หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 314 หลอกล่อองค์ชายเย่
บทที่ 314
หลอกล่อองค์ชายเย่
มีอะไรผิดพลาดไปในข่าวที่ได้รับมาจากไทเฮากันนะ? องค์ชายดูไม่ค่อยสนใจในดอกบัวทองคำเลย? หลินรั่วจิ่งก็ได้มองไปที่ใบหน้าของเจียงหวายเย่อย่างเงียบๆแล้วจากนั้นก็กล่าว “ท่านไม่อยากรู้เหรอว่าดอกบัวทองคำนั้นอยู่ไหน?”
เจียงหวายเย่ก็ได้ทำสีหน้าดูง่วงๆ ราวกับว่าเขาเพิ่งตื่นนอน แล้วเขาก็ได้หาวแล้วส่งสายตาให้เหล่าข้ารับใช้มาเก็บสำรับอาหารกลับไป
แล้วก็ทำสีหน้าไม่สนใจอะไรว่าเขาลืมตัวตนของ หลินรั่วจิ่งไปแล้ว
หลินรั่วจิ่งที่เรียกได้ว่างดงามราวกับธิดาจากสวรรค์นั้นอีกทั้งยังเป็นลูกศิษย์ของมหาปราชญ์ ทำให้นางไม่ว่าไปที่ไหนก็ราวกับเป็นที่สนใจของผู้คนนับร้อยนับพัน และยากที่จะทำตัวไม่เป็นที่สะดุดตาได้
แต่ในเวลานี้ด้วยภูมิหลังของนางเมื่อสักครู่แล้ว แม้ว่านางจะส่งเสียงเรียกก็ยังถูกอีกฝ่ายเมินเฉย ซึ่งทำให้หัวใจของนางนั้นโกรธขึ้นมา “องค์ชายจะหันมามองรั่วจิ่งหน่อยไม่ได้เหรอคะ?”
ในเวลานี้ในหัวของเจียงหวายเย่นั้นกำลังเต็มไปด้วยรอยยิ้มของหลินซีเหยียน แต่แล้วก็ต้องถูกขัดด้วยเสียงที่โกรธของหลินรั่วจิ่ง เขาจึงได้เงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “องค์หญิงก็คิดมากไปแล้ว เราก็แค่เหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้น ถ้าหากองค์หญิงไม่มีธุระอะไรแล้ว เราขอตัวก่อน”
จากนั้นเขาก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วเตรียมที่จะไปที่ห้องทำงาน แต่เดินไปได้ไม่ถึงสองก้าวเขาก็ได้ถูกรั้งตัวเอาไว้ จึงได้คิ้วขมวดอย่างเงียบๆแล้วหันไปมองที่มือที่กำลังโอบกอดเอวของเขาอย่างแน่นหนา
ในตอนนั้นเองเจียงหวายเย่ก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่รังเกียจ “องค์หญิงได้โปรดสำรวมตัวเองด้วย”
“องค์ชายเย่ ทำไมท่านถึงไม่ให้โอกาสรั่วจิ่งบ้างล่ะคะ? ถ้ารั่วจิ่งอยู่กับท่าน ท่านจะประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นไปอีก”
ถ้าหากเป็นคนอื่นพูดประโยคนี้แล้วก็คงจะถูกบอกว่ามั่นใจในตัวเองมากไปแล้ว แต่หากออกจากปากของหลินรั่วจิ่งแล้ว ก็เกรงว่าจะไม่มีใครสงสัยอย่างแน่นอน
ทุกคนต่างก็เชื่อว่าหลินรั่วจิ่งนั้นสามารถที่จะครอบครองแผ่นดินนี้ได้ แต่สำหรับเจียงหวายเย่แล้วเขาไม่ได้ต้องการเลยแม้แต่น้อย
