สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 394 ปฏิเสธการแต่งงาน
ตอนที่ 394 ปฏิเสธการแต่งงาน
……….
“ลุกขึ้นได้”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รับสั่งแล้วก็ทอดพระเนตรมองประเมินชายหนุ่มที่ลุกขึ้น
ชายหนุ่มในชุดขุนนางสีแดง ใบหน้าขาวเยียบเย็นดังหยก แลดูรูปงามน่าตะลึงดังหมึกสีเข้มแต่งแต้มสีสันให้ยิ่งขับเน้น เพียงแต่สีหน้าเหน็ดเหนื่อยในวันนี้ก็คืออาการอดหลับอดนอนมาทั้งคืน
“ชิงเซียวเดินทางลงใต้ครั้งนี้ ลำบากเจ้าแล้ว”
“ได้รับใช้ฝ่าบาท เป็นเกียรติของกระหม่อม ไม่รู้สึกลำบากพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แย้มสรวล “ความภักดีของเจ้า เราล้วนเห็นกระจ่าง ชิงเซียว หากเราจำไม่ผิด ปีนี้เจ้ายี่สิบสองแล้วกระมัง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ผ่านพิธีสวมกวนมาสองปีแล้ว ก็ควรแต่งภรรยาได้แล้ว”
เฮ่อชิงเซียวสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย “กระหม่อมมีงานรัดตัว มักต้องเดินทางรอนแรม ตอนนี้ยังไม่คิดเรื่องแต่งภรรยาพ่ะย่ะค่ะ”
“คำพูดนี้ไม่ถูกต้อง ลงหลักปักฐานสร้างครอบครัว ควรต้องสร้างครอบครัวก่อน จากนั้นมุ่งการงานให้มั่นคง หากทุกคนล้วนคิดเช่นเจ้า ใช่ว่าขุนนางต้าซย่าเกินครึ่งต้องโดดเดี่ยวไร้คู่ครองหรือ”
แต่ไรมาฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่ใช่คนสุภาพ พูดจาก็ไม่อ้อมค้อม และไม่ยอมให้คนโต้กลับ
เฮ่อชิงเซียวนิ่งหนักใจ พอคาดเดาจุดประสงค์ที่ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เรียกเขาเข้าเฝ้าวันนี้ก็ได้แล้ว
เพื่อต้องการพระราชทานสมรสให้เขา
คิดถึงความเป็นไปได้นี้แล้ว เฮ่อชิงเซียวก็กำหมัดแน่น หนาวเหน็บถึงปลายนิ้ว
“เจ้าไม่มีญาติผู้ใหญ่ออกหน้า เราก็ขอกล่าวกับเจ้าตรงๆ เราต้องการพระราชทานองค์หญิงเสวียนให้เจ้า เจ้าคิดเช่นไร” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ใช้น้ำเสียงหารือ แต่ทว่าหากผู้ใดคิดไปว่าฮ่องเต้กำลังหารือกับตน เช่นนั้นก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว
เฮ่อชิงเซียวพลันไร้คำตอบ บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมา
ซุนเหยียนข้างๆ เห็นปฏิกิริยาเฮ่อชิงเซียว ก็เกิดความคิดอยากชมเรื่องสนุกขึ้นมา
ฉางเล่อโหวถึงกับไม่ยินดี!
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงมองออกแล้ว รอยแย้มสรวลหุบลง กลายเป็นสุรเสียงเรียบเฉย “ชิงเซียว เจ้าว่าอย่างไร”
ปลายน้ำเสียงเน้นหนักอยู่มาก ไม่ว่าผู้ใดล้วนรู้สึกได้ว่ากำลังจะต้องเผชิญแรงกดดันจากอารมณ์กริ้วของฮ่องเต้
เฮ่อชิงเซียวย่อมรับรู้ได้ แต่ไม่ว่าแรงกดดันเช่นไร เขาก็ไม่อาจยอมรับได้
หากเขายอมรับ ก็ย่อมไม่ยุติธรรมต่อองค์หญิงเสวียน และไม่มีหน้าไปพบอาโย่วอีก
ในชั่วขณะหนึ่ง เขาอดคิดไม่ได้ว่า ฮ่องเต้ยินดีให้องค์หญิงลดตัวลงแต่งกับเขา บางทีอาจเป็นบทสรุปที่ดีของเขาก็เป็นได้ เช่นนั้นเขาจะแต่งกับอาโย่วก็ได้หรือ
แต่ไม่นาน เฮ่อชิงเซียวก็สลัดความคิดนี้ทิ้ง รู้สึกเป็นเรื่องน่าขันที่มีจิตคิดละโมบเช่นนี้
มีเพียงแค่อาโย่วที่ฮ่องเต้ไม่มีทางรับปาก
“กระหม่อม…” คล้ายว่าบรรยากาศนิ่งงันไป เฮ่อชิงเซียวทูลว่า “ตอนนี้กระหม่อมยังไม่คิดแต่งงาน ผิดต่อความหวังดีของฝ่าบาทแล้ว”
