สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 380 รักแรกพบ
ตอนที่ 380 รักแรกพบ
……….
สองแผ่นดินเพื่อนบ้านต้าซย่า เป่ยหนิงเป็นชาวเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนแท้จริง ซีหลิงเป็นแคว้นเกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์
บรรยากาศการอ่านหนังสือของซีหลิงไม่เหมือนต้าซย่า แต่ทว่าร้านหนังสือก็มีไม่น้อย อ๋องเป่ารื่อไม่เคยเห็นร้านหนังสือไหนมีคนต่อแถวยาวออกมานอกถนนเช่นนี้มาก่อน
“ร้านหนังสือแผ่นดินท่านได้รับความนิยมเพียงนี้เลยหรือ”
ขุนนางยิ้มเอ่ยว่า “มิได้ มีเพียงตอนออกจำหน่ายหนังสือเล่มใหม่ของร้านหนังสือชิงซงจึงจะเป็นเช่นนี้”
อ๋องเป่ารื่อสีหน้าแปลกใจ “อ้อ จำหน่ายหนังสืออันใดหรือ”
ได้ยินว่าราชวงศ์ต้าซย่ามีพวกนิทานภาพเหมือนจริงมาก ชาวซีหลิงพวกเขาแอบสะสมกันไม่น้อย
ขุนนางรอยยิ้มแข็งค้าง มองอ๋องเป่ารื่ออย่างสงสัยทีหนึ่ง
อ๋องต่างแดนนี้กำลังคิดอันใด
“ชื่อว่า ‘บันทึกตะวันตก’”
“เรื่องราวเป็นอย่างไร” อ๋องเป่ารื่อยิ่งรู้สึกอยากรู้มากยิ่งขึ้น เดินไปทางนั้นพลางถามไปด้วย
ขุนนางเริ่มเล่าอย่างออกรส
อ๋องเป่ารื่อฟังจนเคลิ้ม พอขุนนางเล่าจบก็รีบถาม “จากนั้นเล่า”
ขุนนางยิ้มกว้าง “ต้องซื้อหนังสือเล่มใหม่จึงจะรู้เรื่องราวจากนั้นได้”
อ๋องเป่ารื่อรีบเร่งฝีเท้าทันที
อ๋องเป่ารื่อนำผู้ติดตามมาราชวงศ์ต้าซย่า นอกจากขุนนางสำนักหงหลูท่านนี้ยังมีองครักษ์ติดตามมาด้วยไม่น้อย ทั้งขบวนเดินไปอย่างอลังการ ไม่เข้าแถว แต่ตรงไปทางประตูร้านหนังสือ
คนที่เข้าแถวต่างพากันร้องตะโกน “เหตุใดไม่เข้าแถว!”
คนมาซื้อหนังสือร้านหนังสือชิงซงมีทั้งชนชั้นสูงและคหบดีมากมาย หากแซงแถวกันทุกคนจะได้อย่างไร
ขุนนางสำนักหงหลูแสร้งทำไม่ได้ยินเสียงไม่พอใจเหล่านี้ อ๋องเป่ารื่อเองก็คิดว่าการแซงแถวเป็นเรื่องปกติ ที่ซีหลิง ราษฎรทั่วไปส่งเสียงโวยวายต่อชนชั้นสูงก็จะถูกจับตัว
“รบกวนท่านไปต่อแถวด้านหลังด้วยขอรับ” หลิวโจวยิ้มกว้างพลางเอ่ยเตือนอยู่หน้าประตู
ขุนนางกระแอมไอ “นี่คือท่านอ๋องจากซีหลิง เป็นอาคันตุกะพิเศษ”
หลิวโจวยังคงยิ้มสุภาพ “รบกวนท่านไปต่อแถวด้วยขอรับ”
ขุนนางขมวดคิ้ว “นี่คืออาคันตุกะพิเศษจากซีหลิง พวกเราควรต้อนรับด้วยมิตรภาพ”
ได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ หลิวโจวก็เริ่มไม่แน่ใจ กำลังเตรียมจะปล่อยให้เข้าไป ก็มีเสียงเอะอะดังขึ้น
คนที่กำลังเข้าแถวต่างส่งเสียงดังขึ้น “คุณหนูซิน”
ขุนนางสำนักหงหลูกับอ๋องเป่ารื่อหันไปพร้อมกัน
สาวน้อยที่เดินเข้ามาอยู่ในชุดเสื้อขาวกระโปรงเขียว รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้างามกระจ่าง การแต่งกายเรียบง่ายแต่กลับทำให้งดงามดึงดูดจิตใจให้ไหวหวั่น
