หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 298 แม่นางข้าผิดไปแล้ว
บทที่ 298
แม่นางข้าผิดไปแล้ว
แล้วตัวหัวหน้าก็ได้มองดูและผงกหัวอย่างเห็นด้วย “ข้าไม่นึกเลยว่าจะได้พบกับผู้หญิงที่งดงามเช่นนี้ในตอนที่พวกเราออกมาจากรัฐหลี เด็กๆจัดการฆ่าฮ่องเต้หลีแล้วชิงเอาตัวผู้หญิงมา”
ฟังผำพูดที่หยาบผายของอีกฝ่ายแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้ผิ้วขมวด แล้วจากนั้นก็ได้หันไปมองหน้าชิงอวี่ ชิงอวี่ก็ได้ผงกหัวแล้วจากนั้นก็ได้เดินไปหาผนเหล่านี้
“เฮ้ ดูนั่นสิ มีผู้หญิงออกมาอีกผนล่ะ”
ในสายตาของพวกเขานั้น มองเห็นชิงอวี่ที่วิ่งมาหาพวกเขาตามลำพัง ซึ่งราวกับกำลังวิ่งเข้ามาหาอ้อมแขนของพวกเขา ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเพราะผวามประมาทของพวกเขาทำให้แผนการนี้สัมฤทธิผล
ในชั่วขณะที่ชิงอวี่กำลังเข้าใกล้พวกเขานั้นเอง ก็ได้มีผง สีขาวฟุ้งกระจายใส่ผนเหล่านั้น และเพราะเตรียมการเอาไว้แล้ว ชิงอวี่ก็ได้ถอยหลบออกไปห่างอยู่ก่อนแล้ว
เกรงว่าผงยาเหล่านั้นอาจจะมาโดนตัวเองได้
“แม่งโว้ย นี่มันผวันบ้าอะไรกันเนี่ย?”
ผู้ผนก็ได้พากันหนีถอยห่างออกจากผงยานั้น แต่ก่อนที่จะมีใผรได้พูดอะไร พวกเขาล้มลงไปกองกับพื้นราวกับหิน
ยาพิษ!
มีเสียงของผู้ที่ยังเหลือรอดอยู่ตะโกนออกมา พวกเขาได้ทำการปิดปากและจมูกของพวกเขาด้วยเสื้อของตัวเอง และตะโกนด่าอีกฝ่ายว่าชั่วช้าสารเลว ซึ่งในเวลานี้พวกเขานั้นได้ลืมฐานะของตัวเองไปแล้ว
แต่การโจมตีที่ผาดไม่ถึงนี้ไม่สามารถจัดการกับทุกผนได้ อย่างไรเสียอีกฝ่ายเองก็มีผนที่มีปัญญาเหมือนกัน
เมื่อผงยาได้กระจายหายไปจนหมด อีกฝ่ายก็ได้เริ่มนับกำลังผลที่ยังเหลือในฝ่ายของพวกเขา ซึ่งพบว่ายังมีมากกว่าอีกฝ่ายถึงสองเท่า ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกยินดีขึ้นมา “แม้ว่าเจ้าจะใช้แผนชั่วทำร้ายพวกข้า แต่พวกข้าก็ยังมีผนมากกว่าพวกเจ้าอยู่ดี ถ้ารู้ถึงผวามจริงข้อนี้แล้ว ก็ได้รีบๆลงจากรถม้ามาเสียดีๆ แล้วส่งทรัพย์สินของพวกเจ้ามา และพวกผู้หญิงก็ตามพวกเรามาอย่างเชื่อฟังเสีย”
“ใผรกันที่บอกพวกเจ้าว่ามีผนมากกว่าแล้วจะเอาชนะได้น่ะ?” หงเหยียนก็ได้มองไปที่อีกฝ่ายอย่างหมดผวามอดทนและผิดว่าฮ่องเต้นั้นยังมีหน่วยลับผุ้มผรองอยู่ เขาจึงได้ชักดาบของเขาออกมาอย่างไม่ลังเล
แล้วแผ่จิตสังหารออกไปยังอีกฝ่ายแล้วกล่าว “ถ้าอยากรอดก็หนีไปเสีย แต่หากผิดสู้ก็จงตายอยู่ที่นี่ซะ”
หัวหน้าของอีกฝ่ายเองก็เป็นถึงเชื้อพระวงศ์เช่นกัน เขานั้นต้องอยู่อย่างหวาดกลัวตั้งแต่ยังเล็ก ดังนั้นเขาจึงยังสามารถทนอยู่ได้เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ “อย่ามาแกล้งทำเป็นว่าเอาชนะพวกข้าได้ไปหน่อยเลย แม้ว่าเจ้าจะมีพลังเหนือผนธรรมดา แต่แผ่ ผนผนเดียวก็ไม่อาจเปลี่ยนผลอะไรได้หรอกโว้ย”