“ให้เหตุผลที่เจ้าไม่คิดแต่งภรรยากับเราสักข้อ” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สีพระพักตร์บึ้งตึง “อย่าได้นำคำพูดเมื่อครู่มากลบเกลื่อนกับเรา”
เอ่ยถึงตรงนี้ เฮ่อชิงเซียวก็ไม่อาจเลี่ยงได้อีก ได้แต่ทูลว่า “แต่เล็กกระหม่อมกำพร้าบิดามารดา เป็นคนไร้วาสนา ไม่มีความมั่นใจดูแลภรรยาและบุตรให้ดีได้ กระหม่อมเต็มใจรับใช้ฝ่าบาท ไม่คิดเรื่องอื่น…”
“เหลวไหล!” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สีพระพักตร์กริ้วจัด “ก็เพราะเจ้ากำพร้าบิดามารดา จึงได้ควรรีบแต่งงานให้เร็ว สืบทอดสายเลือดตระกูลเฮ่อ ไม่เช่นนั้นจะไม่ผิดต่อบิดามารดาเจ้าในปรภพหรือ จะให้เราดำรงตนเช่นไร”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยิ่งตรัสก็ยิ่งกริ้ว เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เป็นเพราะเสียพระพักตร์ที่ถูกปฏิเสธการแต่งงาน ลองคิดถึงพี่น้องร่วมสาบานที่ยกทัพชิงแผ่นดินมาด้วยกัน ต่อมาแยกทางกันเดิน สองกองกำลังเข้าประจันหน้ากัน เขาเป็นฝ่ายมีชัย พี่น้องร่วมสาบานไร้ภรรยาไร้บุตร เช่นนี้ผู้คนทั่วไปจะคิดเช่นไร
“เจ้ามิได้มีใจต่อองค์หญิง เราก็ไม่บังคับ” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสไปพร้อมกับสีพระพักตร์ดำสนิทยิ่งกว่าก้นหม้อ
บุตรสาวเขายังไม่สนใจ เจ้าหมอนี่คิดทำอันใด
“แต่ทว่างานแต่งเจ้าไม่อาจรอต่อไป เจ้าลองบอกมาว่าชอบสตรีแบบใด” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สะกดกั้นโทสะตรัสถาม
เฮ่อชิงเซียวเงียบงัน
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รออีกพักหนึ่ง ยังคงรอไม่ไหว กริ้วสุดขีดตรัสว่า “ฉางเล่อโหว เจ้าคิดขัดราชโองการหรือ”
เฮ่อชิงเซียวคุกเข่า “กระหม่อมมิอาจรับพระเมตตา ขอฝ่าบาทลงอาญา”
“เจ้า…” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตบโต๊ะ ตรัสสุรเสียงเย็น “หลายวันนี้เจ้าอยู่แต่ในจวนโหว ไตร่ตรองให้ดี ว่าการแต่งภรรยาเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิตหรือไม่ คิดเข้าใจเมื่อใด ค่อยมาพบเรา”
ซุนเหยียนแอบเลิกคิ้ว
ฮ่องเต้คิดให้ฉางเล่อโหวกักตนสำนึกผิดในจวน
ฉางเล่อโหวอายุน้อยๆ แต่เต็มใจทำให้ฮ่องเต้กริ้วก็ไม่ยินยอมแต่ง หรือว่ามีปัญหาอันใด
“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”
เฮ่อชิงเซียวจากไปแล้ว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สะบัดแขนเสื้อเดินไปทางตำหนักในด้วยความกริ้วอัดแน่นเต็มพระทัย
ให้กักตนสำนึกผิดในจวน เขาอยากดูว่าเจ้าหมอนี่จะดึงดันไปได้ถึงเมื่อไร!
บรรดาขุนนางและชนชั้นสูงไม่นานก็พบว่าฉางเล่อโหวผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่กลับมา ไม่เพียงแต่ไม่ได้รางวัล ยังไม่ต้องไปทำงาน
เกิดเรื่องอันใดกัน ฮ่องเต้ให้ฉางเล่อโหวพักยาวเพียงคนเดียว
มีคนแสร้งทำทีไปเยี่ยมเยือน แต่กลับถูกบอกว่าฉางเล่อโหวกักตนสำนึกผิดในจวน ไม่สะดวกรับแขก
ยามนี้ทุกคนก็ยิ่งอยากรู้ สืบข่าวจากหลายช่องทาง เรื่องในวังวันนั้นก็แพร่ออกมา
ฮ่องเต้ตั้งพระทัยพระราชทานสมรสให้แก่องค์หญิงเสวียน เลือกฉางเล่อโหวเป็นราชบุตรเขย ฉางเล่อโหวปฏิเสธ
ฉางเล่อโหวถึงกับปฏิเสธองค์หญิง!
