สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 395 ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ต้องการสังหารเฮ่อชิงเซียว
ตอนที่ 395 ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ต้องการสังหารเฮ่อชิงเซียว
……….
ซินโย่วเงียบงันไปนานก็เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “เช่นนั้นก็ขอให้เขาสุขสมบูรณ์ราบรื่น”
“คุณหนู ท่านไม่ใช่ว่าชอบใต้เท้าเฮ่อหรือ ในเมื่อฝ่าบาทยินดีพระราชทานองค์หญิงให้อภิเษกกับเขา เหตุใดท่านไม่ทูลฝ่าบาท” เสี่ยวเหลียนร้อนใจกับท่าทีของซินโย่ว อดพูดออกมาอย่างเปิดเผยไม่ได้
ซินโย่วรู้มานานแล้วว่าความคิดของนางไม่อาจปิดบังเสี่ยวเหลียนที่อยู่ร่วมกันเช้าค่ำได้ ยามนี้ถูกเสี่ยวเหลียนถามเช่นนี้ ก็ไม่คิดปิดบังความคิด “ฮ่องเต้จะไม่มีทางรับปาก หากข้าเอ่ยออกไป มีแต่จะถูกคนจับจุดอ่อนได้”
ไม่เพียงแต่กลุ่มอิทธิพลที่คิดกำจัดนางให้สิ้นซาก แม้แต่คนผู้นั้น หากวันหน้านางคิดต่อต้าน เขาก็จะใช้ใต้เท้าเฮ่อมาเจรจากับนาง
หลายวันนี้เขาอยู่ฝั่งนาง แสดงถึงความลำเอียงต่อนาง แต่ไม่อาจปิดบังสายตาของนางได้ หากในยามจำเป็น เขาย่อมใส่ใจผลประโยชน์แผ่นดินยิ่งกว่า ใส่ใจเพียงแค่ตัวเขาเอง
“บ่าวไม่เข้าใจ” เสี่ยวเหลียนส่ายหน้า
ซินโย่วยิ้มเอ่ยน้ำเสียงเบาลง “เพราะข้าไม่คิดเป็นองค์หญิงที่ถูกใช้เพื่อแสดงพระมหากรุณาธิคุณตอบแทนความดีความชอบขุนนาง”
หากในตอนแรกสุดที่แสดงสถานะแล้วนางกลับคืนสู่ตำแหน่งองค์หญิงอย่างสงบเสงี่ยม นางชอบใต้เท้าเฮ่อ คนผู้นั้นก็ย่อมยินดี
จะได้ทำให้บุตรสาวได้สมดังหวัง และยังได้แสดงพระมหากรุณาธิคุณต่อขุนนาง
แต่นางต้องการผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ ต้องการปรับเปลี่ยนการเมืองการปกครองในตอนนี้ ชาติกำเนิดใต้เท้าเฮ่อกำหนดให้เขาไม่อาจก้าวผ่านด่านคนผู้นั้นไปได้
เรื่องนี้ก็มิยากคาดเดา องค์หญิงที่ไม่อยู่อย่างสงบเสงี่ยมกับราชบุตรเขยที่ไร้วงศ์ตระกูลผูกมัดและติดตามต่อสู้ไปพร้อมกับองค์หญิงได้ คนผู้นั้นนอกจากสมองผิดปกติ จึงจะตกลงรับปาก
เสี่ยวเหลียนเริ่มพอจะเข้าใจแล้ว แววตาที่มองซินโย่วเต็มไปด้วยความสงสารเห็นใจ “คุณหนู เช่นนั้นท่านจะทำอย่างไรเจ้าคะ”
ซินโย่วไม่ตอบ
ก้าวไปบนเส้นทางวังวนการเมืองแล้ว ก็ถูกกำหนดให้ไม่อาจมีคำตอบที่วางแผนไว้แล้วได้
นางเองก็ไม่รู้ว่าวันหน้าจะเป็นเช่นไร
พริบตาก็เข้าสู่เดือนแปด การเก็บเกี่ยวทางเหนือราบรื่นสัมฤทธิผล แม้ไม่ได้เงินภาษีมากเท่าทางใต้ แต่ก็เพิ่มหลายเท่า
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้วางพระทัยได้แล้ว พระราชทานรางวัลให้พวกหย่งอันป๋อที่ผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ทางเหนือ แม้แต่เจ้าแปดก็ได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองระดับหกที่ไร้อำนาจแท้จริง จากนั้นก็เริ่มผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ทั่วแผ่นดิน
การทดลองประสบความสำเร็จทั้งเหนือและใต้ จะผลักดันต่อไปก็ย่อมง่ายกว่ามาก ง่ายดายเช่นนี้ไม่เพียงแต่เพราะมีตัวอย่างก่อนหน้า แต่เพราะมีความมั่นใจในนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ที่ได้ทดลองไปก่อนหน้านี้และได้เห็นผลดีอย่างแท้จริง ฮ่องเต้ตัดสินพระทัยผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่เต็มที่ พวกขุนนางบางส่วนก็เริ่มยืนหยัดในเรื่องนี้
