สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 393 คู่แต่งงาน
ตอนที่ 393 คู่แต่งงาน
……….
ซินโย่วเบิกตากว้างอย่างตกใจ ร่างกายพลันแข็งทื่อ ไม่รู้ควรตอบรับเช่นไร
ความแนบชิดเช่นนี้ พร้อมกลิ่นสุราเย็นเยียบ โอบล้อมนางไว้อย่างรุ่มร้อนรุนแรง
ในสมองซินโย่วมีเพียงความคิดว่า เกิดอันใดขึ้นกับใต้เท้าเฮ่อ
หลังจากสูญเสียการควบคุมสติสัมปชัญญะไป เฮ่อชิงเซียวก็พลันได้สติคืนมา รีบปล่อยมือ พร้อมกับถามตนเองในใจว่าเกิดอันใดขึ้นกับเขา
หลังเงียบงันไปนาน เขาได้แต่หลุบตาลงอย่างสิ้นสภาพ เอ่ยขอโทษเบาๆ “ขออภัย…ข้า…”
แต่ไม่บอกเหตุผลที่ขอโทษ
บอกว่าเขารักมั่นปักใจต่อนางมานานแล้ว บอกว่าอ๋องเป่ารื่อทำให้จิตใจเขาสับสน บอกว่าเขารู้ดีว่าเส้นทางข้างหน้ามืดมนยากจะเดินไปจนสุดเส้นทาง ก็ยังละโมบคิดใกล้ชิดนาง ครอบครองนางหรือ
เรื่องบางเรื่อง เขากล่าวไม่ออก
เขาถูกความรู้สึกผิดกดให้จมดิ่งลง คิดว่าตนเองน่าละอายอย่างที่สุด
ซินโย่วเห็นท่าทางปวดร้าวของเขา นางเองก็ปวดร้าวไม่ต่างกัน
แต่นางรู้ว่าที่นี่แม้ว่าเป็นมุมที่ไม่สะดุดตา แต่ยังคงมีคนเดินผ่านในระยะไกล นางยังรู้ว่ารอบกายนางมีสายตาของบรรดาผู้คัดค้านนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่จับจ้องมองนางดังตะปูทิ่มตำนัยน์ตา ทันทีที่พวกเขารู้ว่าใต้เท้าเฮ่อคือจุดอ่อนของนาง พวกเขาก็จะยกดาบฟาดฟันเขาอย่างไม่ลังเล
“ใต้เท้าเฮ่อดื่มมากไปแล้ว ข้าให้เชียนเฟิงส่งท่านกลับ” ซินโย่วออกแรงกำหมัด พยายามบังคับเสียงให้นิ่งสงบ
แก้มนางซีดขาว มีเพียงแป้งชาดที่กลบเกลื่อนปกปิดไว้ ดูแล้วยังคงงดงามกระจ่างตา
“เชียนเฟิงไปส่งคุณหนูซินก็พอ ข้าไม่เป็นไร” เฮ่อชิงเซียวถอยหลังกล่าวอำลาซินโย่ว
ไม่ไกลนัก เสี่ยวเหลียนกำลังมองภาพเฮ่อชิงเซียวกอดซินโย่ว ปฏิกิริยาแรกก็คือยื่นสองมือออกไปปิดตาเชียนเฟิงกับผิงอันคนละข้าง
เชียนเฟิงกับผิงอันไม่ขยับ ปล่อยให้สาวใช้อุดหูขโมยกระดิ่ง[1]
ขณะเสี่ยวเหลียนกังวลว่าจะมีคนผ่านทางมา ก็เห็นเฮ่อชิงเซียวปล่อยมือแล้ว
นางขยี้ตา สงสัยว่าภาพเมื่อครู่เพราะนางตาลายหรือไม่
จากนั้นก็เห็นเฮ่อชิงเซียวเดินไปในทิศทางตรงกันข้าม
เสี่ยวเหลียนหันหน้ากลับมามองเชียนเฟิงกับผิงอัน “เมื่อครู่พวกเจ้าเห็นอันใดไหม”
เชียนเฟิงกับผิงอันล้วนสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก “ไม่เห็น”
พวกเขาเป็นผู้คุ้มกันพร้อมพลีชีพเพื่อนาย องค์หญิงใหญ่ประทานให้คุณหนูซิน จากนี้ในสายตามีเพียงความปลอดภัยของคุณหนูซิน เห็นหรือไม่ล้วนไม่แตกต่าง
พอได้ยินคำตอบ เสี่ยวเหลียนกลับเข้าใจผิด เดินไปตรงหน้าซินโย่วงุนงง ส่งเสียงเรียกคุณหนู
แม้นางหวังว่าคุณหนูกับใต้เท้าเฮ่อจะได้ครองรักกันในที่สุด แต่ก็คงไม่ถึงกับเกิดภาพมายาไปเองกระมัง
ซินโย่วพยักหน้าให้เสี่ยวเหลียนเล็กน้อย “กลับกันเถอะ”
ค่ำคืนในเดือนเจ็ดอากาศร้อนอบอ้าว อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ซินโย่วก็นอนลงบนตั่งไม้ ในสมองมีแต่ภาพโอบกอดนั้น
