หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 271 ผู้หญิงลิ้นยาว
บทที่ 271 ผู้หญิงลิ้นยาว
ทันใดนั้นผู้คนก็ได้เริ่มพูดคุยกันโดยที่ไม่สนว่าคำที่ตัวเองพูดจะเข้าหูของหลินซีเหยียนหรือไม่
“เด็กคนนั้น… หรือว่าจะเป็นลูกนอกสมรสของชายที่หลินซีเหยียนหนีตามไปกันนะ?”
“ไม่แน่ แต่ว่านะเด็กคนนั้นหน้าตาหวานขนาดนี้ หรือว่าพ่อของเด็กคนนั้นจะเป็นคณิกาชายกัน?”
คำพูดคาดเดาที่มุ่งร้ายเช่นนี้ทำให้เหล่าสตรีทั้งหลายพากันป้องปากตัวเองหัวเราะไม่ได้ ขณะเดียวกันพวกนางก็จ้องมาที่เทียนเอ๋อด้วยสายตาดูหมิ่นดูแคลน
เทียนเอ๋อที่ได้ยินก็สงสัยพลางกะพริบตาปริบ ๆ เขาเงยหน้าไปมองคนเป็นมารดาและถามอย่างใสซื่อ “ท่านแม่ คณิกาชายคืออะไรหรือขอรับ?”
หลินซีเหยียนไม่ตอบเทียนเอ๋อ แต่กลับลงไปนั่งคุกเข่าให้ระยะสายตาเท่ากันกับลูกตน แล้วชี้ไปที่พวกคุณหญิงคุณนายทั้งหลายที่เอาแต่พูดพล่ามนินทา “วันนี้แม่จะสอนให้เจ้ารู้จักคำว่าผู้หญิงลิ้นยาว [1] และวิธีจัดการหากพบเจอในอนาคต”
แน่นอนว่าเสียงนั้นดังพอจะทำให้เหล่าคนที่นินทาอยู่ได้ยิน หนึ่งในนั้นพูดขึ้นเสียงสั่นราวกับวัวสันหลังหวะ “พวกเราก็แค่พูดความจริงเท่านั้น เจ้า…เจ้าคิดที่จะทำอะไรน่ะ?”
เมื่อพูดไปได้เพียงเท่านั้นก็ไม่มีสตรีนางใดพูดต่อ ด้วยในเวลานี้พวกนางหวาดกลัวสีหน้าของหลินซีเหยียนเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้าของนางดูส่งกระแสดำมืดแปลก ๆ ออกมาจนพวกนางรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
หลินซีเหยียนลุกขึ้นและเดินรุดหน้าเข้าไปหาผู้หญิงกลุ่มนั้น นางเดินเข้าไปประชิดเรื่อย ๆ จนดูคล้ายกับกำลังต้อนกลุ่มผู้หญิงพวกนั้นอยู่ พวกนางล่าถอยไปจนเข้ามุม แล้วจากนั้นท่ามกลางสายตาของทุกคน หลินซีเหยียนก็ยกมือขึ้นมาแล้วโปรยผงยาจำนวนมากใส่พวกนาง จากนั้นก็พูดใส่อีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและเย่อหยิ่ง อย่างที่ไม่อาจมีใครขัดนางได้ “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าพ่อของเทียนเอ๋อเป็นใคร พวกเจ้ารู้แค่เพียงแม่ของเขาน่ะไม่ใช่คนที่ใครจะเข้ามายุ่งได้ง่าย ๆ ก็พอ”
สิ้นคำนางก็เดินไปหาเทียนเอ๋อ และพาลูกชายตนเดินจากไปโดยปล่อยให้เหล่าคุณหญิงคุณนายที่กำลังตกใจเอาไว้ทั้งอย่างนั้น
“หลินซีเหยียนเจ้าจะมากเกินไปแล้วนะ ที่นี่น่ะมีฮูหยินอยู่ด้วยนะ”
เมื่อเห็นว่าหลินซีเหยียนได้จากไปแล้ว หญิงสาวที่คิดว่าตัวนางนั้นยังพอปากกล้าได้อยู่ก็โพล่งคำเหน็บแนมขึ้นมา แต่ไม่นานนักก็พบว่าตัวเองนั้นไม่สามารถส่งเสียงพูดอะไรออกมาเลย
นางมองไปที่คนอื่น ๆ และพยายามจะพูดอีกครั้ง ‘ข้าพูดไม่ได้!!!’
