สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 384 ไม่ไปแล้ว
ตอนที่ 384 ไม่ไปแล้ว
……….
พอแน่ใจสถานะหัวหน้าเซี่ยแล้ว อ๋องเป่ารื่อก็เอ่ยอย่างสุภาพว่า “ใต้เท้าเซี่ย ข้าอยากขอถามสักเรื่องหนึ่ง”
หัวหน้าเซี่ยรู้สึกระแวงขึ้นมาทันที “ราชทูต เชิญกล่าว”
“ท่านรู้จักคุณหนูซินกระมัง” แม้ว่าอ๋องเป่ารื่อถาม แต่น้ำเสียงแน่ใจ
แม้เขาไม่ใช่ชาวราชวงศ์ต้าซย่าก็รู้ว่าสตรีเป็นขุนนางน้อยมาก ที่ซีหลิงเองก็เช่นกัน เช่นนั้นการที่คุณหนูซินดำรงตำแหน่งในสำนักฮั่นหลินย่วน หัวหน้าสำนักฮั่นหลินย่วนย่อมรู้จัก
ความจริงอ๋องเป่ารื่อพบแล้วว่า ในเมืองหลวงคุณหนูซินน่าจะมีชื่อเสียงมาก อย่างอื่นไม่ว่า เหล่าขุนนางราชวงศ์ต้าซย่าคล้ายว่าต่างรู้จักนาง
“คุณหนูซินดำรงตำแหน่งในสำนักฮั่นหลินย่วน” หัวหน้าเซี่ยเอ่ยตอบน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“เช่นนั้นใต้เท้าเซี่ยรู้ไหมว่าคุณหนูซินเป็นคุณหนูตระกูลใด บิดาคือผู้ใด”
หัวหน้าเซี่ยมองอ๋องเป่ารื่อด้วยสายตาประหลาดใจ
“ใต้เท้าเซี่ยไม่รู้หรือ”
หัวหน้าเซี่ยไตร่ตรองแล้วก็ตอบว่า “มารดาซินไต้จ้าว…ก็คืออดีตฮองเฮา”
ความสัมพันธ์ของซินไต้จ้าวกับฮ่องเต้ไม่เปิดเผยกระจ่างชัดเจนมาตลอด เพียงแต่ในใจทุกคนต่างรับรู้ร่วมกัน เขาเป็นขุนนางย่อมมิอาจพูดจาเหลวไหล
อ๋องเป่ารื่อตกตะลึง “เช่นนั้นคุณหนูซินมิใช่องค์หญิง…”
เขาตั้งใจรอ แต่ไม่ทันรอให้หัวหน้าเซี่ยเอ่ย
อ๋องเป่ารื่อก็ค้นพบปัญหาหนึ่งทันที
เมื่อครู่เขาถามถึงบิดาคุณหนูซิน ใต้เท้าเซี่ยตอบสถานะมารดาคุณหนูซิน หรือว่าคุณหนูซินเป็นบุตรสาวฮองเฮาราชวงศ์ต้าซย่ากับชายอื่น
อ๋องเป่ารื่อตาค้างตกใจ
หัวหน้าเซี่ยเห็นปฏิกิริยาของอ๋องเป่ารื่อก็มีสีหน้าดำทะมึน
เจ้าหนุ่มต่างแคว้นผู้นี้กำลังคิดอันใด!
ไม่อาจทนให้ชาวต่างแคว้นคิดถึงฮองเฮาตนเองไปในทางเช่นนี้ได้อีกต่อไปแล้ว หัวหน้าเซี่ยที่ไม่ใช่คนปากมากได้แต่เอ่ยว่า “ซินไต้จ้าวติดตามฮองเฮาอยู่นอกวังมาตลอด แต่ทว่าฝ่าบาทเราโปรดปรานซินไต้จ้าวอย่างมาก”
เรื่องฮองเฮาซินเป็นที่รู้กันทั่วไปในเมืองหลวง อ๋องเป่ารื่อแค่สอบถามก็คงรู้ได้
“ที่แท้เป็นเช่นนี้” อ๋องเป่ารื่อพยักหน้าเข้าใจแล้ว
คุณหนูซินเป็นบุตรีฮ่องเต้ต้าซย่า ไม่รู้เหตุใดจึงได้เติบโตนอกวังแต่เล็ก ดังนั้นราชวงศ์ต้าซย่าไม่ยอมรับสถานะองค์หญิงของคุณหนูซิน
คุณหนูซินช่างตกอยู่ในสภาพน่าสงสารเสียจริง
อ๋องเป่ารื่อเกิดนึกสงสารขึ้นมา ตัดสินใจจะไปขออภิเษกนางกับฮ่องเต้ซิงหยวนตี้
เขาจะใช้ของหมั้นล้ำค่าแสดงความจริงใจ ฮ่องเต้ต้าซย่าย่อมไม่ลังเลกับบุตรสาวที่ไม่เป็นที่ยอมรับ เหมือนกับเสด็จพี่เขาขอแต่งกับองค์หญิงต้าซย่าอย่างแน่นอน
อ๋องเป่ารื่อยิ่งคิดก็ยิ่งมั่นใจ คำนับหัวหน้าเซี่ยทีหนึ่ง “ขอบคุณใต้เท้าเซี่ยที่บอกให้ทราบ ข้ามีธุระขอตัวก่อน”
เห็นอ๋องเป่ารื่อรีบร้อนไป หัวหน้าเซี่ยคิดแล้วก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเข้าวัง
อ๋องเป่ารื่อดูท่าเพิ่งรู้สถานะซินไต้จ้าว แม้ว่าไม่พอใจซินไต้จ้าว ก็น่าจะไม่กล้าทำอันใดพลการ ที่นี่อย่างไรก็เป็นพื้นที่ของแคว้นต้าซย่า
หัวหน้าเซี่ยไม่ได้เข้าวัง อ๋องเป่ารื่อกลับเข้าวังไปขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยังไม่รู้เรื่องซุบซิบที่เพิ่งเกิดนอกสำนักฮั่นหลินย่วน ได้ยินว่าอ๋องเป่ารื่อราชทูตเอกซีหลิงขอเข้าเฝ้า ก็อยากรู้จุดประสงค์ของอีกฝ่าย
ยามนี้แล้ว หรือว่ามาขอร่วมเสวยพระกระยาหารรค่ำ?
