สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 396 คำขอ
ตอนที่ 396 คำขอ
……….
‘โบยให้ตาย’ คำนี้ตรัสออกไป ในท้องพระโรงก็พลันเงียบกริบ สายตาทุกคนมองไปที่เฮ่อชิงเซียว
เฮ่อชิงเซียวยังคงหมอบหน้าผากแนบพื้น ทูลน้ำเสียงสงบนิ่ง “ขอบพระทัยฝ่าบาท”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรมองชายหนุ่มที่ยังคงนิ่งสงบด้วยสายตาเย็นชา โทสะอัดแน่นในพระทัยท่วมท้น ไม่อาจดับสลาย
ไม่นานเฮ่อชิงเซียวถูกลากตัวออกไป
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เสด็จไปดูการลงทัณฑ์ด้วยตนเอง
บรรดาขุนนางตามไปเงียบๆ พากันซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์กันไปตลอดทาง
หัวหน้าเซี่ยผ่อนฝีเท้าลง กระซิบกระซาบกับขุนนางผู้หนึ่ง
ขุนนางพยักหน้า แอบถอยออกจากกลุ่มตรงไปสำนักฮั่นหลินย่วน
ยามนี้ซินโย่วกำลังอ่านหนังสืออยู่ในที่ทำงาน ก็ได้ยินเสียงเรียกอย่างร้อนใจดังมา
“ซินไต้จ้าว ซินไต้จ้าว…”
นางลุกขึ้นออกไปก็เห็นขุนนางผู้หนึ่งกำลังหอบหายใจ “ใต้เท้าหวัง…”
ขุนนางโบกมือ กระซิบว่า “ใต้เท้าเซี่ยให้ข้ามาบอกท่าน ฉางเล่อโหวเฮ่อชิงเซียวมีโทษอาญาหลอกลวงเบื้องสูง ฮ่องเต้รีบสั่งให้โบยให้ตายที่ประตูอู่เหมินแล้ว!”
“อะไรนะ” ซินโย่วตกใจ สมองพลันขาวโพลน ความคิดหยุดชะงัก
ใต้เท้าเฮ่อหลอกลวงเบื้องสูง
หลังนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ซินโย่วก็ตั้งสติกระจ่างคืนมา รีบวิ่งไปพลางถามไปว่า “ใต้เท้าเฮ่อทำความผิดอันใด”
ขุนนางเล่าเรื่องเซี่ยหยางคร่าวๆ “เซี่ยหยางกล้าทูลทัดทานหลายครั้งทำให้ทรงกริ้ว การทัดทานไม่สำเร็จ หลังร่ำสุราหลุดพูดสิ่งไม่ควรพูด ถูกจับเข้าคุก…บิดาเซี่ยหยางตายไปนานแล้วระหว่างทำหน้าที่จัดการอุทกภัย ผู้บัญชาการเฮ่ออาจสงสารเห็นใจความภักดีของคนสองรุ่นอายุคน จึงได้เลอะเลือนไปชั่วขณะ…”
ซินโย่วเข้าใจสาเหตุแล้ว ก็เดินออกจากสำนักฮั่นหลินย่วน เริ่มวิ่งทะยานรวดเร็ว
ขุนนางพยายามไล่ตาม แต่ก็ตามไม่ทัน สุดท้ายผ่อนฝีเท้าลงเสียอย่างนั้น
เขานำความมาถึงแล้ว เรื่องจากนี้เขาเป็นแค่ขุนนางเล็กๆ ทำอันใดไม่ได้
นอกประตูอู่เหมิน หลังตรวจสอบตามธรรมเนียม เพราะฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มาดูการลงทัณฑ์ด้วยพระองค์เอง ขั้นตอนย่อมรวดเร็ว มหาขันทีซุนเหยียนประกาศราชโองการให้โบยเสร็จ หัวหน้ากองประจำกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินก็ยกไม้กระบองเหล็กหุ้มหนังสีแดงฟาดลงไปเต็มแรง
ฮ่องเต้รับสั่งให้โบยให้ตายแล้ว ยามลงมือย่อมไม่จำเป็นต้องออมแรงไว้น้ำใจ
ในบรรดาขุนนาง มีขุนนางที่สนิทกับเซี่ยหยาง เห็นภาพเช่นนี้ก็แสดงสีหน้าทนไม่ไหว แต่พอคิดถึงชื่อเสียงไม่ดีนักของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ก็เก็บความเห็นใจนี้ไว้เงียบๆ แต่มีขุนนางมากกว่าที่เผยสีหน้าสะใจ คิดว่ากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินวางอำนาจบาตรใหญ่ได้รับผลกรรมแล้ว
