่ายมาก บางทีอาจเป็นเพราะรั่วฉุ่ยนั้นยังอายุไม่มากและยังไม่ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะนัก นางจึงได้เป็นคนใจดีเช่นนี้
ช่างน่าเสียดายจริงๆ ที่คนดีๆอย่างนางต้องมาอยู่ในสถานที่อย่างจวนมหาเสนาบดีเช่นนี้
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่อีกฝ่ายแล้วก็ส่ายหัว รั่วฉุ่ยที่เห็นเช่นนั้นก็ได้ก้มหน้าลงด้วยสีหน้าที่ผิดหวังและปล่อยมือของนาง
หลินซีเหยียนที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมานั้น ก็ได้ถูกขัดโดยจงซู่เฟิงเสียก่อน เมื่อเขานั้นมองเห็นหลินซีเหยียนปุ๊บเขาก็ได้รีบเดินเข้ามาหาปั๊บ
“แม่นางหลินหายไปไหนมา? ทำไมท่านถึงได้กลับมาเอาป่านนี้?”
หลังจากที่ถามไปเช่นนั้นจงซู่ก็รู้สึกตัวขึ้นมาได้ ว่าอีกฝ่ายนั้นจะไปที่ไหนนั้นก็เป็นเรื่องของอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าเขานั้นจะพูดแรงเกินไปเขาจึงได้รีบโบกมือของเขาแล้วอธิบาย “เราช่างหยาบคายนัก เราก็แค่เป็นห่วงแม่นางมากเกินไปเท่านั้น”
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวแล้วกล่าว “ขอบคุณท่านมากที่เป็นห่วง ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
“แม่นางหลินได้โปรดช่วยอยู่ก่อน” จงซู่เฟิงก็ได้พูดบอกรั้งนางเอาไว้ หลินซีเหยียนก็ได้หยุดแล้วหันหน้ากลับมามองอีกฝ่าย “คุณชายจง ไม่ทราบว่าที่มีธุระอะไรเหรอ?”
ด้วยท่าทีที่ห่างเหินเช่นนี้ทำให้จงซู่เฟิงนั้นรู้สึกไม่ดีขึ้นมา แต่เขาก็ได้กล่าวออกไป “ท่านรู้จักเด็กที่ชื่อลู่หลีหรือไม่?”
“ลู่หลี?” หลินซีเหยียนก็ได้ตกใจเล็กน้อย นางคิดว่าหรือว่าจงซู่เฟิงนั้นจะรู้ว่านางนั้นไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มา? แต่ในขณะที่นางจะถามกลับไปนั้นเอง
จงซู่เฟิงก็ได้อธิบายออกมาก่อน “เมื่อไม่กี่วันก่อน เราได้บังเอิญไปพบกับเด็กสาวคนหนึ่งเข้า เด็กสาวคนนั้นบอกว่านางชื่อลู่หลีและกำลังตามหาแม่นางอยู่”