สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 382 ความกลัดกลุ้มของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้
ตอนที่ 382 ความกลัดกลุ้มของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้
……….
สาวน้อยสีหน้าเด็ดขาด ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย
เสนาบดีกรมพิธีการหน้าตาแดงก่ำไปหมด ดูแล้วจะสิ้นลมได้ทุกเมื่อ
“องค์ชายมีภาระหน้าที่ขององค์ชาย นี่ นี่มันเอามาปะปนกันได้หรือ”
ซินโย่วถามกลับด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ภาระหน้าที่องค์ชายคืออันใด แลกเปลี่ยนกับองค์หญิงได้หรือไม่ ให้องค์หญิงสืบทอดราชบัลลังก์ ส่งองค์ชายไปอภิเษกเชื่อมไมตรี”
พอเอ่ยเช่นนี้ออกมา ก็ทำให้บรรดาขุนนางพากันตกใจ
“ฝ่าบาท ความคิดซินไต้จ้าวกลับตาลปัตรเหลวไหล ไร้ธรรมเนียมสิ้นดีพ่ะย่ะค่ะ!” เสนาบดีกรมพิธีการทูลฟ้องเสียงดัง
ฟังดูสิ นี่มันคำพูดสกปรกรกหูอันใด องค์ชายจะไปอภิเษกเชื่อมไมตรีได้อย่างไร!
เสนาบดีกรมคลังแอบก่นด่าในใจ ส่งองค์ชายไป อย่าว่าแต่แลกม้าศึกห้าพันตัวกลับมา เกรงว่ายังต้องเพิ่มทรัพย์สินไปด้วย
หัวหน้าเซี่ยแอบลอบสังเกตสีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ แววตาแอบซ่อนความกังวล ซินโย่วเป็นองค์หญิง กล่าวเช่นนี้ออกไป เกรงว่าจะทำให้ฮ่องเต้ทรงแคลงพระทัย
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กลับไม่แคลงพระทัย แต่จนพระทัย
อย่างไรตอนซินโย่วกลับคืนสู่สถานะบุตรสาว ก็เคยถามเขาเรื่ององค์หญิงจะเป็นรัชทายาทหญิงได้หรือไม่ คำพูดนั้นออกนอกลู่ยิ่งกว่านี้ เขาไม่ใช่ได้ยินมาแล้วหรือ
และเพราะรู้ว่าไม่อาจให้บุตรสาวได้ดังหวัง ย่อมยอมโอนอ่อนมากขึ้นอีกสักหน่อย
“เมื่อครู่เราบอกแล้ว วันนี้พูดได้เต็มที่”
สีหน้าเสนาบดีกรมพิธีการแทบไม่อยากเชื่อ
“พูดได้เต็มที่ไม่ได้หมายความว่าอันใดก็พูดได้นะพ่ะย่ะค่ะ” เช่นนี้หากเขาบอกว่าคัดค้านนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ ล้มนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ ก็ได้หรือ
พอพบความเย็นเยียบในแววพระเนตรฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ เสนาบดีกรมพิธีการก็ฉลาดมีไหวพริบได้สติคืนมาทันที มีเพียงแค่ซินโย่วที่พูดได้เต็มที่คนเดียวเท่านั้น
พอรู้ความจริงอันโหดร้ายนี้แล้ว เสนาบดีกรมพิธีการก็ได้แต่เงียบงัน
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กวาดสายพระเนตรวาวไปยังทุกคน ตรัสพระสุรเสียงนิ่งเรียบว่า “ความคิดเห็นขุนนางทุกท่าน เรารู้แล้ว เราขอพูดความคิดเห็นเราบ้าง”
ทุกคนต่างแสดงท่าทีนอบน้อมรอรับฟัง
ซินโย่วเองก็อยากรู้การเลือกของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มาก บุตรสาวกับผลประโยชน์ ในใจของเขาอันใดสำคัญกว่ากัน
“คำขออภิเษกเชื่อมไมตรีของราชาซีหลิง เราจะไม่ตอบตกลง”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสคำแรกก็ทำเอาทุกคนต่างตกตะลึง
ราชทูตซีหลิงมาได้หลายวันแล้ว ฮ่องเต้ไม่ได้แสดงท่าทีอันใดมาตลอด พวกเขาคิดว่าฮ่องเต้กำลังลังเล แต่ได้ยินน้ำเสียงฮ่องเต้แล้ว ก็รู้ว่าทรงยืนหยัดหนักแน่นอย่างมาก
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดฮ่องเต้จึงไม่แสดงท่าทีชัดเจนมาแต่ต้น
“ม้าศึกห้าพันตัว ทำให้รู้สึกอยากได้จริง แต่ทว่าใช้องค์หญิงแลกม้าศึก เราทนเสียเกียรตินี้ไม่ไหว”