เมิ่งจี้จิ่วขยับตัวคิดก้าวออกมาขอร้องแทน แต่ถูกหัวหน้าเซี่ยดึงไว้
เมิ่งจี้จิ่วขมวดคิ้วมองสหายสนิท
หัวหน้าเซี่ยไม่เอ่ยอันใด ชี้ไปทางสำนักฮั่นหลินย่วน
เมิ่งจี้จิ่วนิ่งอึ้งไปทันที ก่อนจะรู้ว่าไปตามซินไต้จ้าวมาช่วยแล้ว
เฮ่อชิงเซียวเป็นเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน การสลับตัวเพื่อปกป้องเซี่ยหยางเป็นโทษหลอกลวงเบื้องสูงไม่อาจบิดพริ้วได้จริง เทียบกับขุนนางทั่วไปแล้ว โทษหลอกลวงเบื้องสูงนี้ย่อมทำให้ฮ่องเต้กริ้วหนักกว่า หากพวกเขาขอร้องแทน ตนเองพลอยเดือดร้อนไปด้วยไม่ว่า แต่ยังอาจไร้ผล
ยามนี้ก็มีเพียงซินโย่วที่จะช่วยฉางเล่อโหวได้แล้ว
ไม้พลองยกขึ้นสูงฟาดลงไปหนักเต็มแรง เสียงฟาดดังจนทำให้ทุกคนขนหัวลุกชัน
เฮ่อชิงเซียวหลับตาอดกลั้นความเจ็บปวด
ร่างกายเจ็บปวดมาก แต่ใจยิ่งเจ็บปวดกว่า
คงต้องทำให้อาโย่วเสียใจแล้วกระมัง
วันหน้าเส้นทางนี้จะเหลือเพียงอาโย่วเดินไปเพียงลำพัง อาโย่วจะยังคงดึงดันไม่ยอมแพ้ ทำร้ายตนเองหรือไม่
อาโย่ว… อาโย่ว…ในใจเขาเอ่ยเรียกชื่อนี้เบาๆ ชื่อที่ไม่กล้าส่งเสียงตะโกนเรียก ทำให้ร่างกายคล้ายว่าไม่เจ็บปวดเท่าไรนัก
“ฝ่าบาท!” เสียงตะโกนดังมา ในสถานการณ์เช่นนี้ เสียงสตรีดังขึ้นย่อมกระจ่างชัดมากเป็นพิเศษ
ซินโย่วตรงไปตรงหน้าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ ห่างจากเขาไม่ไกล แต่ถูกขวางไว้
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เห็นซินโย่วปรากฏตัว ก็ขมวดพระขนง ส่งสัญญาณให้องครักษ์ปล่อยตัวนางเข้ามาใกล้
“ซินไต้จ้าวมาได้อย่างไร”
ซินโย่วคุกเข่าลง เงยหน้ามองโอรสสวรรค์ที่สีหน้าเย็นชา “หม่อมฉันได้ยินว่าฝ่าบาทรับสั่งให้โบยใต้เท้าเฮ่อนอกประตูอู่เหมินให้ตาย ไม่ทราบว่าใต้เท้าเฮ่อทำความผิดอันใดเพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สายพระเนตรเย็นเยียบ “เจ้ามาเพื่อขอร้องแทนเฮ่อชิงเซียว?”
“ใต้เท้าเฮ่อเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตหม่อมฉัน หม่อมฉันได้ยินว่าเขาเกิดเรื่องก็ไม่อาจนิ่งดูดายได้เพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจอย่างยิ่ง ใต้เท้าเฮ่อดำเนินการสอบสวนคดีโกงกินและผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่มีความชอบมาตลอด ทุ่มเททำงานเต็มความสามารถ วันนี้ทำความผิดอันใด จึงมีโทษหนักหนาสาหัสเช่นนี้เพคะ”
“หนักหนาสาหัส?” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงชี้ไปที่เฮ่อชิงเซียว “เขาหลอกลวงเบื้องสูง สสับเปลี่ยนตัวนักโทษ โบยให้ตายนับว่าเราเห็นแก่ความชอบที่ผ่านมาของเขาแล้ว ไม่เช่นนั้นควรให้ผ้าขาวผูกคอตาย!”
