หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 303 องค์หญิง
บทที่ 303
องค์หญิง
“อันอี้ เจ้าล้ำเส้นเกินไปแล้วนะ เจ้าออกไปรับโทษด้วยตัวเองเดี๋ยวนี้ ถ้าหากมีเรื่องเช่นนี้ข้าจะให้เจ้าฆ่าตัวตายเสีย!” เจียงหวายเย่ก็ได้กล่าวขัดอย่างเย็นชา “คงเป็นเพราะเราสนิทสนมกับเจ้ามากไป ทำให้เจ้าเริ่มล้ำเส้นเจ้านายของเจ้าเช่นนี้”
“ข้าน้อยไม่กล้าขอรับ ข้าจะรีบไปรับโทษเดี๋ยวนี้” อันอี้รู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก อันอี้นั้นถือว่าความจงรักภักดีมาก่อนและเชื่อฟังเป็นรอง ซึ่งจะเห็นได้ว่าดูเหมือนเขาจะทำผิดพลาดลงไปเสียแล้ว
แล้วในขณะเดียวกันที่รัฐหลี หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ตื่นขึ้นมาหลังจากที่หลับไปตลอดวันตลอดคืน แล้วในชั่วขณะที่เขาตื่นขึ้นมา เขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติที่แขนขวาของเขา
ซึ่งเขานั้นก็ไม่ได้ตกใจอะไร เพราะเขานั้นได้เตรียมใจไว้แล้วว่าคงไม่ได้รอดกลับมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แน่ แค่รอดชีวิตกลับมาได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว
อย่างน้อยก็กลับมาในสภาพที่ตัวยังต่อติดกันอยู่!
“ฝ่าบาท ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว” ด้วยชามยาในมือของเขา หงเหยียนก็ได้นำมาให้หลีเจี้ยนเฉินอย่างยินดี
มองไปที่ชามยาที่ดูท่าจะขมแล้ว หลีเจี้ยนเฉินก็ได้กลืนน้ำลายลงไปและอยากที่จะสลบเหมือดต่อ เขามองไปที่หงเหยียนแล้วยักคิ้ว “ข้าอยากที่กินยาเม็ดมากกว่า!”
ในรัฐหลีนั้นตัวเขานั้นยิ่งใหญ่ที่สุดจึงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เขาจะเรียกร้องเช่นนี้
ซึ่งถ้าเป็นในอดีตคงย่อมไม่มีใครที่จะกล้าขัดและต้องยอมทำตามที่หลีเจี้ยนเฉินสั่งเท่านั้น แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้วเพราะตอนนี้เขามีท่านหมอหลินหนุนหลังแล้วซึ่งแม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังต้องกลัว
ว่าแล้วราชองครักษ์ผู้ที่จงรักภักดียิ่งและไม่เคยขัด หลีเจี้ยนเฉินมาก่อนนั้น กลับทำสีหน้าเข้มงวดขึ้นมา “ท่านหมอหลินได้สั่งเอาไว้ว่าช่วงนี้ฝ่าบาทนั้นจะต้องทานแต่ยาต้มเท่านั้น ถ้าหากท่านมีอะไรจะชี้แจงก็ขอให้ท่านไปบ่นกับนางพ่ะย่ะค่ะ”
แม้เขาจะรู้สึกยินดีที่จะได้ไปหาท่านหมอหลิน แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะไปบ่นนาง จึงทำได้แค่จ้องไปที่หงเหยียนด้วยสายตาที่โมโห แล้วจากนั้นก็ได้บีบจมูกแล้วดื่มยาชามนั้นอย่างโมโห
ปล่อยให้หลีเจี้ยนเฉินดื่มยาด้วยตัวเอง เขาก็ได้ค่อยๆจิบยาชามนั้น หลังจากที่ผ่านไป 1 ชั่วก้านธูปก็ได้ดื่มยาหมด
เมื่อเรื่องนี้รู้ถึงหูของหลินซีเหยียนแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้สั่งทำช้อนพิเศษขึ้นมาชุดหนึ่ง แล้วสั่งให้หงเหยียนนั้นคอยดูให้ หลีเจี้ยนเฉินนั้นทานครั้งละหนึ่งช้อนเต็ม
