หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 312 กลับถึงบ้านไว
บทที่ 312
กลับถึงบ้านไว
อันอี้ก็โผล่มาในทันที แล้วลงมาคุกเข่ากับพื้นรอรับคำสั่งจากองค์ชาย
แล้วเสียงที่แหบแห้งของเจียงหวายเย่กับใบหน้าที่แดงก่ำของเขา เขาก็ได้กล่าวกับอันอี้ “ไปจับตัวเจียงอี๋เอาไว้ เราจะจัดการกับนางทีหลัง”
“ขอรับ” ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติขององค์ชาย เขานั้นอยากที่จะถามแต่ก่อนที่จะพูดอะไรออกไปเขาก็ได้ยินเสียงขององค์ชายพูดขึ้นมาก่อน “ให้คนไปเอาน้ำเย็นมาให้เราที”
อันอี้ก็ได้ผงกหัวแล้วถอยออกไป และพอพบข้ารับใช้เขาก็ได้สั่งคนให้ไปเอาน้ำเย็นมาแล้วลากตัวพาเจียงอี๋ที่ก่อความวุ่นวายที่หน้าประตูออกไป
ในช่วงระหว่างนั้นเจียงอี๋ก็ได้มองไปที่อันอี้ด้วยสายตาที่ไม่พอใจมากและพูดด้วยเสียงที่ดัง “เจ้าควรจะปล่อยข้าไปจะดีกว่านะ เจียงหวายเย่นั้นถูกพิษที่เป็นสูตรเฉพาะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากเขาไม่ได้เล่นสนุกกับสาวๆแล้วล่ะก็ เจ้ารอเก็บศพเขาพรุ่งนี้เช้าได้เลย!”
อันอี้ก็ได้มองไปที่คนเฝ้าประตู แล้วเขาก็ได้รีบปิดปากของเจียงอี๋เพื่อความสะดวกแล้วเดินจากไป แม้ผู้พูดจะพูดอย่างไม่ตั้งใจแต่ผู้ฟังนั้นกลับตั้งใจมาก เสร็จแล้วอันอี้ก็ได้กลับมาที่ห้องขององค์ชายอย่างเงียบๆ
เขาคิดในใจถ้าหากว่าเป็นอย่างที่เจียงอี๋พูดเอาไว้จริง แม้ว่าเขาจะต้องถูกตัดหัว เขาก็จะต้องพาผู้หญิงมาให้องค์ชายให้ได้
ณ ห้องห้องหนึ่งในตำหนักขององค์ชาย เทียนเอ๋อกำลังหลับสนิทอยู่ ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา ก็ได้มีเงาๆหนึ่งเข้ามาอย่างช้าๆ
จากนั้นเงานั้นก็ได้มาอยู่ข้างๆเทียนเอ๋อแล้วมองดูใบหน้ายามหลับของเจ้าตัวแสบ แล้วแสงอ่อนๆของดวงจันทร์ก็ได้สาดส่องมายังใบหน้าของหลินซีเหยียน “เจ้าตัวแสบเจ้าไม่ได้เจอหน้าแม่ตั้งหลาย 10 วัน แต่กลับดูไม่มีความกังวลแม้แต่น้อยเลยนะ”
ดูเหมือนว่าเทียนเอ๋อนั้นกำลังจะหลับฝันหวานอยู่ ใบหน้าของเขาดูมีความสุขและรอยยิ้มก็ดูหวานมาก
หลินซีเหยียนก็ได้ออกมาจากห้องนั้น จากนั้นนางก็นึกขึ้นมาได้แล้วตัดสินใจที่จะไปหาเจียงหวายเย่เพื่อให้ทุกเรื่องชัดเจน
แต่ในขณะที่นางกำลังไปที่ห้องของเจียงหวายเย่นั้น นางก็พบกับอันอี้ที่ยืนเฝ้าประตูห้องด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล แวบแรกที่เข้ามาในหัวของหลินซีเหยียนคือคิดว่าพิษของเจียงหวายเย่กำเริบอีกแล้ว?
นางจึงได้รีบเดินแล้วผลักประตูเข้าไปข้างใน แต่นางไม่คิดว่านางจะถูกห้ามโดยอันอี้เสียก่อน
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่อีกฝ่ายด้วยสีหน้าประหลาดใจแล้วจากนั้นก็กล่าว “อันอี้ เจ้าก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าข้าเป็นหมอน่ะ?”
อันอี้ก็ได้รีบปล่อยมือแล้วมองมาด้วยสีหน้าแปลกๆ “แม่นางหลิน มันจะไม่ค่อยดีนักที่ท่านจะเข้าไปข้างในในเวลานี้ขอรับ”
“ทำไมล่ะ? เจียงหวายเย่นอนอยู่เหรอ?” หลินซีเหยียนก็ได้กะพริบตา แต่เมื่อเห็นท่าทางของอันอี้แล้ว นางก็รู้ว่าพิษของเจียงหวายเย่ไม่ได้กำเริบ แล้วในชั่วขณะนั้นนางก็ได้นึกสนุกขึ้นมานิดหน่อย
อันอี้ก็ชะงักเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะบอกเหตุผลออกไป เพราะว่าเขาไม่กล้าที่จะบอกหลินซีเหยียนไปว่า องค์ชายนั้นได้พาเจียงอี๋กลับมาที่วังรัตติกาลและนางก็วางยาพิษองค์ชายได้สำเร็จ
แต่ในขณะที่เขากำลังลังเลอยู่นั้นเอง เขาก็นึกถึงคำพูดของเจียงอี๋ขึ้นมา “ถ้าเจ้าไม่หาผู้หญิงมาให้เขาเล่นสนุกแล้วล่ะก็ เจ้ารอเก็บศพของเจียงหวายเย่ได้เลย!”