“เชิญเข้ามา”
ไม่นานอ๋องเป่ารื่อเข้ามาถวายคำนับฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อย่างนอบน้อม “กระหม่อมเป่ารื่อ ถวายบังคมฝ่าบาท”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้นิ่งอึ้งไปทันที
การคำนับเช่นนี้เรียกได้ว่าจริงจังกว่าตอนเพิ่งมาเสียอีก เกิดเรื่องอันใดขึ้นกัน
ว่ากันตามอายุ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เป็นบิดาของอ๋องเป่ารื่อได้แล้ว ดังนั้นปฏิกิริยาของเขาก็คือผู้ใหญ่ต่อผู้น้อย เจ้าหมอนี่คงมิใช่ก่อเรื่องใดมากระมัง
“ราชทูต ลุกขึ้นได้” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสสุภาพ
อ๋องเป่ารื่อเป็นตัวแทนซีหลิง สองแผ่นดินมิใช่ศัตรูกัน ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ย่อมปฏิบัติต่อด้วยความเคารพกันและกัน
อ๋องเป่ารื่อลุกขึ้นยืนแล้วก็เงยหน้ามองฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ ก่อนจะนิ่งอึ้งไปทันที
ในสมองของเขามีภาพใบหน้างามกระจ่างของสาวน้อยลอยขึ้นมา
อ๋องเป่ารื่อพลันตั้งสติได้ทันที
มิน่าเขาคิดว่าเคยรู้จักคุณหนูซิน ที่แท้ดังโขกออกมาจากพิมพ์เดียวกับฮ่องเต้ต้าซย่านี่เอง!
การค้นพบนี้ทำให้เขางุนงงสับสนไปทันที
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ขมวดพระขนง
อ๋องเป่ารื่อต้องทำอันใดไม่ดีมาอย่างแน่นอน
“ราชทูตเข้าวังมาพบเราด้วยเรื่องอันใดหรือ”
อ๋องเป่ารื่อตั้งสติได้ก็ค่อยๆ สงบจิตใจที่ตื่นตระหนกลงก่อนทูลว่า “กระหม่อมได้พบคุณหนูซินที่เป็นขุนนางสำนักฮั่นหลินย่วน รู้สึกชื่นชมพึงใจ ขอหน้าหนามาขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท ขอหมั้นหมายด้วยใจจริง…”
คำพูดต่อจากนั้น ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่ได้ฟังแม้แต่คำเดียว ในสมองเต็มไปด้วยคำว่า รู้สึกชื่นชมพึงใจ
เจ้าเดรัจฉานนี้ชื่นชมพึงใจผู้ใด??
มหาขันทีซุนเหยียนข้างๆ เห็นฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กัดฟันกรอด ขมับปูดโปนจนกระตุก ในใจก็ตื่นตระหนกตามไปด้วย
ฮ่องเต้ดูแล้วกริ้วหนักมาก เจ้าหนุ่มซีหลิงผู้นี้ไม่เห็นหรือ
อ๋องเป่ารื่อทูลจบก็พบว่าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงจ้องเขาด้วยสีพระพักตร์เย็นชา
ฮ่องเต้ต้าซย่าเป็นบิดาคุณหนูซิน เขาขอหมั้นหมายนางกับฮ่องเต้ต้าซย่า มิใช่เป็นไปตามธรรมเนียมของราชวงศ์ต้าซย่าหรือ
อ๋องเป่ารื่อคิดไตร่ตรองอีกครั้ง ไม่คิดว่าตนเองทำอันใดผิด ดังนั้นจึงรอคำตอบจากฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อย่างไม่หวั่นเกรงสิ่งใด
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้จะพ่นคำว่า ‘ไสหัวไป’ ออกมา แต่ก็กลืนกลับลงท้องไป
เจ้าเดรัจฉานผู้นี้หมายปองอาโย่ว ถึงกับเปิดเผยไม่สนใจอันใดเช่นนี้!
