หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 315 ความฮึกเหิม
บทที่ 315
ความฮึกเหิม
หลินซีเหยียนนั้นไม่อยากที่จะฟังคำพูดที่ฟังดูจอมปลอมของรั่วฉุ่ย นางจ้องไปที่ดวงตาของอีกฝ่ายแล้วพูดซ้ำอีกครั้ง “บอกข้ามาว่าใครเป็นคนทำเจ้า?”
แต่รั่วฉุ่ยก็เอาแต่ก้มหัวเหมือนกับกำลังกลัวอะไรบางอย่างอยู่ แต่ก็ยังมีการต่อต้านอยู่บ้าง “คุณหนู ไม่รู้จะดีกว่านะเจ้าคะ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นคำนึงถึงตัวเองเช่นนี้แล้ว หลินซีเหยียนก็ได้ไม่ฝืนบังคับนางมากเกินไป นางจึงได้จูงมืออีกฝ่ายแล้วเดินไปที่โต๊ะหินอ่อนในสวน
แล้วชายสองคนที่มีดวงตาที่ใหญ่และเล็กก็ได้หันหน้าของพวกเขามามองนาง
“น้องกำลังโมโหเหรอ?” หลินหนานเฟิงก็ได้ถามอย่างห้วนๆเช่นเคย
เจียงหวายเย่ที่เห็นดังนั้นก็ได้กล่าว “เสี่ยวเหยียนเอ๋อโหดร้ายมากขึ้นเรื่อยๆขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนที่ไม่มีตาไปยั่วโมโหนางเข้า”
เมื่อได้ยินที่กล่าว หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วขึ้นมาด้วยความไม่พอใจในดวงตาของนาง “นี่พวกท่านกำลังล้อข้าเล่นอยู่งั้นเหรอ?”
จากนั้นนางก็ได้ยกแขนของรั่วฉุ่ยขึ้นมาแล้วค่อยๆดึงเอาแขนเสื้อออก เผยให้เห็นผิวขาวๆของรั่วฉุ่ยที่เต็มไปด้วยแผลที่บวมและแดง และดวงตาของรั่วฉุ่ยก็ได้เต็มไปด้วยน้ำตารู้สึกผิด
“เจ้าไม่ต้องมาปิดบังข้าเลยนะ ข้าจะต้องรู้ให้ได้แม้ว่าเจ้าจะไม่บอกข้าก็ตาม
แล้วดวงตาของหลินซีเหยียนก็ปรากฏแววตาดุดัน แต่การเคลื่อนไหวที่มือของนางกลับอ่อนโยนมาก นางหยิบเอายารักษาแผลอย่างดีจากกระเป๋าเอวของนางออกมาแล้วทาลงบนแผลของรั่วฉุ่ยอย่างไม่คิดเงิน
ชั่วขณะนั้นเองรั่วฉุ่ยก็รู้สึกได้ถึงความเย็นที่แผลร้อนๆของนาง ทำให้นางรู้ได้ทันทีว่ายาที่อยู่ในมือของคุณหนูนั้นจะต้องไม่ใช่ยาธรรมดาแน่ๆและจะต้องเป็นของที่แพงมากด้วย นางจึงได้รีบลุกขึ้นยืน
“คุณหนูเจ้า ผิวของบ่าวนั้นทั้งหนาทั้งทน แผลแค่นี้ไม่กี่วันก็หายแล้วเจ้าค่ะ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาอย่างดีเช่นนี้ก็ได้”
รั่วฉุ่ยนั้นรู้แค่ว่ายานี้ราคาแพงมาก แต่นางนั้นไม่รู้ราคาจริงๆของมัน แต่ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ทั้งสามคนต่างก็รู้จักดี ซึ่งหากไม่นับหลินซีเหยียนแล้วก็จะมีเพียงเจียงหวายเย่กับ หลินหนานเฟิง
ยาที่นำออกมาใช้นี้เรียกได้ว่าเป็นของมีราคา มันเป็นยาชั้นดีที่ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อและห้ามเลือด แต่ในเวลานี้มันกลับถูกใช้รักษาบาดแผลบวมแดงเสียแล้วซึ่งเรียกได้ว่าเสียของยิ่งนัก
แต่จากการกระทำนี้แล้ว พวกเขาก็เห็นได้ถึงความสำคัญของผู้คนในเรือนเชียนเหยียนนี้ในสายตาของหลินซีเหยียน
หลินซีเหยียนจับมือของรั่วฉุ่ยแน่น และดวงตาของนางก็ตรงเขม็งไม่ไปไหน จนกระทั่งทาแผลเสร็จทั้งหมด ยาก็ได้ถูกใช้ไปครึ่งกระปุกแล้ว
มีบางคนที่รู้สึกหดหู่ แต่ทว่ายานี้เป็นยาที่หลินซีเหยียนทำขึ้นเองนางจะใช้มากเท่าไรก็เรื่องของนาง เจียงหวายเย่กับหลินหนานเฟิงทำได้แค่กระแอมและไม่พูดอะไรออกไป