แล้วในหลายวันหลังจากนั้น หลีเจี้ยนเฉินก็ได้พยายามอย่างมากในการทำลายช้อนคันนั้นอย่างพึงพอใจ แต่แล้วเขาก็ไม่คาดว่าหงเหยียนนั้นจะหยิบช้อนออกมาเป็นจำนวนมากให้ดูแล้วเก็บกลับไป “ท่านหมอหลินได้บอกเอาไว้ว่า ยังมีช้อนเหลืออยู่อีกเยอะเลย ดังนั้นฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วง”
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องราวหลังจากนี้ ในเวลานี้ หลินซีเหยียนได้ทำการตรวจสอบภูมิประเทศและภูมิอากาศของรัฐหลีรวมถึงสมุนไพรที่จะมีโอกาสพบที่นี่ แล้วจากนั้นนางก็ได้พยายามที่จะปรุงยาขจัดพิษขึ้นมา
ถึงแม้ว่าผลของยาขจัดพิษนั้นจะไม่ได้ให้ผลแบบทันทีทันใดแต่ก็ให้ผลดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าสามารถทำได้สำเร็จพิษของเจียงหวายเย่กับหลีเจี้ยนเฉินนั้นก็จะสามารถกำจัดออกไปได้
และด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้หลินซีเหยียนนั้นมีความสุขมาก แต่นางนั้นมีความสุขได้ไม่ทันไรเมื่อนางคิดถึงเรื่องพิษของเจียงหวายเย่แล้ว ตัวเขานั้นอาจจะไม่สามารถทนรอจนถึงเวลานั้นก็ได้ แล้วมันก็ทำให้นางรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
แล้วหัวใจที่อยู่ภายในอกซ้ายของนางนั้นก็เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ดี ทั้งเจ็บปวดและไร้ความรู้สึก
“ในเมื่อไม่มีแมลงวิปลาสหมื่นปีในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หนทางเดียวที่จะรักษาชีวิตของเจียงหวายเย่ไว้ได้นั้นคือต้องตามหาดอกบัวทองคำเท่านั้น”
หลินซีเหยียนจึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วมองหามหานักบวชในวิหารเทพจันทรา ในเวลานี้ท่านมหานักบวชนั้นกำลังสวมชุดทำพิธีสีขาวบริสุทธิ์และร่ายรำอยู่บนพื้นหญ้า และของที่ใช้ทำพิธีที่อยู่ในมือของเขานั้นก็ได้ส่งเสียงออกมาอย่างชัดเจนไปพร้อมกับทุกการเคลื่อนไหวของเขา
เพราะการทำพิธีนี้ต้องการความเงียบสงบ จึงได้ไม่มีใครอยู่ที่นี่นอกไปเสียจากหลินซีเหยียนกับมหานักบวช
ถึงแม้ว่าจะไม่มีเสียงดนตรีประกอบ แต่มหานักบวชก็ยังสามารถหลอมรวมไปกับธรรมชาติได้อย่างอิสระ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงท่ามกลางปีที่โหดร้ายก็ยังมีด้านที่เงียบสงบอยู่
เมื่อสายลมพาดผ่านมาและเสียงจักจั่นก็เงียบกริบการเต้นรำของมหานักบวชก็ได้จบลง แล้วจากนั้นเขาก็รู้สึกตัวว่า หลินซีเหยียนนั้นกำลังยืนรออยู่
เพราะหลินซีเหยียนนั้นได้ช่วยชีวิตฮ่องเต้เอาไว้ มหานักบวชจึงได้ให้ความเคารพกับหลินซีเหยียนเป็นอย่างมาก นั่นจึงทำให้เขาทำตามทุกการร้องขอของนาง เขาได้เดินไปหาหลินซีเหยียนแล้วถามอย่างนุ่มนวล “ไม่ทราบว่าแม่นางหลินมีธุระอะไรถึงได้มาหาข้ารึ?”
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัว “ข้าอยากให้ท่านช่วยประกาศในรัฐหลีให้หน่อย ช่วยประกาศตามหาสมุนไพรบางอย่างให้ข้าด้วย แล้วข้าจะมอบเงินให้ 100,000 ตำลึงทอง”
100,000 ตำลึงทอง?” เรื่องนี้ได้ทำให้มหานักบวชต้องตกใจ “สมุนไพรอะไรอย่างนั้นเหรอที่มีค่าถึง 100,000 ตำลึงทองเนี่ย?”