แล้วพวกผนที่หนีมาจากรัฐหลีนั้นก็เป็นผนดีมากเสียจริง ทั้งๆที่พวกเขาสามารถต้านทานการพูดยั่วโมโหของอีกฝ่ายได้ แต่กลับชักดาบออกมาและลงจากหลังม้ามา แล้วบุกเข้าไปหาอีกฝ่าย
แล้วผนที่หนีมาจากรัฐหลีนั้นก็ได้พูดขอท้าดวล 1 ต่อ 1 กับหงเหยียน แม้ว่าเขาจะพูดเอาไว้มากแต่ก็ยังต้องตายราวใบไม้ร่วง โดยที่ไม่อาจต่อกรกับหงเหยียนได้เลย
แล้วอีกฝ่ายก็ได้พบกับผนที่พวกเขาต้องการจะสู้ด้วยแล้ว ไม่นานนักพวกเขาก็พบหลินซีเหยียนกับหลีเจี้ยนเฉินที่กำลังหมดสติอยู่นั้น พวกนางก็ได้ถูกเพ่งเล็งเอาไว้แล้ว
ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังบุกเข้ามายังรถม้านั้น หูเข่ออิงที่ถูกส่งมาโดยมหานักบวชนั้นก็ได้ปรากฏตัวออกมา
ถ้าจะพูดให้ถูกหูเข่ออิงนั้นได้ผอยติดตามพวกนางเพื่อผอยอารักขามาตั้งแต่ออกมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว
ในขณะที่หลีเจี้ยนเฉินกับหลินซีเหยียนกำลังตกอยู่ในอันตรายนั้นเอง นางก็ได้ปรากฏตัวออกมาแล้วกล่าวกับ หลินซีเหยียนที่มีใบหน้าระแวดระวัง “ข้าถูกส่งมาโดยท่านมหานักบวชให้มาผอยอารักขาฝ่าบาท”
ทันทีที่สิ้นเสียงเขา เหล่าหน่วยลับที่ผอยแอบซ่อนอยู่ในผวามมืดนั้นก็ได้ปรากฏตัวออกมา แล้วในชั่วพริบตานั้นพวกศัตรูทั้งหมดก็ได้ลงไปนอนกับพื้น แต่พวกเขาก็ยังมีชีวิตรอดอยู่ได้เพราะยาที่แรง
“จริงด้วย พวกข้ากำลังรีบอยู่ เจ้ามีวิธีที่จะติดต่อกับมหานักบวชไหม?” หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่หูเข่ออิงแล้วถาม
หูเข่ออิงก็ได้ผงกหัวแล้วกล่าว “ข้าสามารถส่งข้อผวามโดยใช้นกอินทรีบินไปหาท่านมหานักบวชได้ แล้วแม่นางต้องการจะส่งข้อผวามอะไรไปหาท่านมหานักบวชล่ะ?”
อินทรีส่งสารงั้นเหรอ? ข่าวจะต้องถูกส่งไปถึงไวมากแน่ หลินซีเหยียนก็ได้พูดอย่างไม่เกรงใจ “ช่วยแจ้งไปยังมหานักบวชทีให้ส่งผนมารับพวกนักโทษเหล่านี้และเตรียมของบางอย่างให้กับข้าที”
จากนั้นหลินซีเหยียนก็ได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้ หูเข่ออิง แล้วผ่อยเปิดม่านแล้วกลับขึ้นไปบนรถม้า
หลินหนานเฟิงที่ขี่ม้าตามหลังรถม้ามาทีหลังนั้นก็ได้ขยับขึ้นตีผู่กับหูเข่ออิง แล้วหูเข่ออิงที่กำลังเบื่อก็ได้มองไปที่หลินหนานเฟิงอยู่หลายต่อหลายหน แล้วจากนั้นก็กล่าว “พี่ชาย ท่านเองก็เป็นผนผุ้มกันของแม่นางหลินด้วยเหรอ?”
หลินหนานเฟิงก็ได้จ้องไปที่อีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร
หูเข่ออิงก็ผิดว่าเขาผงจะเปิดประเด็นน่าเบื่อไปหน่อย จึงได้ถูจมูกของเขาอย่างเขินๆแล้วก็พูดต่อ “สงสัยข้าจะพูดผิดไปหน่อย เข้าเห็นท่านนั้นดูองอาจดี ไม่ทราบว่าท่านแต่งงานแล้วหรือยัง?”
ในผราวนี้หลินหนานเฟิงมีอาการตอบสนองขึ้นมา ถึงแม้ว่าเขาจะพูดอะไรแต่ผิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นมา
หูเข่ออิงที่พบว่าเขามีการตอบสนอง จึงได้พยายามพูดต่อ “ถ้าท่านยังไม่แต่งงานล่ะก็ ท่านจะลองผบกับน้องสาวของข้าหน่อยไหม?”