“หลอกลวงเบื้องสูง?” ซินโย่วสีหน้าแปลกใจ
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กวาดสายพระเนตรมองซุนเหยียนทีหนึ่ง
ซุนเหยียนกระแอมไอในลำคอก่อนเอ่ยว่า “ซินไต้จ้าวไม่เข้าใจสถานการณ์ เฮ่อชิงเซียวแอบปล่อยตัวขุนนางมีโทษที่ฝ่าบาทรับสั่งให้จับไปขังคุก ใช้ศพผู้อื่นมาแทนที่ เขาดำรงตำแหน่งเป่ยเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่หลอกลวงเบื้องสูงหรือ รับโทษโบยนับเป็นพระเมตตาฝ่าบาทแล้ว…”
ซุนเหยียนอธิบายแทนฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ สายตาพลันมองไปที่เซี่ยหยางที่คุกเข่าอยู่
ซินโย่วรับรู้ได้ทันที มองตามไปก็เห็นเซี่ยหยาง ก็อดตกใจไม่ได้
แม้ว่าผ่านไปนานเพียงนี้ และเซี่ยหยางเองก็ชราลงไปมาก แต่นางมองทีหนึ่งก็จดจำได้
ตอนนั้นนางเพิ่งรู้จักกับใต้เท้าเฮ่อได้ไม่นาน เข้าใจผิดคิดว่าใต้เท้าเฮ่อเป็นคนสังหารท่านแม่ เดินอยู่บนถนนด้วยใจสับสน พลันได้เห็นใต้เท้าเฮ่อจับกุมคน
คนผู้นั้นคิดลงมือแต่ถูกใต้เท้าเฮ่อจับไว้ได้ ด่าทอใต้เท้าเฮ่อว่าเป็นสุนัขรับใช้ จะต้องได้รับผลกรรมตอบสนอง
เซี่ยหยางตอนนี้ก็คือคนผู้นั้น
คิดถึงคำพูดที่เซี่ยหยางด่าใต้เท้าเฮ่อแล้ว เทียบความคิดของนางตอนนั้นกับตอนนี้ หัวใจซินโย่วคล้ายถูกฝ่ามือไร้รูปร่างบีบรัดไว้แน่น เจ็บปวดใจอย่างที่สุด
ผู้อื่นมองใต้เท้าเฮ่อ ล้วนคาดเดาความคิดเขา ดูแคลนเขาด้วยความคิดที่เลวร้ายที่สุด เพียงเพราะเขาเป็นหัวหน้ากองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน แต่นางรู้นิสัยซื่อสัตย์ใสสะอาดของเขาดี ยามนี้พยายามระงับความคิดในใจ ดังดวงจันทร์โดดเดี่ยวบนท้องฟ้า ทำให้คนรู้สึกปวดร้าวใจ
ซินโย่วพยายามฝืนไม่มองภาพเฮ่อชิงเซียวในยามนี้ เงยหน้าสบตากับฮ่องเต้ซิงหยวนตี้
“หม่อมฉันฟังเข้าใจแล้ว”
“ในเมื่อเข้าใจ เจ้าก็ถอยไปได้แล้ว” การปรากฏตัวของซินโย่วทำให้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็กำลังโทสะลุกโชนเริ่มอ่อนลง พระสุรเสียงมิได้เย็นเยียบดังก่อนหน้า
ซินโย่วคุกเข่าไม่ขยับ
บรรดาขุนนางเห็นเช่นนี้ก็ลอบสบตากัน
ซินไต้จ้าวต้องการขัดรับสั่งเพื่อเฮ่อชิงเซียว หากเป็นเช่นนี้ ฮ่องเต้จะทรงทำเช่นไร
มีคนกังวล มีคนรอคอย บรรยากาศอึมครึมและเคร่งเครียด
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้หรี่พระเนตร พระสุรเสียงฟังไม่ออกว่าทรงกริ้วหรือไม่ “ซินไต้จ้าวยังมีอันใดอีก”
“หม่อมฉันขอฝ่าบาทไว้ชีวิตใต้เท้าเฮ่อ”
“เจ้าคิดว่าเขาไม่มีความผิด?” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สุรเสียงดังขึ้นเล็กน้อย
ซินโย่วหลุบตาลง เม้มปากทูลว่า “ใต้เท้าเฮ่อแอบปล่อยตัวนักโทษ มีความผิดจริงเพคะ”
“ในเมื่อมีความผิด เจ้ายังขอร้องแทนเขา?” ได้ยินว่าซินโย่วยอมรับเฮ่อชิงเซียวมีความผิด ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็หายใจโล่งขึ้น
ซินโย่วเงียบไปครู่หนึ่ง ควักของสิ่งหนึ่งออกจากอกเสื้อ สองมือทูลขึ้นเหนือศีรษะ เอ่ยชัดถ้อยชัดคำ ดังเข้าโสตประสาทของบรรดาขุนนาง “วันนั้นฝ่าบาทพระราชทานคทาหรูอี้แก่หม่อมฉัน รับปากจะทำตามคำขอของหม่อมฉันหนึ่งข้อ ตอนนี้หม่อมฉันใคร่ขอให้ฝ่าบาทไว้ชีวิตใต้เท้าเฮ่อ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พระเนตรจ้องมองคทาหรูอี้ที่เพิ่งมอบให้ซินโย่วไปไม่นาน ตรัสถามทีละคำว่า “ซินไต้จ้าว เจ้ารู้ค่าของคทาหรูอี้นี้ไหม ต้องการใช้คทาหรูอี้รักษาชีวิตเฮ่อชิงเซียวจริงหรือ”
เพื่อเจ้าหมอนี่ที่ไม่เห็นฮ่องเต้ในสายตา?