นางคิดว่าตนเองตั้งมั่นปล่อยวางได้เพียงพอแล้ว ที่แท้มิใช่
นางกระจ่างใจดี ในยามนั้นเองหากเขาไม่ปล่อยมือ นางก็คงระงับใจตนเองไม่ให้กอดตอบไม่ได้
ค่ำคืนนี้ ซินโย่วพลิกตัวไปมานอนไม่หลับ แต่เฮ่อชิงเซียวกลับทรมานยิ่งกว่า
เขานั่งอยู่คนเดียวจนเที่ยงคืน พอค่อย ๆ สร่างเมา ก็เดินไปที่ลานด้านหน้า
ความลำบากของการผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ทางใต้ ตลอดทางเร่งเดินทางกลับเมืองหลวง ล้วนไม่ทรมานยากทนรับได้เหมือนการได้โอบกอดในค่ำคืนนี้
แต่ไรมาเขามีชาติกำเนิดที่น่ากังขามาตลอด ตอนได้ตำแหน่งในกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเขาดีใจไม่น้อย แต่ตอนนี้กลับหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาไม่ใช่เป่ยเจิ้นฝูสื่อ ไม่ใช่ฉางเล่อโหว
วันรุ่งขึ้นท้องฟ้ามืดครึ้มไร้แสงตะวัน
อ๋องเป่ารื่อเดินไปก้าวหนึ่งก็หันกลับมามองขุนนางต้าซย่าอยู่ตลอด ท่าทางตัดใจกลับซีหลิงไม่ลง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รู้ว่าซินโย่วไม่ไปส่ง นอกจากรู้สึกวางพระทัยแล้วก็รู้สึกว่าอาโย่วอาจไม่ได้คิดอันใดกับอ๋องเป่ารื่อ
แต่นับอายุดูแล้ว อาโย่วอายุสิบแปดแล้ว
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ถือโอกาสที่มีเวลาว่างเรียกตัวซินโย่วเข้าวังมาสอบถามความคิดนาง
“อาโย่วไม่ชื่นชอบแบบอ๋องเป่ารื่อหรือ”
ซินโย่วถามกลับ “ฝ่าบาทคิดว่าอ๋องเป่ารื่อไม่เลวหรือเพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ลูบพระนาสิกไปมา ตรัสตามตรง “หากอ๋องเป่ารื่ออยู่ต้าซย่านานได้ ย่อมเป็นคู่ครองที่ดี”
“แต่ทว่าหม่อมฉันไม่ชอบ” ซินโย่วตอบตรงไปตรงมา
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ถอนพระปัสสาสะ ในพระทัยคิดว่าน่าเสียดาย บุตรเขยไม่เลวส่งมาถึงที่หายวับไปแล้ว
หากเลือกราชบุตรเขยให้อาโย่ว ด้วยความสามารถของอาโย่ว ราชบุตรเขยผู้นี้ควรตั้งใจเลือกให้รอบคอบจะดีกว่า ดีที่สุดก็ให้มีชาติกำเนิดที่มั่นคงและดีต่ออาโย่ว แต่ทว่าไม่ควรตามใจอาโย่วเหลวไหลจนสะเทือนแผ่นดินต้าซย่า
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รู้สึกสับสนในพระทัยต่อเรื่องซินโย่วอย่างมาก
เขารักบุตรสาว ให้ความสำคัญกับนาง แต่ทว่าก็ระวังนาง ความระวังนี้ก็มิใช่ตอนนี้ แต่เพื่อวันหน้า
คำพูดนอกระเบียบกฎเกณฑ์ที่อาโย่วเคยเอ่ยเหล่านั้น แม้เขาปล่อยผ่านไป แต่ในใจกระจ่างดีว่าอาโย่วจะส่งผลต่อการเลือกรัชทายาทของเขาจริงๆ
ฮ่องเต้พระองค์ใดจะไม่ระแวงแม้แต่น้อยได้อย่างไรกัน
อาโย่วเป็นอินทรี เขายินดีมองนางกางปีกโบยบิน แต่คู่ครองอาโย่ว เขาหวังว่าจะเป็นเชือกผูกมัดอินทรีที่ไร้รูปร่าง ตีกรอบสกัดความคิดเป็นใหญ่ของนางเอาไว้
บุตรหลานของขุนนางเช่นพวกหัวหน้าเซี่ย เมิ่งจี้จิ่วและเสนาบดีอวี๋พวกนี้เหมาะสมที่สุด
“เช่นนั้นอาโย่วพึงใจคนเช่นไร” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แม้มีแนวโน้มในการเลือกราชบุตรเขยแล้ว แต่ทว่าคำถามนี้มิใช่คำถามไปอย่างนั้น