ส่วนยาที่เหลืออีกครึ่งกระปุกนั้นหลินซีเหยียนไม่ได้เก็บกลับไป แต่วางเอาไว้ในมือของรั่วฉุ่ย แล้วนางก็พูดอย่างอ่อนโยน “เอาไปแล้วจำไว้ว่าทายานี้ให้ตรงตามเวลา แล้วจะไม่เหลือรอยแผลเป็นเอาไว้”
แล้วหลินหนานเฟิงก็พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วจากนั้นก็ได้กล่าว “หลินหัวเยว่กลับมาที่จวนมหาเสนาบดีแล้ว บางทีอาจเป็นนางที่ทำร้ายรั่วฉุ่ย”
“หลินหัวเยว่?” หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนางลงแล้วนึกถึงเรื่องที่นางไปมีอะไรกันกับคนอื่นขึ้นมาได้ นางก็พลันนึกอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา จากนั้นที่มุมปากของนางก็ได้ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “พี่สองกลับมาทั้งที ข้าคงจะต้องไปเยี่ยมนางเสียหน่อยแล้ว”
แล้วนางก็ได้ลุกขึ้นยืนแต่ก่อนที่นางจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว นางก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังของนาง “เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เราได้ยินมาว่าพี่สองของเจ้านั้นกำลังตั้งครรภ์อยู่ ในเวลานี้นางจึงเป็นที่โปรดปรานมาก”
หลินซีเหยียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา สามีของนางนั้นชอบไม้ป่าเดียวกัน ดังนั้นลูกในท้องของหลินหัวเยว่นั้นแทบไม่ต้องคิดเลยว่าได้มาอย่างไร
ถ้าหากนางเป็นที่โปรดปรานจริง นางก็คงไม่หนีกลับมาที่จวนมหาเสนาบดีเพื่อลี้ภัยเช่นนี้หรอก!
ในขณะที่นางกำลังจะเดินออกไปจากเรือนเชียนเหยียนนั้น นางก็ได้หยุดแล้วหันหน้ากลับมาแล้วกล่าว “รั่วฉุ่ย เจ้าตามข้ามาด้วย”
รั่วฉุ่ยก็ได้มีสีหน้ากลัวเล็กน้อย แต่ทว่านางก็กลัวว่าคุณหนูหลินของนางนั้นอาจจะโดนกลั่นแกล้งตามลำพังก็ได้ นางจึงได้ตามหลินซีเหยียนไปด้วยสีหน้าปกป้องบนใบหน้าของนาง
หลินซีเหยียนก็ได้งอคิ้วของนางและเกือบจะหลุดขำออกมา รั่วฉุ่ยนั้นเป็นเหมือนกับน้องสาวที่น่ารักและอ่อนโยนในสายตาของนาง ซึ่งในเวลานี้นางได้มีสายตาที่แข็งกร้าวขึ้นมาเพื่อนาง
ซึ่งหลินซีเหยียนก็ได้สนับสนุนในเรื่องนี้ นางหวังให้รั่วฉุ่ยนั้นหนักแน่นเช่นนี้ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเพื่อตัวนางหรือเพื่อคนอื่นก็ตาม
แล้วทั้งสองคนก็ได้เดินไปที่ตำหนักของหลินหัวเยว่ด้วยมือเปล่าๆ
หลินหัวเยว่นั้นได้แต่งงานออกไปได้สักพักแล้ว แต่ข้าวของและข้ารับใช้ในตำหนักนี้กลับไม่มีการเปลี่ยนแปลง หลินหัวเยว่จึงได้พักอยู่ที่นี่อย่างไม่ติดขัดอะไรยามที่นางกลับมา
ทันทีที่หลินซีเหยียนเข้ามาในตำหนักนางก็ได้ถูกห้ามเอาไว้ ซึ่งสาวใช้ก็ได้ห้ามนางไม่ให้เข้าไปด้วยสีหน้าที่ไม่ยินดีต้อนรับนัก “วันนี้คุณหนูสามมาที่นี่ทำไม?”
“ข้าได้ยินมาว่าพี่สองกลับมาแล้ว ข้าจึงได้แวะมาเยี่ยมนางเสียหน่อย”
ทันทีที่นางพูดจบ สาวใช้ก็ได้ชำเลืองมองมาที่พวกนางทั้งสองคน แล้วจากนั้นก็ได้กล่าวอย่างติเตียน “คุณหนูสามเจ้าคะ ท่านมาเยี่ยมทั้งทีทำไมถึงได้มามือเปล่าล่ะเจ้าคะ?”
“ของขวัญเรื่องเล็กแต่น้ำใจของคนสำคัญกว่า และยิ่งไปกว่านั้นเป็นพี่น้องกันใยต้องมีพิธีรีตองอะไรให้วุ่นวายด้วย?”
