สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 399 ซาบซึ้งในบุญคุณ
ตอนที่ 399 ซาบซึ้งในบุญคุณ
……….
นอกร้านหนังสือ ซุนเหยียนแอบอยู่ในมุมหนึ่ง จ้องมองประตูร้านหนังสือตาไม่กะพริบ ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อเพราะรู้สึกเครียด
แต่ไรมาเขาไม่เคยคิดว่าเวลาจะผ่านไปช้าเพียงนี้ ฟังเสียงนกน้อยเสนาะหูดังมาจากบนต้นไม้แล้วก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก
เวลาเช่นนี้ไม่รู้ต้องทนรออีกนานเพียงใด ในที่สุดก็เห็นซินโย่วเดินออกจากร้านหนังสือชิงซง มีหญิงแต่งกายชุดกระโปรงสีน้ำเงินค่อย ๆ ก้าวตามหลังออกมา นางก้มกายเล็กน้อยแบบบ่าวแสดงท่าทีเคารพเจ้านาย
แววตาซุนเหยียนจ้องมองตามหญิงผู้นั้นไม่วางตา
เป็นชุ่ยเหนียง!
แม้แยกจากกันสิบกว่าปี แต่ยังคงมีภาพจำของหญิงที่ร่วมทุกข์ยากลำบากมาด้วยกันกระจ่างชัดในความทรงจำ ไม่ได้งดงามดังในภาพความคิดของเขา แต่เขามองทีเดียวก็จำได้ทันที
ซินโย่วเดินช้ามาก มารดาสือโถวเดินตามหลังนาง ค่อยๆ ห่างจากซุนเหยียนไปไกลอย่างไม่รู้ตัว
ซุนเหยียนมองอย่างตื่นเต้น มารดาสือโถวพลันหันกลับมากวาดตามองทีหนึ่ง ทำเขาตกใจรีบหลบทันที ในใจเต้นแรงไม่หยุด
ซินโย่วพามารดาสือโถวขึ้นรถม้าไปโรงปัก
โรงปักกำลังคิดลวดลายใหม่อยู่จริง มารดาสือโถวทำงานด้านการปักผ้ามานาน แม้ไม่ชำนาญการปัก แต่ก็มีพื้นฐานอยู่บ้าง
สนทนาอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยกลับร้านหนังสือ มารดาสือโถวดูแล้วอารมณ์ไม่เลว
“น้าซุน หากชอบโรงปักก็ไปทำงานที่โรงปักได้”
มารดาสือโถวตกตะลึงครู่หนึ่งก็ส่ายหน้า “ท่านเจ้าของร้านหยอกเล่นแล้ว บ่าวฝีมือหยาบ ไม่อาจจับผ้างามประณีตเหล่านั้นได้ ได้อยู่ร้านหนังสือก็ดีมากแล้ว ได้เห็นสือโถวตลอดเวลา ในใจก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วเจ้าค่ะ”
“สือโถวสิบสี่แล้วกระมัง”
“ปีนี้สิบสี่พอดีเจ้าค่ะ”
“เร็วจริง ตอนเห็นสือโถวครั้งแรก เขาดูแล้วยังเป็นเด็กน้อย”
มารดาสือโถวสีหน้าคล้ายดังเสียใจเจือความดีใจ พึมพำว่า “ใช่ เร็วจริง”
“ทำให้น้าซุนคิดถึงเรื่องทุกข์ใจขึ้นมาใช่หรือไม่” ซินโย่วเผยสีหน้าขอโทษ
“เปล่าเจ้าค่ะ ท่านเจ้าของร้านก็รู้ว่าบ่าวพาสือโถวเข้าเมืองหลวงมาเพื่อตามหาบิดาเขา หลายปีมานี้ก็ทำใจได้แล้ว พวกเราสองแม่ลูกได้พบท่านเจ้าของร้านกับผู้จัดการร้านหูที่ใจดีมีเมตตาเช่นนี้ได้ มีชีวิตในแบบตอนนี้ได้ ก็รู้สึกพึงพอใจมากพอแล้ว”
ซินโย่วขยับปากคิดถามว่าหากบิดาสือโถวปรากฏตัวเล่า แต่ยังคงสะกดกลั้นไว้ได้
นางถึงกับไม่รู้ว่าซุนเหยียนเป็นบิดาสือโถวจริงหรือไม่ การปรากฏตัวของเขาจะดีหรือร้ายต่อชีวิตนิ่งสงบของสองแม่ลูก