คลังหลวงมีภาษีเพิ่มขึ้น หลายพื้นที่แจ้งเหตุประสบภัยก็ไม่ได้รู้สึกยุ่งยากดังเดิมอีก ก็แค่ส่งเงินไปช่วยเหลือและก่อสร้างเขื่อนใหม่ เรียกได้ว่าความยุ่งยากพระทัยของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ที่มีทุกปีพลันได้รับการแก้ไขในบัดดล
เมื่อไม่ต้องกังวลเรื่องแผ่นดิน ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็หันมาใส่ใจเฮ่อชิงเซียวที่ถูกคำสั่งกักตนสำนึกผิดในจวน
ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนแล้ว เจ้าหมอนี่ถึงกับไร้การเคลื่อนไหว มั่นใจว่าเขาไม่ต้องการชีวิตแล้วหรือ
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยิ่งคิดก็ยิ่งกริ้ว
ในจวนหลังหนึ่ง ขุนนางสองสามคนกำลังรวมตัวกันหารือเรื่องนี้ ผู้นำก็คือซุนอิงเสนาบดีกรมพิธีการ
“ดูท่าสถานการณ์ตอนนี้ นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ไม่อาจต้านทานได้แล้ว”
“ล้วนเพราะซินโย่วผู้นั้น องค์หญิงสูงศักดิ์ดีๆ ไม่เป็น กลับต้องการมายุ่งเรื่องราชสำนัก”
“ข้าได้ยินว่าเก็บภาษีตามขนาดพื้นที่ เป็นเพียงก้าวแรก จากนี้ยังจะผลักดันให้ขุนนางที่มีตำแหน่งจ่ายภาษีเช่นชาวบ้านทั่วไป…”
คนผู้หนึ่งตบโต๊ะดัง “หากเรื่องนี้ยินยอมได้ เรื่องใดยังจะยอมมิได้อีก!”
หากว่าเก็บภาษีตามขนาดพื้นที่ เป็นดังการเฉือนเนื้อพวกเขา ขุนนางมีตำแหน่งจ่ายภาษีเช่นชาวบ้านทั่วไปก็คือตัดกระดูกและดึงเส้นเอ็นพวกเขาทิ้ง เป็นการลบหลู่พวกเขาที่ทนตรากตรำอ่านตำราสอบขุนนางมานานหลายปี
“ไม่เพียงแต่ซินโย่ว ฉางเล่อโหวเฮ่อชิงเซียวไม่มีครอบครัวให้เป็นห่วง เพราะเขาไม่รับสินบนและไม่ไว้หน้าผู้ใด การผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ทางใต้จึงได้ราบรื่นเช่นนี้”
“ไม่ต้องคิดเลย หากมีการผลักดันนโยบายใหม่อีก เขาก็คือดาบชั้นดีเล่มหนึ่ง!”
คนผู้หนึ่งพลันหัวเราะดัง “หากพวกเราหักดาบเล่มนี้ทิ้งเล่า ก็คงลดความยุ่งยากไปได้มาก”
มีคนสนับสนุนทันที “ไม่เลว ฮ่องเต้ลำเอียงโปรดปรานซินโย่ว ตอนนี้ยังทำอันใดนางไม่ได้ จัดการกำจัดฉางเล่อโหวก่อนก็ดี ระยะนี้ฮ่องเต้กำลังไม่พอพระทัยเฮ่อชิงเซียว เป็นโอกาสอันดีในการกำจัดเขาทิ้ง…”
หลายวันต่อมา ก็มีขุนนางตรวจสอบผู้หนึ่งยื่นฎีกาเฮ่อชิงเซียวปกป้องขุนนางต้องอาญา
“เซี่ยหยางไม่เคารพฝ่าบาท เดิมมีโทษสมควรตาย ฉางเล่อโหวเฮ่อชิงเซียวกลับแอบปล่อยเซี่ยหยาง ออกจากคุกตอนล้มป่วย ใช้ศพผู้อื่นมาแทนว่าเซี่ยหยางป่วยตายในคุก เฮ่อชิงเซียวเป็นเป่ยเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน กลับกระทำการละเมิดกฎหมาย หลอกลวงเบื้องสูง กระหม่อมคิดว่าควรลงอาญาโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อ่านเนื้อหาในฎีกาจบก็แทบไม่อยากเชื่อ
เซี่ยหยางเป็นขุนนางในกรมโยธาผู้หนึ่ง สองปีก่อนอุทยานหลวงแห่งหนึ่งไฟไหม้ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ต้องการขยายพื้นที่ เซี่ยหยางทูลทัดทานหลายครั้งด้วยเหตุผลว่าสิ้นเปลือง แต่ไร้ผล แต่กลับมีข่าวว่าไร้ความเคารพยำเกรงฮ่องเต้ จึงถูกจับเข้าคุก