แท้จริงฉางเล่อโหวคิดอันใดกัน คนไม่น้อยต่างนึกสงสัย
ข่าวไปถึงวังหลัง คนไม่น้อยแอบมองดูตำหนักฟางหนิงกงเสียหน้า
เรื่องการแต่งงานขององค์หญิงเสวียนยากเย็นจริง เกือบถูกส่งไปอภิเษกยังที่กันดารเช่นซีหลิง ในที่สุดก็เลือกราชบุตรเขยที่หน้าตาและสถานะโดดเด่นได้ ยังถูกฉางเล่อโหวปฏิเสธ
บรรดาพระสนมมาตำหนักฟางหนิงกง อ้างว่าแสดงความห่วงใย กลับถูกพระสนมลี่ผินรับมือกลับไปทีละระลอก พอสงบลงจึงได้ให้คนไปตามองค์หญิงเสวียนมา
ชั่วขณะรอคอย นางกำนัลใหญ่ก็ไม่พอใจเอ่ยว่า “คนพวกนั้นคิดเหยียบย่ำ ตั้งใจมาหัวเราะเยาะพระสนม เกินไปแล้ว!”
พระสนมลี่ผินยิ้ม “ไม่เป็นไร”
“พระสนมใจกว้างจริงเพคะ”
“มิใช่ข้าใจกว้าง แต่ดีใจ”
นางกำนัลเผยสีหน้าไม่เข้าใจ กำลังจะเอ่ยอันใด องค์หญิงเสวียนก็มา
“เสวียนเอ๋อร์มานั่งนี่” พระสนมลี่ผินกวักมือเรียกองค์หญิงเสวียนมานั่ง สังเกตสีหน้าบุตรสาว
องค์หญิงเสวียนสีหน้านิ่งสงบ ดูแล้วเสียงซุบซิบไม่ส่งผลอันใดต่อนาง
พอเหลือเพียงนางกำนัลคนสนิทในห้อง พระสนมลี่ผินก็ตบหลังมือบุตรสาว “เสียงซุบซิบภายนอก เจ้าได้ยินแล้วใช่หรือไม่”
องค์หญิงเสวียนพยักหน้าเล็กน้อย “ได้ยินมาแล้ว เสด็จแม่วางใจ หม่อมฉันไม่ได้เสียใจ หม่อมฉันกับฉางเล่อโหวไม่ได้มีใจผูกพันกัน ฉางเล่อโหวปฏิเสธย่อมเพราะเขามีความคิดของเขา มิได้เกี่ยวอันใดกับหม่อมฉันเพคะ”
หากต้องเสียใจกับทุกเรื่อง คงอยู่ในวังนี้ไม่ได้นานแล้ว
พระสนมลี่ผินเผยสีหน้าปลอบประโลม “เจ้าคิดได้เช่นนี้ แม่ก็วางใจ เมื่อครู่แม่ยังเอ่ยถึงอยู่ว่ารู้สึกดีใจ”
องค์หญิงเสวียนอึ้งไป
“ในบรรดาชายหนุ่ม ฉางเล่อโหวนับว่าโดดเด่นที่สุด เสด็จพ่อเจ้าเลือกฉางเล่อโหวเป็นราชบุตรเขย เห็นชัดว่าทรงตั้งใจเลือกราชบุตรเขยที่ดีให้เจ้า แม่ก็วางใจแล้ว”
นางกำนัลข้างๆ จึงได้พลันเข้าใจขึ้นมา
จวนตระกูลซิน
เสี่ยวเหลียนประเดี๋ยวยกแตงโมเข้า ประเดี๋ยวยกเครื่องดื่มเย็นเข้ามา
ซินโย่วมองนางนางหมุนเข้าหมุนออกจนเวียนหัว “ไม่ต้องวุ่นวายแล้ว พักก่อนเถอะ”
เสี่ยวเหลียนเขยิบเข้ามา “คุณหนู ฝ่าบาทต้องการพระราชทานสมรสแก่ใต้เท้าเฮ่อ คุณหนูคิดอย่างไรเจ้าคะ”
“กำลังคิดว่าใต้เท้าเฮ่อปฏิเสธ นอกจากถูกลงอาญาให้กักตนสำนึกผิดในจวนแล้ว ก็มิได้ลงอาญาใดอีกหรือ”
หากให้กักตนสำนึกผิดในจวนเท่านั้น ก็ถือว่าได้โอกาสพักผ่อนให้ดี
“แต่ช้าเร็วใต้เท้าเฮ่อก็ต้องมีครอบครัว” เสี่ยวเหลียนเอ่ยถึงประเด็นสำคัญ