แล้วเขาก็ได้สลัดหลุดออกมาโดยไม่มีเศษเสี้ยวของความเห็นใจ จากนั้นก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนาวเย็น “หึๆ เราไม่ต้องการผู้หญิงเพื่อทำให้เราได้ในสิ่งที่เราต้องการหรอก! วันนี้องค์หญิงได้ทำผิดพลาดมากไปแล้ว ได้โปรดช่วยกลับออกไปด้วย”
หลินรั่วจิ่งที่ถูกปฏิเสธก็ได้รู้สึกอับอายขึ้นมา แต่ช่างโชคร้ายนักที่หลินซีเหยียนเห็นเข้าเสียแล้ว
หลินซีเหยียนก็รู้สึกอายๆขึ้นมากับบรรยากาศเช่นนี้แล้วได้ยิ้มแหะๆออกมา จากนั้นนางก็ได้เดินออกไปพร้อมกับเทียนเอ๋อ เดิมทีทั้งคู่กำลังจะกลับไปที่จวนมหาเสนาบดีแล้ว แต่ หลินซีเหยียนก็นึกขึ้นได้ว่านางลืมบางอย่างเอาไว้ที่วังรัตติกาล และจะต้องเอากลับไปในวันนี้ด้วย
ดังนั้นนางจึงได้เดินกลับมาเอา แต่ก็ไม่คิดว่าจะพบภาพเช่นนี้เข้าเสียก่อน
“แม่นางหลินกลับมาตั้งแต่เมื่อไร?”
เพราะว่าเขานั้นไม่แน่ใจว่าหลินซีเหยียนนั้นยกโทษให้เขาแล้วหรือยัง เจียงหวายเย่จึงไม่กล้าที่จะเรียกอีกฝ่ายว่า เสี่ยวเหยียนเอ๋อ ซึ่งสำหรับเรื่องนี้หลินซีเหยียนเองก็ดีใจที่ได้ยินเขาเรียกเช่นนี้ เพราะสายตาของหลินรั่วจิ่งนั้นก็ทิ่มแทงมาที่นางเพียงแค่เรียกนางว่าแม่นางหลินแล้ว!
แม้ว่าสีหน้าของหลินรั่วจิ่งจะซีดอยู่ แต่สีหน้าของนางก็ได้กลับเป็นนุ่มนวลเหมือนก่อนแล้ว และนางก็ได้มองไปที่ หลินซีเหยียนแล้วเผยรอยยิ้มออกมา “ท่านพี่สามหายไปไหนมาหลายวันมานี้ โดยไม่ได้ทิ้งข่าวคราวอะไรไว้เลย ท่านพ่อกับท่านพี่เป็นกังวลมากนะรู้ไหม?”
“ข้าได้ยินมาว่ามีดอกไม้ชนิดหนึ่งที่จะบานในตอนกลางคืนแล้วหุบในตอนเช้าน่ะ ข้าจึงอดไม่ได้อยากที่จะไปเห็นมันน่ะ” หลินซีเหยียนก็ได้พูดโกหกออกไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า จากนั้นนางก็ได้กล่าว “เชิญพวกท่านพูดคุยกันตามสบาย ข้ามีธุระต้องไปทำขอตัวก่อน”
จากนั้นนางก็ได้หันหน้าแล้วจากไป เจียงหวายเย่ก็ได้รีบไล่ตามนางไปโดยไม่มีเวลามาสนใจคนที่อยู่ข้างๆเขาเลยแม้แต่น้อย
ทิ้งหลินรั่วจิ่งเอาไว้ให้ยืนอยู่ตรงที่เดิม แล้วใบหน้าที่ซีดเซียวของนางนั้นก็ได้โกรธจัดขึ้นมา และฟันขาวของนางก็ได้กัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน สายตาของนางจับจ้องไปยังทิศทางที่ทั้งสองคนนั้นจากไป
ด้วยสัมผัสที่หกของผู้หญิงแล้ว นางเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าคนที่องค์ชายเย่ชอบนั้นคือหลินซีเหยียน และการรับรู้เรื่องนี้ได้ทำให้นางนั้นไม่สามารถกักเก็บอารมณ์ของนางเอาไว้ได้