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ยินชื่อเซี่ยหยางอีกครั้งก็ตอนได้ข่าวว่าเขาป่วยตายในคุก เขายังรู้สึกนึกเสียใจภายหลังไม่น้อย ตอนนั้นคิดไว้ว่ารอให้หายโมโหก็จะปล่อยเจ้าก้อนหินหน้าเหม็นนั่นออกจากคุก ปลดจากตำแหน่ง ไล่ไปให้ไกลๆ ก็พอ
แต่การที่เขานึกเสียใจภายหลังเป็นคนละเรื่องกับเรื่องที่เป่ยเจิ้นฝูสื่อกระทำการหลอกลวงเช่นนี้
หากปิดบังเรื่องเซี่ยหยางกับเขาได้ แล้วเรื่องอื่นเล่า
โทสะในพระทัยฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ลุกโชน พยายามระงับโทสะถามหาหลักฐาน จากนั้นก็ได้ทอดพระเนตรเห็นเซี่ยหยางด้วยตาตนเอง
ขุนนางตรวจสอบทูลต่อว่า “เซี่ยหยางหลบซ่อนตัวอยู่ในเมืองสือ พอดีมีพ่อค้าจดจำเขาได้ บังเอิญมาถึงหูกระหม่อม กระหม่อมเกรงว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่น จึงได้แอบส่งคนไปจับตัวขุนนางมีโทษผู้นี้มา ก่อนจะกล้ามากราบทูลฝ่าบาท”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สีพระพักตร์ดำทะมึนจ้องมองคนตรงหน้า ตรัสถามสุรเสียงเย็นเยียบ “เซี่ยหยาง เจ้ามีอันใดพูดไหม”
เซี่ยหยางอายุไม่เกินสามสิบ แต่ยามนี้ดูแล้วอายุมากกว่าอายุจริงสิบปี จอนผมสองข้างมีขาวหงอก
ถูกฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ถามเช่นนี้ เขาได้แต่โขกศีรษะเต็มแรง “กระหม่อมเซี่ยหยางตายไม่เสียดาย ขอฝ่าบาทละเว้นชีวิตใต้เท้าเฮ่อ…”
เซี่ยหยางขอร้องแทนเฮ่อชิงเซียว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่ทรงรับฟังแม้แต่คำเดียว ในพระทัยมีแต่ไฟโทสะลุกโชน แทบจะปาดชายหนุ่มที่เขาให้ความไว้พระทัยผู้นั้นเป็นหมื่นชิ้นในบัดดล
ผู้อื่นก็แล้วไป แต่ขุนนางทรยศผู้นี้เป็นถึงเป่ยเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน เป็นหูเป็นตาแทนเขา นี่คือการผิดต่อความไว้วางใจที่เขามีให้ไหม เห็นชัดว่าทำให้เขากลายเป็นตัวตลกในสายตาบรรดาขุนนางและชนชั้นสูง!
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กริ้วจนหน้ามืด ปลายนิ้วเย็นเยียบ กัดฟันกรอดตรัสว่า “เรียกตัวเฮ่อชิงเซียวเข้าเฝ้า!”
เดิมเฮ่อชิงเซียวที่ควรเข้าประชุม แต่เพราะโดนลงโทษให้กักตนอยู่แต่ในจวน พอได้รับคำสั่งเรียกตัวเข้าวังมาถึงก็ผ่านไปเกือบชั่วยามแล้ว
“กระหม่อมเฮ่อชิงเซียวถวายบังคมฝ่าบาท” สายตามากมายจับจ้องมองเขา เฮ่อชิงเซียวคุกเข่าถวายบังคม
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรลงมายังชายหนุ่มที่ไม่รู้สึกตื่นตระหนกเบื้องล่าง ในพระทัยก็ยิ่งลุกโชน แต่พระสุรเสียงกลับฟังแล้วนิ่งสงบมาก
ความนิ่งสงบอันน่าสะพรึง
“เฮ่อชิงเซียว ขุนนางตรวจสอบยื่นฎีกาเจ้าสลับบุปผากับกิ่งไม้[1] ให้การปกป้องขุนนางต้องอาญาเซี่ยหยาง เจ้ายอมรับผิดหรือไม่”
เฮ่อชิงเซียวค่อยๆ หันหน้ามามองไปยังเซี่ยหยางที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ
เซี่ยหยางน้ำตานองหน้า แววตารู้สึกผิดและขอโทษ
เฮ่อชิงเซียวถอนสายตากลับคืน ก้มหน้าลงทูลว่า “กระหม่อมมีโทษสมควรตาย”
“เจ้าสมควรตายจริงๆ!” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เห็นเขายอมรับ ก็ตบเท้าแขนที่ประทับทีหนึ่ง “ทหาร นำตัวเฮ่อชิงเซียวไปนอกประตูอู่เหมิน โบยให้ตาย!”
[1] เปรียบเหมือน สลับสับเปลี่ยนของ เป็นการหลอกลวง