“ดอกบัวทองคำ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ตำนาน แต่ก็มีอยู่จริง ข้าอยากให้ท่านมหานักบวชช่วยข้าตามหาที”
เมื่อเห็นท่าทีที่จริงจังของหลินซีเหยียนแล้ว มหานักบวชก็ได้รีบเปิดปากแล้วกล่าวออกไป “ข้าจะรีบส่งคนไปประกาศราชโองการให้ในทันที และจะพยายามหาดอกบัวทองคำมาให้แม่นางโดยเร็วที่สุด”
“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็ต้องขอขอบคุณท่านมหานักบวชด้วย” หลินซีเหยียนได้ก้มหัวให้แสดงความขอบคุณแล้วจากนั้นก็กล่าว “เมื่อฝ่าบาทฟื้นแล้ว และข้าก็หาวิธีถอนพิษได้แล้ว ข้าคงจะต้องขอตัวกลับไปที่รัฐเจียงในวันพรุ่งนี้ ส่วนเรื่องของดอกบัวทองคำนั้นข้าจะฝากให้เป็นหน้าที่ของท่านมหานักบวชด้วย”
“ทำไมท่านหมอหลินถึงไม่อยู่ให้นานกว่านี้? การเดินทางนี้ช่างรีบร้อนนัก” แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ “ฝ่าบาทคงจะเสียใจมากแน่หากเขารู้ว่าท่านหมอหลินไม่อยู่แล้ว เขาคงไม่ยอมทานยาน้ำอย่างแน่นอน”
เมื่อพูดถึงเรื่องทานยาแล้ว สีหน้าของมหานักบวชก็เต็มไปด้วยความช่วยไม่ได้ขึ้นมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฮ่องเต้นั้นมีนิสัยเหมือนเด็กๆและยังเอาแต่ใจด้วย และด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขาเกลียดการทานยาต้มมาก
ซึ่งเหล่าหมอในรัฐหลีนั้นต่างก็เพียรภาวนาให้องค์ฮ่องเต้นั้นไม่ป่วย เพราะหากฮ่องเต้ป่วยแล้วล่ะก็เขานั้นเกลียดการทานยาต้มมาก ทำให้พวกเขาต้องโต้รุ่งใช้เวลาในการทำยาเม็ด ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก
แต่ในเวลานี้มหานักบวชก็ไม่อาจที่จะพูดอะไรได้ เพราะเขานั้นจะมาเห็นแก่ตัวทำให้คนอื่นต้องลำบากเพราะความสบายของเขาไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่ผิดหลักจรรยาจริงๆ
หลินซีเหยียนก็เข้าใจความหมายของมหานักบวชดี แต่นางเองก็ไม่ได้บอกเรื่องที่นางจะต้องกลับไปล้างแค้น แล้วยังมีเรื่องร่างกายของเจียงหวายเย่อีก ทำให้นางต้องรีบเดินทางกลับเช่นนี้
ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังคิดว่าจะบอกลา หลีเจี้ยนเฉินอย่างไรดีอยู่นั้น มหาเสนาบดีหลินของรัฐเจียงก็มีความคิดต้องการจะตบแต่งหลินรั่วจิ่งกับองค์ชายสามเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องสูญเสียอะไรไปกับการก่อกบฏครั้งนี้
มหาเสนาบดีหลินจึงได้เข้ามาในพระราชวังและบอกความคิดนี้ให้หลินรั่วจิ่ง ผู้ที่ในเวลานี้เป็นองค์หญิงอยู่ ซึ่งเขาก็ไม่คิดว่าลูกสาวของเขานั้นจะไม่สนับสนุนความคิดของเขา
ทำให้เขาโกรธมากแล้วชี้ไปที่หลินรั่วจิ่งแล้วกล่าว “เจ้าคิดจะปล่อยให้พ่อของเจ้าและจวนมหาเสนาบดีของเราต้องพังลงไปเช่นนี้เหรอ?”
“ท่านพ่อ ท่านจะต้องฟังข้าก่อนนะ ในเวลานี้ฮ่องเต้นั้นยังไม่สิ้นพระชนม์ แม้ว่าองค์ชายสามนั้นจะได้เปรียบอยู่ในตอนนี้ แต่ทว่าในอนาคตสถานการณ์ในพระราชสำนักนั้นจะต้องเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วแน่ ถ้าท่านอยากที่จะเป็นคนหัวเราะเป็นคนสุดท้ายแล้วล่ะก็ ท่านควรที่จะต้องอดทนและรอให้สถานการณ์เป็นใจมากกว่านี้แล้วท่านจะได้ไม่ต้องมาเสียทีหลัง ผลของหมากกระดานนี้ข้าอ่านออกแล้ว”
มหาเสนาบดีหลินที่เมื่อสักครู่กำลังโกรธอยู่นั้น ก็ได้สงบใจลงหลังจากที่ได้ยินที่หลินรั่วจิ่งพูดออกมา เขามองไปที่หลินรั่วจิ่งอย่างชื่นชมแล้วกล่าว “เจ้าช่างสมกับที่เป็นลูกรักของพ่อจริงๆ ถ้าเจ้าไม่เตือนพ่อแล้วล่ะก็ เกรงว่าพ่อคงได้กลายเป็นคนจรจัดไปแน่”
หลินรั่วจิ่งก็ได้ยิ้ม แต่ก่อนที่นางจะพูดอะไรออกไป ก็ได้มีเสียงของสาวใช้ดังออกมาจากข้างนอก “องค์ชายสามเพคะ ขณะนี้องค์หญิงกับกำลังคุยอยู่กับท่านมหาเสนาบดีอยู่เพคะ ได้โปรดช่วยรอด้วยเพคะ”
“หลีกไป อย่างเจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะมาห้ามข้า!”
แล้วก็เตะสาวใช้ที่ขวางทางเขาอยู่ออกไป แล้วองค์ชายสามก็ได้บุกเข้ามาในตำหนัก แล้วในเวลานี้หลินรั่วจิ่งก็ได้รู้สึกได้เรื่องไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น