หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 273 พึ่งพาเปิ่นหวางบ้าง
บทที่ 273 พึ่งพาเปิ่นหวางบ้าง
แล้วข้ารับใช้หนุ่มก็ถามกลับ “แต่อีกฝ่ายเป็นถึงนายน้อยของตระกูลท่านแม่ทัพเจิ้นกว๋อเลยนะขอรับ จะไม่ไปพบเขาจริงๆหรือขอรับ?”
“ไม่เป็นไร ให้เขากลับไปก่อน”
ถึงแม้ว่าการพึ่งพาตัวตนของเยี่ยจุนเจี๋ยนั้นจะสามารถทำให้นางจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ในเวลานี้ที่ตระกูลท่านแม่ทัพเองก็วุ่นวายอยู่แล้ว นางจึงไม่ควรลากพวกเขามายุ่งเรื่องของนางจะเป็นการดีกว่า
ส่วนเยี่ยจุนเจี๋ยที่รออยู่ข้างนอกนั้น หลังจากที่ได้ฟังรายงานจากข้ารับใช้หนุ่มก็หน้าหมองคล้ำขึ้นมา แล้วก็จากไปโดยไม่พูดอะไรมากนัก
เมื่อเห็นหลินซีเหยียนที่ปฏิเสธไป เหล่าคุณหญิงภายในเรือนเชียนเหยียนก็พากันรู้สึกโล่งอก และในขณะเดียวกัน พวกนางก็ลอบด่าหลินซีเหยียนว่าโง่อยู่ในใจ
แล้วในเวลานั้นเอง หลินรั่วจิ่งก็เอ่ยปากขึ้นมาบ้าง “พี่สามเจ้าคะ ฮูหยินเหล่านี้มาที่นี่ตามคำเชิญของท่านแม่ข้า ท่านช่วยมอบยาถอนพิษให้พวกนางเพื่อเห็นแก่หน้าของข้าเถอะนะเจ้าคะ”
นี่เป็นการกดดันอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด
ไม่เพียงแค่นั้น สำหรับหลินรั่วจิ่งที่กำลังจะได้เป็นองค์หญิงในไม่ช้านี้ การทำแบบนี้ถือเป็นการไว้หน้าหลินซีเหยียนอย่างมาก ผู้คนต่างตาเป็นประกายด้วยความสนใจและเกิดความหวัง
ต่างพากันคิดว่า อย่างไรเสียหลินซีเหยียนก็ยังต้องกลัวฟ้าสูงแผ่นดินต่ำบ้าง
แต่มีหรือที่หลินซีเหยียนจะกลัวคนที่กำลังจะได้เป็นองค์หญิงดังเช่นที่หลาย ๆ คนคิด
ท่ามกลางสายตาที่ภูมิใจของผู้คน หลินซีเหยียนก็พ่นลมออกจมูกแล้วยิ้มสรวล “ถึงแม้พวกนางจะเป็นแขกของน้องหกก็ตามที แต่พวกนางก็ไม่รู้จักควบคุมปากของตัวเอง ข้าถึงได้ช่วยพวกนางอย่างไรล่ะ”
สีหน้าของหลินรั่วจิ่งพลันซีดเผือดทันที ดูเหมือนว่านางเองก็ไม่คิดว่าหลินซีเหยียนนั้นจะดื้อด้านมากขนาดนี้
“หลินซีเหยียน มันจะมากเกินไปแล้วนะ ถ้ารั่วจิ่งไม่เห็นแก่หน้าเจ้ากลัวว่าเจ้าจะโมโหแล้ว นางคงไม่ลดตัวทำอะไรเช่นนี้หรอก” ฮูหยินพลันชี้ไปที่หลินซีเหยียนและกระแทกเสียงอย่างโมโห “เจ้าอย่ามาล้ำเส้นให้มากนักนะ”
“มากเกินไปงั้นหรือ? ใครกันแน่ที่มากเกินไปน่ะ?” หลินซีเหยียนตวัดสายตาอันหนาวเย็นมองไปที่ฮูหยินอวี้จากนั้นก็พูดต่อไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ใคร ๆ ก็รู้ว่าฮูหยินอวี้น่ะสนิทสนมกับลูกพี่ลูกน้องของตัวเองมาก แล้วท่านจะทำอย่างไรหรือ หากว่ามีคนบอกว่าเฉิงอวี้น่ะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของท่านพ่อ แต่เป็นของลูกพี่ลูกน้องของท่าน?”