แล้วในท้ายที่สุดเพื่อช่วยชีวิตขององค์ชายแล้ว เขาก็ได้คิ้วขมวดแล้วกล่าว “องค์ชายถูกวางยาพิษกระตุ้นกำหนัดโดยแมลงวิปลาส ในเวลานี้เขากำลังขังตัวเองอยู่ในห้องขอรับ”
“อะไรนะ?” หลินซีเหยียนก็ได้รีบเปิดประตูเข้าไปทันที โดยมีอันอี้เดินตามเข้าไปแล้วจากนั้นก็พบเจียงหวายเย่ที่อารมณ์รุนแรงมาก
ในห้องของเจียงหวายเย่นั้นเงียบสงบ แต่ก็พบเงาคนรางๆด้านหลังม่านกั้นนั้น หลินซีเหยียนไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปหาจึงได้เรียกด้วยเสียงเบาๆ แต่ก็ไม่มีท่าทีตอบกลับมา
หรือว่าเขาจะยังโกรธที่นางทิ้งเขาแล้วพาหลีเจี้ยนเฉิน กลับไปที่รัฐหลีก่อนกันแน่นะ?
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่อันอี้ด้วยความรู้สึกผิด จากนั้นนางก็ได้ยักคิ้วบอกกับอีนอี้ “ผู้หญิงกับผู้ชายจะให้ผลต่างกัน ทำไมเจ้าไปไม่เข้าไปดูอาการให้ข้าหน่อยล่ะ”
มองไปที่ดวงตาที่มีความหมายแอบแฝงของแม่นางหลินแล้ว ที่มุมปากของอันอี้ก็ได้กระตุกเล็กน้อย สุดท้ายเขาก็ได้กัดฟันทนแล้วกล่าว “องค์ชาย ข้าน้อยขอล่วงเกิน”
จากนั้นเขาก็ได้เดินเข้าไปหา แต่เขาก็ไม่พบว่า เจียงหวายเย่นั้นไม่ได้ลงไปแช่ในอ่างน้ำ แต่กลับนอนอยู่ด้วยใบหน้าและตัวที่แดงผิดปกติ
เขาจึงได้รีบตะโกนเรียก “ท่านหมอหลิน องค์ชายสลบไปแล้วขอรับ”
หลินซีเหยียนจึงได้รีบเดินเข้าไปดูอาการของ เจียงหวายเย่แล้วก็รู้ว่าอาการตอนนี้แย่มาก ในเวลานี้เจียงหวายเย่สวมเพียงแค่กางเกงตัวเดียวเท่านั้น หลินซีเหยียนก็รู้สึกไม่ดีที่จะแอบดูนางจึงได้ให้อันอี้อุ้มเจียงหวายเย่ไปนอนที่เตียงแล้วจากนั้นก็กล่าว “เจ้าไปพาผู้หญิงมาให้องค์ชายสิ”
อันอี้กลับนิ่งอยู่กับที่แล้วจากนั้นก็กล่าวอย่างลำบากใจ “องค์ชายกล่าวเอาไว้ว่าเขายอมที่จะตายดีกว่าจะไปหาผู้หญิงคนอื่นมารักษาเขาขอรับ”
ถ้าเจียงหวายเย่ตื่นขึ้นมาตอนนี้ก็คงจะรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เพราะคนที่ซื่อสัตย์มากอย่างอันอี้นั้นพูดโกหก
หลินซีเหยียนก็ได้จับไปที่ข้อมือของเจียงหวายเย่ แล้วพบว่าทั้งชีพจร หัวใจเต้นและการไหลเวียนของเลือดนั้นล้วนเร็วมาก นางคิดว่าคงจะอยู่ในสภาพเช่นนี้ไปอีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง
แต่มันจะอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆถ้าหากไม่ได้รับการรักษา ดังนั้นหลินซีเหยียนจึงได้ตัดสินใจแล้วนางก็ได้มองไปที่อันอี้ด้วยสีหน้าที่หนักแน่น “อันอี้ถ้าเจ้าอยากที่จะให้เจ้านายของเจ้ามีชีวิตรอด เจ้าก็จะต้องทำแม้ว่าจะรู้สึกผิดหรือทำผิดต่อเขาก็ตามสิ!”
“…….”