อ๋องเป่ารื่ออึ้งมองสาวน้อยที่ก้าวเข้ามา ในใจคิดว่าคุณหนูท่านนี้คุ้นหน้าจริง คล้ายว่าเคยพบเห็นที่ใดมาก่อน
แต่นี่คือหญิงสาวต้าซย่า จะเคยพบเห็นมาก่อนได้อย่างไร
หรือว่าคู่ครองฟ้าประทาน จึงได้รู้สึกเหมือนเคยพบเห็นมาก่อนได้เช่นนี้
พอความคิดนี้ผุดขึ้นมา ก็ราวกับดาวเพลิง[1]แผดเผาลุกโชนไม่อาจระงับความคิดได้อีก
ซินโย่วก้าวมาตรงหน้ารวดเร็ว “เกิดเรื่องใดขึ้น”
เมื่อครู่ขุนนางยังวางท่าทางใหญ่โต แต่พอพบกับซินโย่วก็พลันอ่อนยวบลงทันที ยิ้มกว้างเอ่ยว่า “ข้าน้อยจี้ผิง รองเจ้ากรมสำนักหงหลู ท่านนี้คืออ๋องเป่ารื่อ ราชทูตเอกซีหลิง อ๋องเป่ารื่อสนใจ ‘บันทึกตะวันตก’ อย่างมาก คิดจะซื้อสักเล่มหนึ่ง”
“อ้อ” ซินโย่วหันไปมอง “เช่นนั้นก็ต้องเข้าแถว”
ในใจรองเจ้ากรมจี้คิดว่าคุณหนูซินผู้นี้เหตุใดความคิดไม่ฉับไว แต่ไม่กล้าเอ่ยวาจาล่วงเกิน “อ๋องเป่ารื่อเป็นราชอาคันตุกะที่พวกข้าน้อยต้องต้อนรับให้ดี คนเข้าแถวมากมายเช่นนี้ คุณหนูซินอำนวยความสะดวกสักหน่อยได้หรือไม่”
ซินโย่วมองอ๋องเป่ารื่อทีหนึ่ง เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ร้านหนังสือชิงซงเป็นเพียงร้านเล็กๆ มิอาจรับภาระต้อนรับดูแลราชอาคันตุกะต่างแคว้นได้ ในฐานะพ่อค้า จะใช้เหตุผลใดให้คนในแคว้นตนรักษาธรรมเนียม หากไม่เรียกร้องเงื่อนไขนี้จากชาวต่างแคว้น”
กล่าวได้ถูกต้อง ร้านหนังสือเป็นร้านขายของ พวกเขาไม่ใช่เจ้าของร้าน แม้แต่ลูกค้าของตนเองก็ล้วนต้องเข้าแถวให้เรียบร้อย พอมีแขกต่างแคว้นมากลับให้แซงแถวได้ นี่มิใช่เรื่องต่ำทรามหรอกหรือ
ในใจรองเจ้ากรมจี้ไม่พอใจ แต่สีหน้ายังคงต้องรักษาไว้ “คุณหนูซินกล่าวได้ถูกต้อง”
แต่ทว่าหากมิใช่มีตัวอย่างสหายขุนนางโดนจำคุก เขาจะต้องขอถกเหตุผลสักครั้ง
ตอนนี้? แค็กๆ ตอนนี้เรียกว่ารู้ความจึงเป็นวีรชน
เขามองอ๋องเป่ารื่ออย่างลำบากใจ “ราชทูต…”
อ๋องเป่ารื่อไม่ได้ฟังคำพูดรองเจ้ากรมจี้แม้แต่น้อย สายตาจับจ้องมองแต่เพียงซินโย่ว คำนับนางตามธรรมเนียมซีหลิงทีหนึ่ง “ข้าเป่ารื่อ ไม่ทราบว่าคุณหนูชื่อเสียงเรียงนามใด”
ซินโย่วขมวดคิ้วเล็กน้อย
ราชทูตซีหลิงผู้นี้จ้องนางตาไม่กะพริบ ท่าทางเหมือนพยายามจดจำหน้าตาของนางเอาไว้ ยังถามชื่อแซ่นาง หรือว่าคิดจะไปฟ้องคนผู้นั้น
ในฐานะคุณหนูที่แต่งกายเป็นชายออกเดินทางท่องเที่ยวคนหนึ่ง ซินโย่วไม่มีโอกาสสั่งสมประสบการณ์รักแรกพบและหลงใหลความงามแรกพบประเภทนี้แม้แต่น้อย
“ข้าแซ่ซิน เป็นเจ้าของร้านร้านหนังสือชิงซง เชิญราชทูตตามสบาย” ซินโย่วกล่าวจบก็เดินเข้าร้านหนังสือ
อ๋องเป่ารื่อก้าวตามเข้าไปอย่างไม่รู้ตัว ถูกรองเจ้ากรมจี้ดึงไว้ “ท่านราชทูต ไปเข้าแถวก่อนเถอะ”