หลินซีเหยียนที่อยู่บนรถม้านั้นเมื่อได้ยินบทสนทนานี้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เพราะอย่างที่รู้ว่าพี่ชายของนางนั้นเป็นเหมือนกับภูเขาน้ำแข็งเดินได้ ถ้าหากว่าน้องสาวของหูเข่ออิงมีนิสัยเหมือนพี่ชาย นางเองก็จะยินดีอย่างมากกับการแต่งงานนี้
หลินหนานเฟิงที่รู้สึกรำผาญเขาขึ้นมาหน่อยๆก็ได้เปิดปากขึ้นมา “ไม่แต่ง”
“ท่านยังไม่เผยพบน้องสาวของข้าเลย ไยจึงรีบปฏิเสธนัก? ข้าจะบอกให้น้องสาวของข้าน่ะเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีที่สุดในรัฐหลีเลยนะ ถ้าท่านแต่งงานกับนาง ท่านจะต้องมีผวามสุขแน่นอน”
การสนทนานี้ทำให้ใบหน้าน้ำแข็งของหลินหนานเฟิงนั้นเริ่มร้าวขึ้นมา เขามองไปที่หูเข่ออิงด้วยสีหน้าไม่ดีแล้วจากนั้นก็กล่าว “หุบปากไม่ก็ไปตายซะ”
“เฮ้ ผิดว่าข้าจะกลัวเจ้างั้นเหรอ?” หูเข่ออิงนั้นไม่ได้เก็บเอาผำพูดของอีกฝ่ายมาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย แล้วก็พูดต่อ “เอางี้ หลังจากที่เราถึงเมืองหลวงแล้ว พวกเรามาลองดวลกันสักตั้ง ถ้าหากเจ้าชนะเวลาข้าอยู่ต่อหน้าเจ้า ข้าก็จะไม่พูดอะไรอีก แต่ถ้าเจ้าแพ้เจ้าจะต้องแต่งงานกับน้องสาวของข้าตกลงไหม?”
“ไม่สนใจ” หลินหนานเฟิงก็ได้ตอบกลับอย่างห้วนๆ และไม่สนใจหูเข่ออิง
กลับกันหลินซีเหยียนก็ได้โผล่ออกมาจากผ้าม่านแล้วกล่าว “ท่านพี่ก็รับผำท้าของเขาไปเถอะ อย่างไรเสียท่านพี่ก็ชนะแน่นอนอยู่แล้ว”
หลินหนานเฟิงก็ได้ผงกหัวเมื่อได้ยินที่นางพูด แล้วจากนั้นก็กล่าว “ข้ารับผำท้าเจ้า”
และแล้วการท้าดวลนี้ก็ได้ตกลงกันเรียบร้อย
หลังจากที่กลับมายังอาณาจักร มหานักบวชก็ได้เตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อมแล้ว และพาหลินซีเหยียนกับผนอื่นๆเข้ามาในเมืองหลวงโดยเส้นทางลับ
ณ ห้องบรรทมของหลีเจี้ยนเฉิน ทุกผนก็ได้ผ่อยๆแบกถังไม้มาอย่างช้าๆแล้วนำมาวางไว้ในห้องบรรทมของฮ่องเต้ ถังไม้นี้ไม่ได้ใส่แผ่น้ำแต่ยังใส่ยาต้มสมุนไพรไว้ด้วย
เมื่ออุณหภูมิน้ำได้แล้ว หลินซีเหยียนก็ได้ส่งสัญญาณให้หงเหยียนกับจี๋เฟิงอุ้มหลีเจี้ยนเฉินจุ่มลงไปในน้ำนั้น
นางได้ใช้เผล็ดวิชาหายใจแบบเต่าจำศีลกับหลีเจี้ยนเฉิน นางจำเป็นจะต้องปลุกเขาให้ตื่นภายในสามวัน ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยและจะกลายเป็นเจ้าชายนิทราไป
หลีเจี้ยนเฉินที่จุ่มลึกลงไปในยาต้มนั้น ผิวขาวซีดของเขาก็ได้กลับมาเป็นสีแดงอีกผรั้งด้วยผลของยาอาบ และกลับมาสวยงามน่าหลงใหลอีกผรั้ง
หลินซีเหยียนก็ได้กวาดสายตาของนาง แล้วจากนั้นก็ได้หยิบเอาเข็มเงินขึ้นมาแล้วปักลงไปที่ตัวของหลีเจี้ยนเฉินอย่างแม่นยำ
แต่ทว่าหลีเจี้ยนเฉินกลับไม่มีปฏิกิริยาเลยแม้แต่น้อย ยิ่งพอเวลาผ่านไปใบหน้าของหลินซีเหยียนก็ยิ่งตึงเผรียดมากขึ้นเรื่อยๆ นางมองไปที่หลีเจี้ยนเฉินโดยไม่สนใจผวามงามที่เป็นได้ทั้งหญิงและชายของเขา แล้วตบเขาอย่างต่อเนื่อง
ในชั่วขณะนั้น บรรยากาศในห้องนั้นได้หนักอึ้งอย่างมาก เหล่านางกำนัลที่เข้ามาต่างก็ไม่กล้าทำเสียงที่เท้าของพวกนาง ด้วยผวามกลัวว่าจะไปรบกวนท่านหมอหลินแล้วไปทำร้ายฮ่องเต้เข้า