“อย่ามาทึกทักเอาเองนะหลินซีเหยียน เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือยังไง? ถึงได้เปิดปากพูดอะไรเหลวไหลเช่นนี้”
มีแววกระวนกระวายฉายอยู่ในดวงตาของฮูหยินอวี้ และเมื่อคิดได้ว่าไม่น่าจะมีใครที่รู้เรื่องนี้ได้ จึงได้พยายามสงบสติอารมณ์แต่ก็แอบชำเลืองมองใบหน้าของมหาเสนาบดีหลินด้วยหางตา
ฮูหยินอวี้รีบกระแอมออกมาแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องพูด “หลินซีเหยียน รีบ ๆ ส่งยาถอนพิษมาเร็ว ๆ!”
หลินซีเหยียนถอนหายใจแล้วเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ “ฮูหยินอวี้ ทำไมท่านถึงได้รีบร้อนนักล่ะ? ข้าก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรือไรว่าขอโทษหนึ่งครั้งยาถอนพิษหนึ่งขวดน่ะ? หรือว่าฮูหยินจะความจำไม่ดี นี่ถ้าใครไม่รู้จะคิดว่าท่านกำลังพยายามจะเปลี่ยนเรื่องก็ได้นะเนี่ย หรือว่านี่จะเป็นเหตุผลที่ฮูหยินอวี้ทำตัวรีบร้อนกัน?”
“เฉิงอวี้นั้นเป็นลูกของท่านมหาเสนาบดีหลินแน่นอน ทำไมข้าจะต้องกังวลด้วย” ฮูหยินอวี้พยายามปั้นหน้าสงบนิ่งสุดชีวิต พร้อมกันนั้นก็ประชดประชันกลับไป “ว่าแต่เจ้าเถอะ พ่อของเจ้าเด็กคนนั้นเป็นใครก็ยังไม่รู้เลยไม่ใช่รึไง?”
คำพูดนี้ได้จุดไฟโทสะของหลินซีเหยียนอย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะที่นางกำลังจะระเบิดออกมานั้น เสียงของเทียนเอ๋อก็ได้ดังเข้าหูนางเสียก่อน
เทียนเอ๋อนั้นไม่เสียใจกับคำพูดของฮูหยินอวี้ แต่กลับพูดตอบกลับไปอย่างดึงดัน “เทียนเอ๋อรู้ว่าแม่ของเทียนเอ๋อเป็นใครก็พอแล้ว!”