หลินซีเหยียนที่เห็นสาวใช้ยังไม่ยอมเข้าไปแจ้งเจ้านายนั้น ในชั่วขณะต่อมาดวงตาของนางก็ได้หนาวเย็นขึ้นมา และเผยรอยยิ้มที่อันตรายออกมาที่มุมปากของนาง “ข้าแนะนำให้เจ้ารีบเข้าไปรายงานจะดีกว่า”
แล้วสาวใช้ก็ได้ตัวสั่นขึ้นมาแล้วกลืนน้ำลายเมื่อได้ยินที่กล่าว แล้วก็รีบเข้าไปรายงานโดยไว
หลังจากนั้นไม่นานหลินหัวเยว่ก็ได้ออกมาพร้อมด้วยท้องของนางที่ยื่นออกมาหน่อยๆทั้งๆที่เพิ่งตั้งครรภ์ได้ไม่ทันไร และมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของนาง ซึ่งดูแล้วต่างไปจากตัวนางก่อนหน้านี้นัก
แต่หลินซีเหยียนนั้นมั่นใจมากว่าภายในของนางนั้นจะต้องไม่เปลี่ยนไปอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ทำกับรั่วฉุ่ยเช่นนี้แน่
“วันนี้มีลมอะไรที่หอบเอาเจ้ามาถึงที่นี่ได้?” หลินหัวเยว่ก็ได้ยิ้มออกมาซึ่งต่างจากในอดีตนัก ในเวลานี้นางสามารถปั้นยิ้มไมตรีจิตออกมาได้ แม้ว่านางนั้นจะเกลียดอีกฝ่ายมากขนาดไหนในใจของนางก็ตาม
หลินซีเหยียนเองก็ได้ยิ้มตอบ ถ้าหากคนไม่รู้แล้วเห็นทั้งสองคนที่ดูชื่นมื่นกันดีเช่นนี้ ก็คงจะคิดว่าคุณหนูทั้งสองคนนี้คงจะมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันดีมากอย่างแน่นอน
แต่ทว่าความเป็นจริงมักอยู่ใต้ดวงตา หลินหัวเยว่นั้นยิ้มและต้อนรับหลินซีเหยียนเข้ามาในห้อง ในขณะที่หลินซีเหยียนก็ได้ยอมตามเข้าไปโดยไม่ได้กลัวลูกไม้ของอีกฝ่ายที่กำลังรอนางอยู่
ทันทีที่นางเข้ามาในห้อง หลินซีเหยียนก็ได้มองดูห้องที่ดูดีมากกว่าแต่ก่อนแล้วก็หัวเราะออกมา “ดูเหมือนว่าพี่ของข้าคงจะได้คนที่ถูกใจแล้ว ดูท่าพี่เขยคงจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดีเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลินหัวเยว่ก็ได้มีแววตาที่ไม่เป็นธรรมชาติออกมา แต่นางก็ได้รีบตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “ข้าคงจะมาถึงจุดนี้ไม่ได้หากปราศจากซึ่งน้องสาวของข้า”
หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มตอบอย่างเงียบๆ
จากนั้นหลินหัวเยว่ก็ได้พูดต่อ “น้องเองก็อายุไม่น้อยแล้ว เอาอย่างนี้ดีไหมให้ข้าไปถามสามีของข้าให้แนะนำชายหนุ่มมีความสามารถในเมืองหลวงมาให้เจ้าได้เลือกดีไหม?”
หลินซีเหยียนก็ได้ส่ายหัว “ข้าขอปฏิเสธน้ำใจของพี่สอง วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อถามว่าสาวใช้ของข้าไปทำอะไรให้เจ้าทำไมนางถึงได้ถูกลงโทษรุนแรงเช่นนี้?”
“ก็แค่ฟาดด้วยไม้เรียวไปหลายสิบทีเท่านั้นเอง เป็นเพราะน้องนั้นตามใจสาวใช้ของตัวเองมากเกินไปมันถึงได้มีปัญหาเช่นนี้” หลินหัวเยว่ก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาลงแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง “ข้ากำลังถามเจ้าว่าทำไมถึงกับต้องลงโทษ แต่แค่ตักเตือนไม่ได้เลยเหรอ?”
หลินหัวเยว่ก็ได้ผงกหัวแล้วจากนั้นก็ได้ตอบกลับไป “การที่สาวใช้เดินชนเจ้านายนั้นย่อมจะต้องถูกลงโทษรุนแรงอยู่แล้วนี่”
“ข้าขอทราบรายละเอียดหน่อย”
“การที่สาวใช้ล่วงเกินเจ้านายแม้เรื่องเล็กน้อยก็ย่อมจะต้องโดนฟาดด้วยไม้เรียวอยู่แล้ว แต่นี่นางถึงกับชนเจ้านายนางก็ควรที่จะได้รับบทเรียนที่เหมาะสมเพื่อให้อีกฝ่ายได้หลาบจำยังไงล่ะ”