‘เป็นอะไรไป?’ เมื่อเห็นเช่นนี้ สตรีคนอื่น ๆ ก็พากันถามไถ่ แต่พวกนางกลับต้องมาพบว่าตัวเองไม่สามารถส่งเสียงออกไปได้
เกิดอะไรขึ้น พวกนางเป็นใบ้ได้อย่างไร?
“เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ? ทำไมฮูหยินหลายคนถึงได้ดูกระวนกระวายกันเหลือเกิน?”
หลินรั่วจิ่งที่เดินตามหลังฮูหยินอวี้มาช้า ๆ ด้วยความเรียบร้อยและสง่างามนั้น ก็พบว่าในเวลานี้คุณหญิงที่อยู่ตรงนี้กลับไม่มีใครพูดคุยอะไรกันเลย
พวกนางมองมาด้วยสีหน้าอาบความหวาดกลัว และอ้าปากพะงาบ ๆ กันอยู่สักพักหนึ่ง
เมื่อเห็นว่าฮูหยินอวี้กับคุณหนูหกนั้นไม่เข้าใจ พวกนางจึงได้รีบใช้ภาษามือ ซึ่งดูแล้วคล้ายกับพวกตัวตลกกำลังแสดงท่าทางขำขันให้ดูเลยทีเดียว
ในขณะที่ฮูหยินอวี้ยังงุนงงอยู่นั้น หลินรั่วจิ่งก็มองเห็นถึงปัญหา คิ้วเรียวพลันขมวดมุ่นเข้าหากัน “พวกท่านพูดไม่ได้อย่างนั้นหรือเจ้าคะ?”
หวังหรุ่ยซินซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่โดนผงของหลินซีเหยียนไปด้วยพลันพยักหน้ารัว ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความรู้สึกผิด
ในเวลานี้นางรู้แล้วว่าหลินซีเหยียนน่ากลัวถึงเพียงใด และต่อให้มีคนไปร่วมล้อมกรอบกับนาง นางก็คงไม่กล้าไปลองดียั่วโมโหหลินซีเหยียนอีกแล้ว!!
แต่น่าเสียดายนักที่ไม่มียาแก้รู้สึกผิดในโลกนี้ ต่อให้นางรู้สึกผิดตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ นางจึงได้แต่หวังว่าหลินซีเหยียนจะเห็นแก่หน้าน้องสาวของนาง และยอมรักษาพวกนาง
“ใครก็ได้ไปเอากระดาษกับปากกามาให้ที”
หลังจากที่รับทราบคำสั่งจากหลินรั่วจิ่ง สาวใช้คนหนึ่งจึงได้ไปนำกระดาษกับปากกามาให้ “ใครก็ได้ช่วยเขียนบอกทีว่าเกิดอะไรขึ้น?”