หากองค์ชายชอบผู้หญิงคนอื่นแล้วนางจะไม่โมโหเท่านี้เลย ถ้าไม่ใช่ว่าคนคนนั้นเป็นหลินซีเหยียน
ทำไมต้องเป็นหลินซีเหยียนด้วย? นางนั้นไม่คู่ควรเลยแม้แต่น้อย นางนั้นเป็นเพียงแค่ดอกไม้ที่ร่วงโรยที่ไม่มีใครต้องการ แถมยังมีเรือพ่วงด้วยอีกต่างหาก
แต่ทว่าเรือพ่วงอันนั้นก็ยังเป็นที่ชื่นชอบขององค์ชายอีกด้วย ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็อย่ามาโทษข้าที่ทำตัวโหดร้ายก็แล้วกัน
ในเวลานี้เจียงหวายเย่กับหลินซีเหยียนก็ได้กลับมาเดินเคียงข้างกันอีกครั้ง เมื่อเดินมายังเส้นทางที่ไร้ซึ่งผู้คน หลินซีเหยียนก็ได้มองหน้ามาแล้วถาม “ที่ท่านพูดเอาไว้ว่าเลือดของเจียงอี๋นั้นสามารถช่วยชีวิตท่านเอาไว้ได้นั้น นั่นเรื่องจริงเหรอ?”
ดวงตาของเจียงหวายเย่ก็ได้มืดดำขึ้นมาแล้วกล่าว “เลือดของผู้หญิงคนนั้นมันพิเศษมาก เปิ่นหวางจึงได้ให้คนนำเลือดของนางไปให้เฉิงรุ่ยเหยียนที่บ้านสกุลเฉิงเพื่อนำไปศึกษาแล้ว”
หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนางลง และปรากฏแววตาสนใจในดวงตาของนางแล้วจากนั้นก็กล่าว “เมื่อคืนนางวางยาพิษกระตุ้นกำหนัดท่านอย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว สีหน้าของเจียงหวายเย่ก็ไม่ดีขึ้นมา
เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายแล้วหลินซีเหยียนก็ได้แอบยิ้มอย่างยินดีแล้วจากนั้นก็พูดแซวเขา “องค์ชายรัตติกาลผู้ยิ่งใหญ่ถูกเล่นงานโดยผู้หญิงเพียงคนเดียว ถ้าหากคนในเมืองหลวงรู้เข้าคงได้เป็นที่หัวเราะกันสนุกปากแน่”
“แล้วเสี่ยวเหยียนเอ๋อรู้ได้อย่างไรว่าตัวเรานั้นโดนยากระตุ้นกำหนัดน่ะ? หรือว่าเจ้าจะมาที่วังตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินซีเหยียนก็ได้แข็งทื่อทันที แล้วแก้มของนางก็ได้แดงมากขึ้นเรื่อยๆ นางจึงได้รีบพยายามสงบสติอารมณ์แล้วพูดออกมา “ขะ….ข้าได้ยินมาจากอันอี้น่ะ”
เทียนเอ๋อก็ได้ถามอย่างสงสัย “ท่านแม่ขอรับ ไม่ใช่ว่าท่านไปหาท่านอาจารย์เมื่อคืนหรอกเหรอขอรับ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่”
หลินซีเหยียนก็ได้กะพริบตาให้เทียนเอ๋อ แต่เทียนเอ๋อก็ไม่เข้าใจถึงความหมายนั้นแล้วก็ได้พูดออกมาตรงๆ “แล้วทำไมท่านแม่ถึงได้ออกมาจากห้องของท่านอาจารย์ในตอนเช้าตรู่ได้ละขอรับ?”