ในเวลานี้อันอี้ก็ได้มีสีหน้าตกตะลึง หลังจากที่เขาเข้าใจความหมายที่หลินซีเหยียนกล่าวแล้ว ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาก็ได้เปลี่ยนเป็นสีม่วงดำขึ้นมา แล้วเขาก็ได้คุกเข่าลงไปแล้วกล่าว “ถ้าหากข้าน้อยทำเช่นนั้น ก็เกรงว่าข้าคงจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้แล้ว ท่านหมอจะไม่โหดร้ายกับข้าน้อยไปหน่อยเหรอ?”
“เฮ้อ หรือว่าเจ้ามีความคิดอื่นที่ดีกว่านี้?” หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวด แล้วใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความช่วยไม่ได้
อันอี้ก็ได้แอบเหลือบมองไปที่หลินซีเหยียนเป็นครั้งคราว ราวกับมีอะไรที่อยากจะพูดแต่ก็ไม่พูด หลินซีเหยียนที่ทนไม่ไหวก็ได้พูดขึ้นมา “ข้ามีอะไรจะพูดอย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินที่ถาม ก็ได้มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา แล้วเขาก็ได้ยืดหลังตรงแล้วกล่าว “แม่นางหลิน ถ้าหากว่าคนคนนั้นเป็นท่าน ข้าเชื่อว่าองค์ชายจะต้องไม่คิดมากแน่ขอรับ”
“อะไรนะ?” หลินซีเหยียนก็ได้รู้สึกตกใจขึ้นมา แล้วรู้สึกตัวว่าตัวนางเองก็เป็นผู้หญิงเช่นกัน ซึ่งวิธีนี้ก็เป็นไปได้ด้วย
“องค์หญิง ท่านไม่รู้จริงๆหรือว่าองค์ชายนั้นคิดอย่างไรกับท่านน่ะ?” ในเวลานี้อันอี้นั้นเป็นเหมือนพระมาโปรดของ เจียงหวายเย่มาก คำพูดเพียงประโยคเดียวของเขาก็ได้ทำให้ หลินซีเหยียนตัดสินใจที่จะช่วยเจียงหวายเย่
นางจึงได้ถอนหายใจ “อันอี้เจ้าออกไปข้างนอกก่อน ขอข้าคิดเรื่องนี้ก่อนละกัน”
อันอี้ก็ได้ผงกหัว แล้วก็มีแววตาที่ยินดีปรากฏในดวงตาของเขา แล้วจากนั้นก็ได้ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้อง แล้วก็ปิดประตูให้ทั้งสองคนนั้น
ในห้องที่เงียบสงบนั้น เจียงหวายเย่กับหลินซีเหยียนก็ได้ถูกปล่อยให้อยู่กันตามลำพัง เมื่อนางคิดถึงสิ่งที่นางจะกำลังทำหลังจากนี้แล้ว หลินซีเหยียนก็ได้หน้าแดงขึ้นมาอยู่พักใหญ่ๆ แต่ก็ไม่อาจมองสีหน้าของนางได้อย่างชัดเจนในความมืดนั้น
เจียงหวายเย่ที่นอนอยู่บนเตียงนั้นก็ได้เปิดริมฝีปากบางๆของเขาออกมาเล็กน้อย แล้วปล่อยเอาลมหายใจที่ร้อนออกมา หลินซีเหยียนก็ได้ยืนมือออกไปจับใบหน้าของเขา แล้วก็ต้องตกใจกับอุณหภูมิที่มือของนางสัมผัสได้
บางทีอาจเป็นเพราะมือของหลินซีเหยียนนั้นเย็นกว่าใบหน้าของเจียงหวายเย่ด้วย ทำให้เจียงหวายลืมตาขึ้นมาในขณะที่นางกำลังชักมือกลับ แต่ก่อนที่หลินซีเหยียนจะได้ทันตั้งตัว อีกฝ่ายก็ได้ลุกขึ้นมาจูบนาง
แล้วทั้งสองคนก็อยู่ในสภาพแย่งชิงปากของอีกฝ่าย และจูบนั้นก็ได้ดำเนินไปพักใหญ่ๆ แม้ว่าทั้งสองคนจะแยกออกจากกันแล้ว แต่ปากของทั้งคู่ก็ยังมีน้ำสีใสๆเชื่อมโยงกันอยู่
ถ้าไม่ใช่เพราะถูกปกคลุมด้วยความมืดยามค่ำคืนแล้ว ภาพเช่นนี้คงทำให้หลินซีเหยียนนั้นอยากจะหาที่ขุดหลุมหนีและไม่กล้าออกมาพบใครแน่ๆ
“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ?” เจียงหวายเย่ที่เหมือนจะรู้สึกตัวได้อีกครั้ง เขาก็ได้มองมาที่หลินซีเหยียนแล้วจากนั้นก็ได้ยิ้มออกมาอย่างฝืนๆ “นี่คงจะเป็นความฝันอีกแล้วสินะ ดูเหมือนว่าสวรรค์จะชอบรังคัดรังแคเราเสียจริง”
จากนั้นเขาก็ได้เอนตัวลงบนเตียงแล้วก็มองมาที่ หลินซีเหยียนด้วยดวงตาที่เสียใจ ราวกับเป็นลูกหมาที่ถูกทิ้ง