หวังหรุ่ยซินจึงตบอกตัวเอง และเมื่อได้คนขันอาสาแล้ว สาวใช้คนนั้นจึงนำกระดาษกับปากกาไปให้ หลังจากที่ผ่านไปสักพักใหญ่ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ก็ได้ปรากฏเป็นตัวอักษรขึ้นบนกระดาษ
เมื่อฮูหยินอวี้รับทราบเรื่องราว นางก็โกรธจนหน้าอกกระเพื่อมแรง ก่อนจะแค่นเสียงออกมาด้วยความโมโห “นังนั่นช่างกล้ามากนักนะที่บังอาจมาวางยาฮูหยิน ช่างป่าเถื่อนและไร้การศึกษาเสียจริง ๆ”
คำที่พูดออกมานี้ช่างตรงใจพวกนางเสียจริง ๆ แต่พวกนางก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดีกับฮูหยินอวี้เท่าไรนัก
แม่ของหลินซีเหยียนนั้นเป็นคนจากสกุลเยี่ย ครั้งหนึ่งนางเป็นสตรีที่มีความสามารถและเป็นที่นิยมชมชอบในเมืองหลวง แต่น่าเสียดายที่นางต้องจากไปก่อนวัยอันควร ไม่อย่างนั้นหลินซีเหยียนคงจะไม่เติบโตมาเป็นเช่นนี้
จากในความคิดของพวกนางแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะฮูหยินอวี้นั้นไม่สนใจดูแล
‘ข้าจะทำอย่างไรดี? ข้าหวังว่าฮูหยินกับคุณหนูหกจะหาทางช่วยพวกเราด้วย’ หวังซินหรุ่ยเขียนเรื่องที่ทุกคนกังวลมากที่สุดลงไปในกระดาษ
เมื่อฮูหยินอวี้คิดได้ว่าคราวนี้มีฮูหยินจากตระกูลขุนนางมากมายต้องเป็นใบ้เช่นนี้ หากท่านพี่รู้ เขาจะต้องลงโทษหลินซีเหยียนแน่ นางจึงได้ยิ้มและกล่าวอย่างใจเย็น “ไม่ต้องตกใจไป ข้าจะส่งคนไปเรียนท่านพี่และให้เขามาจัดการเรื่องนี้ให้พวกท่านเอง”
เมื่อได้ยินที่ฮูหยินอวี้กล่าว เหล่าคุณผู้หญิงจึงพากันโล่งอก ถึงแม้ว่าหลินซีเหยียนจะไม่ถูกกับฮูหยินอวี้ แต่ถ้าเป็นมหาเสนาบดีหลินละก็ นางจะต้องฟังแน่
ในขณะที่กลุ่มคนได้พากันไปที่ห้องทำงานของมหาเสนาบดีหลินนั้น หลินซีเหยียนก็ส่งคนไปจัดการปิดผนึกทางเข้าเรือนเชียนเหยียน
“คุณหนูเจ้าคะ ถ้าคุณหนูปิดผนึกทางเข้าเช่นนี้ แล้วต่อจากนี้ท่านจะออกไปซื้อของอย่างไรล่ะเจ้าคะ?”
ถึงจะเป็นคำสั่งของคุณหนู แต่จิ่งชุนก็พูดขึ้นมาด้วยความไม่เข้าใจ แต่นางก็พอจะมองออกว่าคุณหนูในเวลานี้อารมณ์ไม่ดีเอามาก ๆ หรือว่า… คนในตระกูลรังแกคุณหนูอีกแล้วอย่างนั้นหรือ?
ยิ่งจิ่งชุนคิดเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่านางคิดถูกมากขึ้นเท่านั้น นางจึงได้ทำตามคำสั่งของหลินซีเหยียน “ถ้าคุณหนูจะปิดผนึกประตู ข้าก็จะปิดให้แน่นที่สุดเพื่อจะได้ไม่เจอคนไม่ดีนอกประตูนั่นอีก”
หลินซีเหยียนรู้สึกตกใจขึ้นมาเล็กน้อยกับท่าทีของจิ่งชุนที่เปลี่ยนไป นางจึงถามอีกฝ่าย “ไม่ใช่ว่าเมื่อสักครู่เจ้ายังค้านข้าอยู่เลยไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้เห็นด้วยกับข้าเสียล่ะ?”