หากเทียบกับเทียนเอ๋อที่ไม่เข้าใจแล้ว เจียงหวายเย่นั้นกลับสามารถเข้าใจได้ทันที และมีแววตามีความสุขปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเขา “เราคงจะต้องขอบคุณเสี่ยวเหยียนเอ๋อสินะที่ช่วยเราไว้เมื่อคืนนี้”
เมื่อเห็นว่าเรื่องถูกเปิดเผยแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้ถอนหายใจแล้วฝืนยิ้มออกมา “อยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ”
ส่วนเทียนเอ๋อนั้นก็ได้มองมาที่ท่านแม่กับท่านอาจารย์ด้วยสีหน้าที่งุนงงแล้วกล่าว “ท่านอาจารย์กับท่านแม่จะต้องมีความลับอะไรที่เทียนเอ๋อไม่รู้สินะ!”
“…….”
หลินซีเหยียนนั้นไม่มีอารมณ์ที่จะมาคุยกับลูกชายโง่ของนางในเวลานี้ แล้วทั้งหมดก็ได้มุ่งหน้าไปยังจวนมหาเสนาบดี แต่เพราะตัวตนของเจียงหวายเย่นั้นเป็นที่สะดุดสายตามากเกิน เขาจึงไม่ได้เดินตามหลินซีเหยียนเข้าไปทางประตูแต่เลือกที่จะปีนกำแพงข้ามขึ้นไปแทน
เดิมทีหลินซีเหยียนนั้นคิดที่จะมุ่งหน้าตรงไปที่เรือน เชียนเหยียนทันที แต่ก็ถูกหยุดโดยเด็กรับใช้ระหว่างทาง เด็กรับใช้ก็ได้ก้มหัวให้นางแล้วมองมาด้วยสีหน้าดูถูกเล็กน้อย “คุณหนูสามขอรับ คุณชายจงได้ใช้ให้ข้ามาบอกท่านว่าเขามีธุระบางอย่างจะคุยกับท่านด้วยน่ะขอรับ”
หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาลงแล้วจากนั้นก็ได้พาเทียนเอ๋อกลับไปที่เรือนเชียนเหยียนโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
ณ เรือนเชียนเหยียน จิ่งชุนกับรั่วฉุ่ยเมื่อเห็นหลินซีเหยียนกับเทียนเอ๋อกลับมาแล้วก็ได้แสดงสีหน้าที่ยินดีออกมาทันทีที่เห็นหลินซีเหยียนกับเทียนเอ๋อ
“คุณหนูเจ้าคะ ในที่สุดท่านก็กลับมา” รั่วฉุ่ยนั้นร้องไห้ออกมาทั้งๆที่จากกันแค่ครึ่งเดือนกว่าๆ และดวงตาแดงๆของนางก็ได้จ้องมาที่นาง ราวกับกระต่ายตัวน้อย
หลินซีเหยียนก็ได้ลูบหัวของสาวใช้ทั้งสองคนแล้วก็กล่าวอย่างอ่อนโยน “คุณหนูของพวกเจ้าก็แค่ไปรัฐหลีเท่านั้นเอง พวกเจ้าเป็นอะไรกันทำอย่างกะว่าข้าไปผ่านประสบการณ์เฉียดเป็นเฉียดตายมาอย่างนั้น”
รั่วฉุ่ยก็ได้รีบเช็ดหน้าของนางด้วยรอยยิ้ม แต่ทว่าแขนเสื้อของนางก็ได้ห้อยลงมา และเผยให้เห็นแขนที่เต็มไปด้วยรอยบวมแดง แล้วดวงตาของหลินซีเหยียนก็ได้เบิกกว้างขึ้นมาทันที แล้วก็คว้าเอาแขนของรั่วฉุ่ยขึ้นมาดูด้วยความโมโห
แล้วก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่มืดดำ “ใครกันที่เป็นคนรังแกเจ้าตอนที่ข้าไม่อยู่ที่นี่?”
ราวกับว่ากลัวรั่วฉุ่ยก็ได้รีบชักมือของนางกลับมา แต่ทว่ากำลังของคุณหนูมากกว่า ทำให้นางช่วยไม่ได้ต้องพูดออกไปอย่างอ่อนแรง “ข้าเผลอไปเดินชนคนเข้า จึงได้ถูกลงโทษน่ะเจ้าค่ะ”