หลินซีเหยียนมองลูกของนางด้วยแววตาเปี่ยมความชื่นชม
ในขณะที่ฮูหยินอวี้กำลังคิดจะโต้เถียงกลับไปอยู่นั้น เด็กรับใช้ก็เข้ามาพร้อมกับชายคนหนึ่ง ซึ่งผู้ที่มานั้นได้สวมชุดสีอ่อน ภายใต้แสงแดดเช่นนี้ทำให้มองเห็นลายชุดสีเข้มที่ซับซ้อนได้อย่างราง ๆ
ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนที่มานั้นจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆ แล้วเมื่อเห็นหน้ากากหยกที่ชายคนนั้นสวมมาแล้ว เหล่าคุณหญิงและคุณหนูต่างก็รู้ถึงตัวตนของชายคนนั้นนี้ได้ทันที
พวกนางจึงพากันทำความเคารพ “คารวะองค์ชาย ขอพระองค์ทรงพระเจริญ” แต่ก็เป็นอีกครั้งที่พวกนางนึกขึ้นได้ว่าพวกนางนั้นยังพูดไม่ได้
“ไม่ทราบว่าองค์ชายมาที่นี่ด้วยธุระอันใด หรือว่ามีธุระอะไรกับข้าน้อยหรือขอรับ?” มหาเสนาบดีหลินก็ได้ก้มหัวและถาม
เจียงหวายเย่ก็ไม่ได้สนใจเขา กลับกันท่ามกลางสายตาของผู้คน เขาได้เดินไปหาหลินซีเหยียนแล้วถามอย่างอ่อนโยน “ข้าได้ยินมาว่าวิชาแพทย์ของแม่นางนั้นสูงส่งมาก ข้าจึงได้มาขอให้แม่นางรักษาข้าหน่อย”
หลินซีเหยียนกะพริบตาปริบ ๆ และพอจะได้ที่จะเดาความคิดของเจียงหวายเย่ได้ แล้วจากนั้นนางก็ได้ยินเสียงที่เย็นยะเยือกเช่นเคยของเจียงหวายเย่
“ถ้าแม่นางยินดีรักษาเราแล้ว ไม่ว่าสิ่งใดเราก็จะมอบให้แม่นางทุกอย่าง แม้แต่ร่างกายของเรา”
ผู้คนรอบ ๆ ต่างก็พากันตกใจ แม้แต่มหาเสนาบดีหลินเองก็ยังคิ้วขมวด ฮูหยินอวี้ที่กำลังหนังคิ้วกระตุกอยู่นั้นก็รีบพูดแย้ง “องค์ชาย ข้าเกรงว่านางจะไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์มากนัก เกรงว่านางอาจจะไปทำร้ายองค์ชายเข้าได้ ขอให้ท่านพิจารณาใหม่อีกครั้งด้วย”
“ถ้าวิชาแพทย์ของแม่นางหลินไม่ดี แล้วทำไมนางถึงได้รักษาองค์ชายจงให้หายได้?”
คำพูดของเจียงหวายเย่นั้นหนักแน่นดั่งก้อนศิลา ที่สามารถเคาะเข้าไปในจิตใจของสตรีเหล่านี้ได้ แล้วพวกนางก็พากันจ้องไปที่หลินซีเหยียนอย่างเคียดแค้น
พวกนางเองก็เคยได้ยินมาว่าฮ่องเต้หลีก็เคยพูดคุยกับนางด้วย ในตอนนี้ก็เป็นองค์ชายเย่อีก หลินซีเหยียนนั้นช่างเหมือนนังจิ้งจอกเหลือเกิน ด้วยใบหน้าเช่นนั้นสามารถใช้ล่อลวงผู้ชายดี ๆ ให้เข้าหานางได้
ในเวลานี้หลินซีเหยียนที่ไม่รู้ว่าตัวนางได้กลายเป็นนังจิ้งจอกไปเสียแล้ว ก็พูดขึ้นมา “จะมอบร่างกายให้ข้าก็กระไรอยู่ เอาเป็นว่าแค่ท่านช่วยให้ความเป็นธรรมกับข้าก็พอ”
“ได้สิ” เจียงหวายเย่ตอบตกลง จากนั้นก็นั่งลงข้าง ๆ หลินซีเหยียน ก่อนจะมองไปที่เหล่าสตรีทั้งหลาย “ไม่ทราบว่าพวกท่านขัดแย้งอะไรกับแม่นางหลินอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะทำลายชื่อเสียงของหลินซีเหยียนแล้ว ฮูหยินอวี้ก็รีบพูดอะไรบางอย่างออกมา ซึ่งถ้อยความนั้นฟังดูเหมือนหลินซีเหยียนจะเป็นหญิงอารมณ์ร้ายไร้เหตุผล
สีหน้าของเจียงหวายเย่ก็ดูจะมืดครึ้มมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้ยินที่ฮูหยินอวี้บอก ทำให้ฮูหยินอวี้นั้นรู้สึกยินดีขึ้นมาแล้วก็แอบมองไปที่หลินซีเหยียนอย่างผู้มีชัย
แม้แต่องค์ชายก็ยังรังเกียจเจ้า ข้าจะคอยดูว่าใครกันแน่ที่จะถูกทวงความเป็นธรรม
แต่ใครจะรู้ว่าขณะที่รอยยิ้มบนใบหน้าของนางยังไม่ทันที่จะหายไป ก็ได้มีคนตบหน้าของฮูหยินอวี้ดัง ‘เพียะ’
เป็นชิงอวี่ที่ตบหน้านางนั่นเอง
“เจ้าเป็นใครกันถึงได้กล้าตบหน้าฮูหยินใหญ่คนนี้!”