เสียสละองค์หญิงแลกผลประโยชน์ตรงหน้า ขุนนางและราษฎรที่ได้รับประโยชน์ตอนนี้ย่อมไม่กล่าวอันใด แต่อีกร้อยปีจากนี้เล่า
เขายังใส่ใจชื่อเสียงหลังจากนี้ไม่น้อย
บรรดาขุนนางเงียบกริบ
หากเป็นบุตรสาวพวกเขาแลกผลประโยชน์เช่นนี้ได้ ย่อมไม่มีทางลังเล แต่ฮ่องเต้ไม่ยินดีนำบุตรสาวไปแลก ขุนนางก็ย่อมมิอาจกล่าววาจาเกลี้ยกล่อมพระทัย
แต่จะว่าไป หากฮ่องเต้ไม่ยินดี เหตุใดไม่ตรัสแต่แรก ยังให้พวกเขาต้องมาถูกซินโย่วฟาดไปยกหนึ่ง
“ขุนนางทุกท่านอาจไม่เข้าใจ เหตุใดเราจึงไม่แสดงท่าทีแต่ต้น” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้คล้ายคาดเดาความคิดบรรดาขุนนางได้ เผยสีพระพักตร์หนักพระทัย “เพราะหลายวันนี้ เราคิดถึงแต่เรื่องหนึ่งมาตลอด”
ตรัสถึงตรงนี้ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ชะงักไป ทอดพระเนตรไปยังบรรดาขุนนางด้วยความหวัง “ขุนนางทุกท่านลองคิดหาวิธี ไม่ต้องอภิเษกองค์หญิง แต่จะได้ม้าศึกห้าพันตัวของซีหลิงมาได้อย่างไร”
บรรดาขุนนาง “…” บางทีอาจลองไปฝันเอา
ซินโย่วเองก็กระตุกมุมปากทีหนึ่ง
ที่แท้ที่ยื้อเวลาราชทูตซีหลิงไว้ก็เพราะเหตุนี้
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รู้ว่าความคิดนี้ละโมบไปบ้าง แต่เขารู้ว่าซีหลิงนำม้าศึกห้าพันตัวออกมาแลก หากไม่ได้มาก็คงปวดใจจนนอนไม่หลับ!
อย่างไรก็คงไม่อาจให้เชื้อพระวงศ์ชนชั้นสูงศักดิ์เลือกบุตรีของตนมาเป็นองค์หญิงหลอกเอาม้าศึกกระมัง
นับประสาอันใดกับราชาซีหลิงที่รวบรวมแผ่นดินซีหลิงเป็นหนึ่งก็มิใช่ศัตรูตัวฉกาจ แต่ในใจเขาเองรู้สึกไม่ดีหากต้องนำภรรยาและบุตรมาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์
ตอนแรกเขาไม่เคยคิดว่าจะเป็นฮ่องเต้ เพียงแต่แผ่นดินวุ่นวาย เขาต้องการปกป้องครอบครัว ผ่านไประยะหนึ่งจึงจำต้องหยิบดาบขึ้นสู้ ราษฎรลำบากยากจน ต้องขายบุตรสาวและภรรยาเพื่อให้มีชีวิตรอดเป็นเรื่องจนปัญญา แต่หากเป็นฮ่องเต้แล้ว ยังต้องนำบุตรสาวไปแลกผลประโยชน์ คงเรียกได้ว่าสมองมีปัญหา
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับว่าเขารักบุตรสาวหรือไม่ แต่เป็นเรื่องรับไม่ได้เพียงอย่างเดียวจริงๆ
“เรื่องนี้ยากอยู่สักหน่อยจริงๆ ขุนนางทุกท่านกลับไปลองคิดดูหน่อย หากคิดวิธีได้ ก็จะช่วยเราแก้ไขความกลัดกลุ้มได้”
บรรดาขุนนางต่างมีสีหน้าสับสน ในใจคิดว่าฮ่องเต้จะทรงกลัดกลุ้มอันใด ในเมื่อไม่ทรงยินดีให้องค์หญิงอภิเษกไป เช่นนั้นม้าศึกห้าพันตัวก็เป็นของซีหลิงดังเดิม เกี่ยวอันใดกับพวกเรา
“ความคิดของเรา หวังว่าขุนนางทุกท่านอย่าได้แพร่ออกไป” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสเตือนแล้วก็ปล่อยบรรดาขุนนางกลับไป ให้ซินโย่วอยู่ต่อ
“อาโย่วเข้าวังมามีเรื่องอันใดหรือ”
“ไม่มีเพคะ” ซินโย่วส่ายหน้าอารมณ์ดีไม่เลว
ผลเช่นนี้เป็นผลที่นางคิดไม่ถึง และทำให้นางรู้สึกว่าบางทีคนผู้นี้อาจพึ่งพาเชื่อถือได้บ้าง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้นิ่งมองซินโย่วทีหนึ่ง แย้มสรวลตรัสว่า “มาพูดแทนพระสนมลี่ผินหรือ”
“เพียงแค่อยากรู้การตัดสินพระทัยของฝ่าบาทเพคะ”
“ตอนนี้รู้แล้ว?” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้หัวเราะเบาๆ พลันถอนพระปัสสาสะ “อาโย่ว เจ้าช่วยเราคิดหน่อย มีวิธีการดีหรือไม่”
“เพคะ”
ซินโย่วออกจากวังแล้วก็กลับสำนักฮั่นหลินย่วน พอเลิกงานก็เดินออกมา เดินออกมาได้ไม่ไกลก็เห็นอ๋องเป่ารื่อยืนอยู่ริมทาง
อ๋องเป่ารื่อเห็นซินโย่วก็รีบพุ่งปรี่เข้ามา “คุณหนูซิน!”