จิ่งชุนกัดฟันแน่นราวกับว่าตัวนางก็มีศัตรูคนเดียวกันกับนายหญิง “ปิดผนึกประตูนั่นก็เพื่อที่คุณหนูจะได้ไม่ต้องถูกคนพวกนั้นรังแกได้อีกอย่างไรล่ะเจ้าคะ”
หลินซีเหยียนจึงเข้าใจในที่สุดว่าจิ่งชุนกำลังคิดอะไรอยู่ นางจึงหันไปยักคิ้วให้เทียนเอ๋อที่กำลังปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ
“เทียนเอ๋อ เล่าให้จิ่งชุนฟังซิว่าเมื่อสักครู่เราทำอะไรลงไป”
เทียนเอ๋อจึงหยุดหัวเราะแล้วจากนั้นก็กระแอม และทำเป็นตีสีหน้าจริงจัง “เมื่อสักครู่ท่านแม่ได้จัดการสั่งสอนพวกผู้หญิงลิ้นยาวพวกนั้น และตอนนี้ทำการปิดผนึกทางเข้าก็เพราะกลัวว่าคนพวกนั้นจะเข้ามาสร้างปัญหาได้น่ะขอรับ!”
“ผู้หญิงลิ้นยาว? และยังมากมายด้วย?”
จิ่งชุนก็ได้ม้วนแขนเสื้อขึ้นมาแล้วกล่าวอย่างโมโห “อย่าได้กลัวไปเจ้าค่ะคุณหนู ถ้าเป็นเจ้าพวกปากเล็กปากน้อยในจวนจะมาหาเรื่องคุณหนูล่ะก็ ข้าจะแหกปากพวกมันเองเจ้าค่ะ”
จากนั้นนางก็ได้มองมาที่หลินซีเหยียนแล้วกล่าวปลอบนาง “คุณหนูเจ้าคะ พวกสาวใช้ในจวนนี้ต่างก็ทำสัญญาขายตัวเองกันหมดแล้ว ดังนั้นพวกท่านไม่จำเป็นต้องไปกลัวพวกมันเจ้าค่ะ”
หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วโดยที่ไม่อธิบายอะไรและแกล้งทำเป็นน่าสงสาร “เมื่อถึงตอนนั้น จิ่งชุนเจ้าจะต้องปกป้องข้าด้วยนะ”
“ไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะคุณหนู!” จิ่งชุนตอบอย่างฮึกเหิม กำลังใจพุ่งสูงปรี๊ด
เทียนเอ๋อนั้นรู้จักมารดาของตัวเองดี เขาจึงยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมาและรอดูสิ่งที่จะเกิดขึ้น
อย่างที่คาดเอาไว้ ไม่นานนักเสียงของมหาเสนาบดีหลินก็ได้ดังมาจากข้างนอก “หลินซีเหยียน ออกมาข้างนอกเดี๋ยวนี้!”
เสียงนั้นมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดูวุ่นวาย ซึ่งฟังแล้วน่าจะเป็นเพราะมหาเสนาบดีหลินได้พาคนมากมายมาด้วยแน่
จิ่งชุนพลันมองไปที่คุณหนูที่ไม่มีสีหน้าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย นางจึงได้เดาว่าคุณหนูนั้นจะต้องไปทำให้สาวใช้เป็นใบ้ แล้วพวกนางก็เอาไปฟ้องให้นายท่านออกมาจัดการทวงความยุติธรรมให้พวกตัวเองเป็นแน่
หลินซีเหยียนหยิบเอาแก้วชาขึ้นมาและรู้สึกได้ถึงสายตาของจิ่งชุน จากนั้นนางจึงถอนหายใจก่อนจะค่อย ๆ ยู่คิ้วขณะมองไปที่จิ่งชุน “จิ่งชุนข้ากลัวเหลือเกิน ข้าจะทำอย่างไรดี?”
ริมฝีปากของจิ่งชุนก็ได้กระตุกเล็กน้อย สีหน้าของนางก็ได้บ่งบอกถึงความช่วยไม่ได้ “คุณหนูเจ้าคะ ท่านควรจะสั่นแก้วชาในมือสักหน่อยนะเจ้าคะ มันถึงจะได้ดูเหมือนกลัวน่ะเจ้าค่ะ”
….
เชิงอรรถ
[1] คนลิ้นยาว หมายถึงคนที่ชอบนินทา