ส่งมารดาสือโถวกลับร้านหนังสือ แล้วค่อยสั่งการการงานกับผู้จัดการร้านหู ซินโย่วไปยังสถานที่นัดพบกับซุนเหยียน
ซุนเหยียนดื่มน้ำชาไปหลายแก้วแล้ว น้ำเสียงยังคงเฝื่อนขมอย่างที่สุด “มารดาสือโถว…ก็คือภรรยาข้า…”
ซินโย่วไม่ได้ตอบรับคำ ซุนเหยียนพึมพำต่อว่า “ตอนนั้นที่บ้านยากจนมาก เพื่อให้มีชีวิตที่ดีในวันหน้า ข้าต้องจากชุ่ยเหนียงเข้าเมืองหลวงมาหาหนทาง คิดไม่ถึงว่าล้มป่วยหนัก ถูกเจ้าของร้านที่ข้าพักอยู่จับโยนไปที่สุสานร้างรอความตาย แต่พอรอดมาได้ก็ไร้เงินติดตัวแม้แต่แดงเดียว แม้แต่เป็นขอทานก็ยังรังเกียจว่าข้ายังหนุ่ม ไม่ยอมทำทาน สุดท้ายไร้หนทางจึงตัดใจชำระกายเข้าวัง…”
เรื่องในอดีตที่ยากเอ่ยปากเล่าเช่นนี้ แต่ไรมาซุนเหยียนไม่เคยเอ่ยกับผู้ใด แต่วันนี้ได้เห็นสือโถวสองแม่ลูกทำให้เขาสะเทือนใจอย่างมาก เผชิญหน้ากับซินโย่วก็อดเล่าพรั่งพรูออกมาไม่ได้
“ซุนกงกงไม่ได้ส่งคนไปตามที่บ้านเกิดหรือ”
“ไปมาแล้ว ที่บ้านเกิดเกิดภัยพิบัติ ทั้งหมู่บ้านไม่เหลือแม้แต่เศษซาก…”
ซินโย่วนิ่งเงียบฟังจบก็ถามว่า “ซุนกงกงคิดจะพบกับน้าซุนและสือโถวเมื่อใด”
ซุนเหยียนสีหน้าแปรเปลี่ยน “ข้าไม่คิดพบกับพวกเขา!”
ซินโย่วเลิกคิ้ว
ซุนเหยียนก้มศีรษะกรอกน้ำชาลงไปคำหนึ่ง มือที่ถือแก้วชาสั่นอย่างไม่อาจระงับ “ข้าจะพบกับพวกเขาได้อย่างไร…”
หลังภรรยาและบุตรชายมีชีวิตที่ดีแล้ว เขาพลันปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขา ทำให้ชุ่ยเหนียงกับสือโถวรู้ว่าเขาที่พวกนางหามานานเป็นขันทีไปแล้ว?
ซุนเหยียนคิดถึงภาพนี้แล้วก็หายใจไม่ออก
ไม่ ไม่ ไม่ ไม่อาจเป็นนี้อย่างเด็ดขาด!
เขารีบคำนับซินโย่ว “ซินไต้จ้าว ขอให้ท่านช่วยข้าเก็บเป็นความลับด้วย”
“แต่ทำเช่นนี้ น้าซุนก็จะคิดอาวรณ์อยู่ตลอดไป” ซินโย่วเตือนสติ
นี่เป็นเรื่องครอบครัวผู้อื่น เพราะสภาพร่างกายของซุนเหยียนทำให้เขาไม่ยินยอมพบกับพวกนางสองแม่ลูก นางก็ไม่อาจถือวิสาสะกล่าวมากความกับน้าซุน
ซุนเหยียนยิ้มเฝื่อน “เช่นนั้นก็ดี อย่างน้อยในใจชุ่ยเหนียง ข้ายังคงเป็นสามีที่นางคาดว่าตายไปแล้ว หรือไม่ก็มีชีวิตที่ดีทอดทิ้งนางไปแล้ว ไม่เป็นไร อย่างไรก็ดีกว่าให้นางรู้ว่าสามีนางเป็นขันทีที่ไร้สิ่งนั้นไปแล้ว”
“ข้ารู้แล้ว”
“ขอบคุณซินไต้จ้าว”
ซุนเหยียนมองซินโย่วอย่างตื่นเต้นอยากสอบถามเรื่องเกี่ยวกับสือโถวสองแม่ลูกมากมาย แต่สุดท้ายได้แต่กลืนกลับลงไป
เห็นชุ่ยเหนียงตอนนี้ก็รู้ว่าตอนนี้นางมีชีวิตไม่เลว หากอยากรู้มากกว่านี้ เขาค่อยๆ สอบถามเอาก็ได้
ซินโย่วมีคำถามถามเขา “วันนี้ซุนกงกงไปร้านหนังสือชิงซงเพราะเรื่องใต้เท้าเฮ่อหรือ”
ซุนเหยียนนิ่งอึ้งไปทันที ลังเลอยู่นานก่อนจะพยักหน้า