เสียงเขาดังไม่น้อย ทำให้ขุนนางที่เลิกงานกันหลายคนมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
อ๋องเป่ารื่อก้าวมาตรงหน้าซินโย่ว คำนับนางทีหนึ่ง “เมื่อวานข้าถามใต้เท้าจี้จึงได้รู้ว่าคุณหนูซินไม่เพียงแต่เปิดร้านหนังสือใหญ่เพียงนั้น ยังดำรงตำแหน่งขุนนางในสำนักฮั่นหลินย่วน ข้าเลื่อมใสยิ่ง”
ซินโย่วขมวดคิ้ว
เมื่อวานถามชื่อแซ่นาง วันนี้มารอนางที่หน้าประตูที่ทำการ คนผู้นี้แท้จริงมีจุดประสงค์ใดกันแน่
“ราชทูตมีธุระหรือ”
“ข้าอยากขอเชิญคุณหนูซินรับประทานอาหาร ไม่ทราบว่าคุณหนูซินให้เกียรติได้หรือไม่”
บรรดาขุนนางที่กำลังเงี่ยหูฟังได้ยินก็สบตากันอย่างคลุ้มคลั่ง
เกิดอันใดขึ้น เหตุใดราชทูตเอกซีหลิงจะมาหาซินไต้จ้าวให้ได้
“ข้ายังมีธุระ เกรงว่าไม่สะดวก”
“เช่นนั้นหรือ” อ๋องเป่ารื่อเผยสีหน้าผิดหวัง “เช่นนั้นรอให้คุณหนูซินว่างค่อยว่ากัน”
ต้องการชนะใจสาวงามในดวงใจ ย่อมไม่อาจตามตื๊อมากเกินไปทำให้คนเขารำคาญใจ
เห็นอ๋องเป่ารื่อจากไปอย่างไม่ดึงดัน ซินโย่วก็ส่ายหน้าไม่คิดมากอีก เดินต่อไปไม่สนใจสายตารอบข้าง
ไม่ว่าคนผู้นี้คิดทำอันใด ทหารมาแม่ทัพต้าน น้ำมาดินอุดก็แล้วกัน
ทั้งสองเดินจากไปแล้ว บรรดาขุนนางที่ได้เห็นภาพนี้ต่างพากันสอบถามไปมา คำพูดที่วันนี้ซินโย่วได้ตำหนิพวกเสนาบดีกรมพิธีการก็แพร่ออกไป
ยามนี้ไขคำถามที่สงสัยกันได้แล้ว
ซินไต้จ้าวคัดค้านที่ราชวงศ์ต้าซย่าจะให้องค์หญิงแต่งไปซีหลิง อ๋องเป่ารื่อกำลังคิดจัดงานเลี้ยงสังหารไว้รอต้อนรับซินไต้จ้าว!
จากนั้นคำพูดที่ซินโย่วพูดไปก็ทำให้ทุกคนตกใจ ถึงกับกล้าด่าขุนนางที่ออกความคิดเห็นให้ยอมรับข้อเสนอว่าดังสุนัขผายลม ถามว่าภาระหน้าที่องค์ชายกับองค์หญิงแลกเปลี่ยนกันได้หรือไม่ องค์หญิงสืบทอดราชบัลลังก์ องค์ชายไปอภิเษกเชื่อมไมตรี
ซินไต้จ้าวช่างกล้าพูดจริง ฮ่องเต้ไม่กริ้วหรือ
ตำหนักฟางหนิงกง พระสนมลี่ผินได้ยินก็ตกตะลึงไปเป็นนาน กอดองค์หญิงเสวียนร่ำไห้เงียบๆ
องค์หญิงเสวียนเองก็ตกใจนิ่งอึ้ง ยังตั้งสติกับคำพูดของซินโย่วไม่ได้
นางใช้คำว่าภาระหน้าที่เกลี้ยกล่อมตนเองหลายครั้ง บังคับให้ตนเองยอมรับความจริง องค์หญิงมิใช่ว่าควรต้องเสียสละหรอกหรือ
ตำหนักบรรทมอีกตำหนัก พระสนมหุ้ยเฟยดึงมือบุตรสาวสองคนไว้ซ้ายขวา พึมพำว่า “ยังดี พวกเรามีองค์หญิงเช่นนี้”
เสนาบดีกรมพิธีการกลับโมโหจนกระทืบเท้า “ผู้ใดแพร่ออกไป เป็นผู้ใดแพร่ออกไปกัน!”