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ระงับไฟโทสะ ตรัสพระสุรเสียงนิ่งเรียบว่า “ซินไต้จ้าวไม่เหมาะกับชีวิตต่างแคว้น ทำให้ราชทูตต้องผิดหวังแล้ว”
พรุ่งนี้จะปฏิเสธคำขออภิเษกองค์หญิงของราชาซีหลิงอย่างเป็นทางการ รีบไล่เจ้าเดรัจฉานนี้ให้ไสหัวกลับไป ไม่เช่นนั้นม้าศึกห้าพันตัวไม่ได้มา กลับต้องมาเสียอาโย่วไป เป็นการสูญเสียใหญ่หลวง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เริ่มนึกเสียพระทัยภายหลังกับความละโมบของตนเองแล้ว
อ๋องเป่ารื่อจากไปอย่างผิดหวัง
วันรุ่งขึ้นพอเลิกประชุมท้องพระโรง ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็เรียกประชุมขุนนางใหญ่ ตรัสถามว่า “ขุนนางทุกท่านคิดวิธีออกแล้วหรือยัง”
บรรดาขุนนางใหญ่ เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ผู้ใดก็ไร้วาจา
ไม่ยินดีให้องค์หญิงอภิเษก ยังอยากได้ม้าศึกผู้อื่น คิดวิธีใดออกมาได้ก็เรียกว่าเทพเซียนแล้วไหม
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็มิได้ผิดหวังมาก เขารู้แล้วว่าคนเหล่านี้คิดวิธีไม่ออก แต่ก็ยังแอบมีความหวังน้อยนิด แต่ต้องการถามให้แน่ใจสักหน่อยเท่านั้น
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้เราก็จะบอกกับอ๋องเป่ารื่อให้กระจ่าง จะได้ไม่ทำให้เขาเสียเวลากลับซีหลิง”
ตัดใจได้เช่นนี้หรือ ไม่เหมือนอุปนิสัยของฮ่องเต้ที่ผ่านมา
“เชิญราชทูตซีหลิงเข้าวัง”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตัดพระทัยได้เด็ดเดี่ยว พออ๋องเป่ารื่อเข้ามาพร้อมกับทูตซีหลิงคนอื่นๆ บรรดาขุนนางก็ยังตั้งสติไม่ได้
ทูตซีหลิงถวายคำนับแล้ว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ตรัสกับอ๋องเป่ารื่อว่า “โอรสธิดาเราไม่มาก องค์หญิงที่เติบโตแล้วมีเพียงหนึ่ง ตัดใจให้นางแต่งไปไกลถึงต่างแคว้นไม่ได้ ทำให้ราชาซีหลิงต้องผิดหวังแล้ว ขอราชทูตนำคำของเราไปยังราชาซีหลิง แม้ไม่อาจอภิเษกเชื่อมไมตรีได้สำเร็จ แต่สองแคว้นก็จะเป็นมิตรกันตลอดไป”
พวกอ๋องเป่ารื่อสีหน้าตกใจ
ม้าศึกห้าพันตัวเป็นของหมั้นหมาย ฮ่องเต้ต้าซย่ายังไม่ยินดี?
ในกลุ่มคนเหล่านี้ มีเพียงซุนเหยียนที่เข้าพระทัยฮ่องเต้ที่สุด ทรงกลัวว่าอ๋องเป่ารื่อจะพาองค์หญิงอาโย่วไป จึงรีบไล่ให้กลับไป
“เช่นนั้นก็น่าเสียใจอย่างยิ่ง” อ๋องเป่ารื่อแสดงท่าทีตามมารยาท แสดงความเสียใจต่อการขออภิเษกเชื่อมไมตรีที่ไม่เป็นผลสำเร็จ สั่งการทูตซีหลิงผู้หนึ่ง “พรุ่งนี้เจ้านำคนส่วนหนึ่งกลับซีหลิงไปทูลเสด็จพี่ก่อน”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ฟังแล้วก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้องนัก “แค็ก ๆ ราชทูตไม่กลับไปด้วยกันหรือ”
อ๋องเป่ารื่อสีหน้าจริงจัง คำพูดตามมารยาทเมื่อครู่กลายเป็นคำพูดจริงใจ “เมื่อวานได้ฟังดำรัสฝ่าบาท กระหม่อมไตร่ตรองอย่างรอบคอบมาทั้งคืน หลังได้อยู่เมืองหลวงของฝ่าบาทมาสองสามวัน รู้สึกปรับตัวได้ดีมาก กระหม่อมอยู่ต่อที่นี่ได้”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ “?”