หากไม่ได้รู้การมีอยู่ของชุ่ยเหนียงกับสือโถว เขาย่อมทำงานตามหน้าที่ตรงไปตรงมา แต่ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว
เขาไม่อยากให้ชุ่ยเหนียงรู้สภาพเขาตอนนี้ และก็ซาบซึ้งใจที่ซินโย่วดูแลพวกนางสองแม่ลูก ไม่ว่ามองจากมุมใด เขาก็ไม่อาจแล้งน้ำใจได้อีก
เอ่ยถึงความภักดีต่อฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ แน่นอนว่าซุนเหยียนมี แต่ทว่าหลายเรื่องจะทำให้เป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่นั้นย่อมได้ เช่นเรื่องที่เฮ่อชิงเซียวรู้สถานะของซินโย่วมานานแล้ว คำตอบนี้จะตัดสินความเป็นความตายของเฮ่อชิงเซียว แต่ไม่ได้ส่งผลอันใดต่อฮ่องเต้
รู้มานานแล้วว่าฮ่องเต้เกิดความคิดสังหารเฮ่อชิงเซียวระบายโทสะ เฮ่อชิงเซียวผ่านด่านนี้ไปได้ ซินโย่วสบายใจ ฮ่องเต้ก็มิต้องบังเกิดโทสะอีก
ไม่นานซุนเหยียนก็กล่อมตนเองให้เลือกได้แล้ว “หลายปีก่อนใต้เท้าเฮ่อก็ชอบไปอ่านหนังสือที่ร้านหนังสือชิงซงแล้วกระมัง”
“เป็นเช่นนี้” ซินโย่วฟังความคิดซุนเหยียนออก ริมฝีปากแย้มยก “ซุนกงกงคุยกับผู้จัดการร้านหูได้ ผู้จัดการร้านหูรู้เรื่องนี้ดี”
“เช่นนั้นก็ได้” ซุนเหยียนรับคำทันที
เขาต้องถวายรายงานฮ่องเต้ คนที่ควรสอบถามก็ย่อมต้องสอบถาม
ไม่นานซุนเหยียนก็ไปพบผู้จัดการร้านหู
ผู้จัดการร้านหูได้ยินจากซินโย่วแล้วว่าคนผู้นี้มีสถานะขันที ตอนซุนเหยียนสอบถามถึงเรื่องเฮ่อชิงเซียวก็ตอบว่า “ท่านหมายถึงใต้เท้าเฮ่อหรือ หลายปีก่อนก็ชอบมาอ่านหนังสือที่ร้านหนังสือเราแล้ว เพียงแค่อ่าน ไม่ซื้อ…”
ซุนเหยียนฟังจบ มุมปากก็กระตุก
ฉางเล่อโหวยากจนเกินไปแล้ว และยังหน้าหนาเกินไปอีกด้วย
น่าเสียดายผู้จัดการร้านหูไม่รู้ความคิดซุนเหยียน ไม่เช่นนั้นเกรงว่าคงต้องเอ่ยตอบว่า ล้วนถูกต้อง…
ถามถึงเรื่องเฮ่อชิงเซียวก็เพื่อให้มีเรื่องกราบทูล ซุนเหยียนไม่ได้คิดถามลงลึก หลุบตาลงจิบชาให้รื่นคอแล้วก็ถามถึงเรื่องของสือโถวสองแม่ลูก
กล่าวถึงสือโถวสองแม่ลูก ผู้จัดการร้านหูก็มีวาจามากมาย พูดถึงสองแม่ลูกอยู่เมืองหลวงไม่ง่ายเลย ยังเอ่ยถึงมารดาสือโถวเคยล้มป่วยหนัก “จ่ายเงินเดือนครึ่งปีให้เขา แต่อาการป่วยพวกนี้เป็นเรื่องดังเผาเงินทิ้ง อย่างไรก็ไม่พอ…สือโถวดวงดีมาก ได้พบกับท่านเจ้าของร้านตอนมาร้านหนังสือ ตอนนั้นท่านเจ้าของร้านยังไม่ใช่เจ้าของร้านหนังสือเรา เห็นสือโถวน่าสงสาร ก็ให้เงินเขาไปสองตำลึงทันที ต่อมายังให้งานเบาแรงกับมารดาสือโถวทำ…”
ซุนเหยียนฟังแล้วก็เปลี่ยนท่าทีต่อซินโย่ว หากว่าก่อนหน้านี้คือรู้สึกขอบคุณ ตอนนี้ก็คือซาบซึ้งในบุญคุณอย่างลึกซึ้ง
นี่คือผู้ช่วยชีวิตชุ่ยเหนียงเอาไว้!
ผู้จัดการร้านหูกล่าวจบ ก็ถามอย่างงุนงงว่า “ท่านรู้จักสือโถว?”