“เข้าแถวก็จะได้พบคุณหนูท่านนั้นหรือ” อ๋องเป่ารื่อถามขึ้นเบาๆ
รองเจ้ากรมจี้พยักหน้าด้วยสีหน้าลำบากใจ
คุณหนูซินมองไม่ออก แต่เขามองออก
เดิมได้รับคำสั่งจากไทเฮา ให้เขาพยายามสร้างโอกาสให้อ๋องเป่ารื่อพบกับซินโย่ว จากนั้นไม่ว่าเกิดเหตุขัดแย้งหรือว่าเกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน ก็นับว่าเขาบรรลุภารกิจแล้ว
คาดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่พบกัน ภารกิจก็บรรลุไปเกินครึ่งแล้ว
อ๋องเป่ารื่อยืนอยู่ท้ายแถวถามไม่หยุด
“ร้านหนังสือการค้ารุ่งเรืองเพียงนี้ คุณหนูซินเป็นเจ้าของร้านจริงหรือ”
“คุณหนูซินเป็นบุตรสาวตระกูลใด”
…
รองเจ้ากรมจี้หัวเราะดังเอ่ยว่า “คุณหนูซินไม่เพียงแค่เป็นเจ้าของร้านร้านหนังสือชิงซง นางยังเป็นผู้เขียน ’บันทึกตะวันตก’…”
เรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับซินโย่วพวกนี้ แม้เล่าด้วยน้ำเสียงปกติก็เพียงพอจะดึงดูดใจผู้คนแล้ว นับประสาอันใดกับรองเจ้ากรมจี้จงใจเล่า
อ๋องเป่ารื่อยิ่งฟัง ดวงตาก็ยิ่งเปล่งประกาย หัวใจก็ยิ่งเต้นเร็ว
หญิงสาวที่หน้าตางดงามและน่าสนใจผู้นี้ เขาชอบ! ที่สำคัญก็คือถูกชะตาแต่แรกเห็น คล้ายว่าเคยพบกันในฝันมาก่อน
รองเจ้ากรมจี้ได้แต่คิดว่าอ๋องหนุ่มต่างแดนผู้นี้หลงใหลความงามของซินโย่ว ไม่รู้ว่าประเด็นหลักนั้นเป็นเพราะซินโย่วหน้าตาเหมือนเหมือนฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ต่างหาก
เพื่อบรรลุภารกิจของไทเฮา เขาไม่ได้บอกสถานะแท้จริงของซินโย่วออกไป เดิมสถานะของซินโย่วก็มิได้ประกาศทั่วไป วันหน้าจะอย่างไร ก็ไม่นับว่าเขามีความผิด
ในที่สุดก็เข้าไปในร้านหนังสือได้ อ๋องเป่ารื่อมองซ้ายมองขวา ก็ค้นหาเงาร่างนั้นไม่พบ
ขณะกลับที่พัก อ๋องเป่ารื่อก็ถามขึ้น “คุณหนูซินไปร้านหนังสือชิงซงทุกวันไหม”
“มิได้ คุณหนูซินเป็นไต้จ้าวสำนักฮั่นหลินย่วน หากไม่ใช่วันหยุดก็จะไปที่ทำการ”
อ๋องเป่ารื่อได้ยินก็ดีใจ
หญิงสาวดำรงตำแหน่งขุนนางได้ย่อมมิใช่พวกขลาดกลัว เขาแสดงออกอย่างเปิดเผยได้
เดิมเขาไม่คิดร้อนใจเช่นนี้ แต่เขามีเวลาอยู่แคว้นต้าซย่าอีกไม่นานแล้ว หากไม่รีบเอาชนะใจคุณหนูซินก็คงต้องกลับซีหลิงแล้ว
ขณะซินโย่วจากร้านหนังสือกลับจวนซิน ก็มีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา
“บ่าวเป็นขันทีพระสนมลี่ผิน พระสนมอยากขอสนทนากับคุณหนูซิน”
ซินโย่วมองใบหน้าขันทีที่แสดงท่าทีเคารพนบนอบทีหนึ่งก็เอ่ยน้ำเสียงเข้มว่า “เข้ามาคุย”
นางพอจะรู้แล้วว่าเรื่องอันใด
ดังคาดพอเข้าไปในห้องโถงรับแขก ขันทีก็คุกเข่าลงทันที ยังไม่ทันเอ่ยอันใด ก็โขกศีรษะให้ซินโย่วทีหนึ่ง
[1] ดาวอังคาร