ชิงอวี่นั้นไม่แม้แต่จะมองไปที่ฮูหยินอวี้ แต่กลับก้มหัวแล้วไปยืนอยู่ข้างหลังเจียงหวายเย่
“นางเป็นคนของเราเอง ไม่ทราบว่าฮูหยินต้องการอะไร?” เจียงหวายเย่มองไปที่ฮูหยินอวี้ด้วยรอยยิ้ม ทว่าไม่ใช่รอยยิ้มที่อ่อนโยน แต่กลับเป็นรอยยิ้มแฝงรังสีมุ่งร้ายมาด้วย
ฮูหยินอวี้ก็เป็นได้แค่เสือปลอม ที่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่เหนือกว่าตัวเองแล้ว ก็ต้องยอมเผยตัวจริงออกมา
เมื่อมองไปที่องค์ชายเย่ ฮูหยินอวี้ที่มีรอยมือบนหน้านั้นก็รีบก้มหัวลงไปอย่างหวาดกลัว
แน่นอนว่าหลินรั่วจิ่งทนดูแม่ของนางถูกทำร้ายต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ไม่ได้ และกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “ในเมื่อนางเป็นคนขององค์ชาย และท่านแม่ของข้านั้นยังไม่ได้ทำอะไร อีกทั้งนางก็เป็นฮูหยินใหญ่ของมหาเสนาบดีหลินด้วย ถ้าหากนางจะถูกลงโทษแล้วก็ขอให้องค์ชายช่วยให้คำอธิบายด้วย”
ด้วยท่าทีที่ออกมาปกป้องแม่ของนางนั้นทำให้ผู้คนมองนางดีมากขึ้นไปอีก แต่มีแค่เพียงเจียงหวายเย่ที่ไม่คิดเช่นนั้น
องค์ชายเย่มองไปที่สองแม่ลูกด้วยความรังเกียจแล้วเปิดปากออกมาอย่างช้าๆ “นางพูดให้ร้ายแม่นางหลิน”
เมื่อได้ยินที่กล่าว สายตาของฮูหยินอวี้ก็แดงก่ำด้วยความอาฆาตแค้นอย่างปิดไม่มิด
เป็นเพราะนังหลินซีเหยียนแท้ ๆ
ฮูหยินอวี้ได้แต่ถลึงตามองหลินซีเหยียนด้วยไฟแค้น และได้ยินเสียงฟันกระทบกันดังกึก ๆ ดังแว่ว ๆ ออกมา
แต่พอเจอเข้ากับสายตาของเจียงหวายเย่แล้ว นางก็ห่อเหี่ยวลงไปราวกับมะเขือยาวและไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองอีก
“องค์ชาย พวกนางนั้นได้พูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมา ข้าจึงได้บอกให้พวกนางขอโทษข้า ข้าทำมากเกินไปอย่างนั้นหรือ?” ในเวลานี้หลินซีเหยียนได้กล่าวขึ้นอย่างเยือกเย็น
เจียงหวายเย่ตอบกลับทันที “ไม่มากเกินไปหรอก”