เขาถามถึงหน้าตาและอุปนิสัยใจคอ จะได้คัดเลือกให้อาโย่วในขอบเขตที่เขาตีกรอบไว้ ก็พอได้อยู่
การคัดเลือกนี้แต่ไรมาไม่ใช่เลือกตามอำเภอใจ ไร้ขีดจำกัด
“ตอนนี้หม่อมฉันยังไม่คิดเรื่องคู่ครองเพคะ”
“จะได้อย่างไร” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้คัดค้านทันทีด้วยสัญชาตญาณ
ชายหญิงเติบใหญ่ควรออกเรือน เป็นหลักการที่ทุกคนล้วนให้การยอมรับ
“เพียงแค่ตอนนี้เพคะ การผลิตน้ำตาลทรายขาวยังต้องขยายการผลิตออกไปอีก นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ยังไม่ได้ผลักดันไปทั่วแผ่นดินต้าซย่า การส่งคนออกเดินทะเลจะนำมันหวานกลับมาได้ราบรื่นหรือไม่ก็ยังไม่อาจทราบได้ หากนำกลับมาได้อย่างราบรื่น จากนั้นก็ยังต้องทดลองเพาะปลูก…”
ซินโย่วไม่ได้บอกว่าไม่แต่ง เพราะเช่นนั้นจะทำให้คนคิดว่านางพูดจาเหมือนเด็กน้อย นางค่อยๆ สาธยายเรื่องราวที่ต้องทำอีกมากมาย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้ว
อย่างน้อยฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็มิได้ทรงคัดค้าน พยักหน้าพระพักตร์ตรัสว่า “เช่นนั้นก็ค่อยๆ ดูไป มีคนที่เหมาะสมก็อย่าได้เอาแต่ยุ่งกับการงาน”
พอซินโย่วกลับไป ในพระทัยฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็วางเรื่องการแต่งงานนี้ลง
อาโย่วมีความคิดของตนเอง เรื่องแต่งงานเอาไว้ก่อนได้ แต่เสวียนเอ๋อร์กลับรอช้าไม่ได้
ในสายพระเนตรฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ องค์หญิงเสวียนไม่มีความสามารถเหมือนอาโย่ว อายุได้วัยแล้ว ย่อมควรแต่งงานได้แล้ว นับประสาอันใดกับเขารู้ว่าพระสนมลี่ผินรอคอยให้เขาเลือกราชบุตรเขยที่ดีให้กับบุตรสาว
ราชบุตรเขยที่ดี… ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เคาะเท้าแขนที่ประทับเบาๆ
บุตรชายหญิงต่างกันย่อมเหมาะกับคู่ครองต่างกันเป็นธรรมดา
เสวียนเอ๋อร์อ่อนโยนเรียบร้อย แต่งเข้าจวนใดล้วนไม่ต้องเป็นกังวลว่านางจะทำเหตุผิดพลาด และไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนรังแกองค์หญิง ในเมื่อไม่เลือกตระกูล การเลือกคู่ที่เป็นดังพระเมตตาพระราชทานย่อมเหมาะสมที่สุด
พอคิดถึงเรื่องนี้ ในพระทัยฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็มีภาพเฮ่อชิงเซียวผุดขึ้นมา
เขารู้ว่าในใจขุนนางเฒ่าหลายคนยังคิดว่าปฏิบัติต่อบุตรชายพี่น้องร่วมสาบานไม่ดีพอ การพระราชทานสมรสกับองค์หญิงย่อมทำให้คนเหล่านี้ไม่อาจเอ่ยอันใดได้
ส่วนชาติกำเนิดของเฮ่อชิงเซียว ไร้วงศ์ตระกูลสนับสนุน สำหรับฮ่องเต้แล้วเรียกได้ว่าเป็นคนที่ใช้งานดังดาบได้ดีที่สุด เหมาะสมกับการพระราชทานพระเมตตานี้
พอตัดสินพระทัยแล้ว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็รับสั่ง “เรียกตัวฉางเล่อโหวเข้าวัง”
เฮ่อชิงเซียวนอนหลับไม่สนิทตลอดทั้งคืน เดินทางเหน็ดเหนื่อยมาหลายวัน ย่อมแสดงอาการออกทางสีหน้า ทูลน้ำเสียงแหบว่า “กระหม่อมเฮ่อชิงเซียวถวายบังคมฝ่าบาท”
[1] อุปมาถึงคนโง่ที่หลอกตัวเองได้ แต่หลอกคนอื่นไม่สำเร็จ