สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 378 ราชทูตมาเยือน
ตอนที่ 378 ราชทูตมาเยือน
……….
“คุณหนู นี่คืออันใดหรือขอรับ”
ซินโย่วยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ได้ให้เจ้า”
หัวหน้าหกโล่งอก “ยังดีๆ”
หากให้เขาจริง เขากลัว
“ออกเดินทางไปเป็นทูต ต้องไปที่เมืองกว่างเฉิงก่อน แล้วค่อยออกเดินทางจากท่าเรือที่นั่น กว่างเฉิงการค้าทางทะเลเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่ราชวงศ์ก่อน ที่นั่นมีช่างต่อเรือที่มีความสามารถสูงที่สุด พี่หก พอพี่ถึงกว่างเฉิง ก็ใช้เงินเหล่านี้สั่งจองต่อเรือใหญ่ที่ออกทะเลได้ลำหนึ่ง ให้ลูกน้องที่ไว้ใจได้เฝ้าอยู่ที่กว่างเฉิง” กล่าวถึงตรงนี้ น้ำเสียงซินโย่วก็จริงจังขึ้นมา “พี่หก จดจำไว้ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของราชสำนัก แต่เป็นเรื่องของพวกเราเอง…”
หัวหน้าหกรู้สึกตกใจอยู่บ้าง “คุณหนูคิดจะออกทะเลหรือ”
เสี่ยวเหลียนเองก็มองมาด้วยสายตาตื่นตกใจเช่นกัน
“ตอนนี้ยัง แต่ข้าเคยได้ยินท่านแม่เล่าถึงทิวทัศน์โพ้นทะเล พี่หกไปครั้งนี้จะได้เห็นด้วยตาตนเอง บางทีมีศิลปวิทยาการและสมบัติหลายอย่างควรค่าแก่การศึกษาและนำกลับมา วันหน้าไม่แน่การออกทะเลอาจเป็นเรื่องปกติ พวกเรามีเรือของตนเองสักลำ นับว่าเตรียมความพร้อมไว้ก่อน”
“คุณหนูคิดการได้รอบคอบมาก ท่านวางใจ ข้าน้อยจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย” หัวหน้าหกรีบแสดงท่าทีรับคำ
พอหัวหน้าหกกลับไปแล้ว เสี่ยวเหลียนก็อดเอ่ยเตือนไม่ได้ “คุณหนู เงินก้อนโตเพียงนั้นมอบให้พี่หก เขาเดินทางไกล ท่านไม่กลัวเขาหนีไปหรือ”
“ในฐานะทูตคนหนึ่ง จะต้องลงทะเบียนในรายชื่อ ถึงตอนนั้นก็จะเดินทางไปกว่างเฉิงพร้อมกับคณะทูต คิดจะนำเงินก้อนโตหนีไปไม่ง่ายเพียงนั้น จะว่าไป เชื่อคนไม่ลังเล ลังเลไม่ใช้คน”
“ก็จริง คุณหนูมองคนแม่นยำ” เสี่ยวเหลียนปากเอ่ยเช่นนี้ แต่ในใจเริ่มระวังภัย
คุณหนูไว้ใจเจ้าหมอนั่นจริง!
ซินโย่วหัวเราะไม่เอ่ยอันใดอีก
คบหากันมานานเพียงนี้ นางเชื่อใจหัวหน้าหกจริง แต่ทว่าก็จะเขียนจดหมายถึงใต้เท้าเฮ่อ ขอให้เขาจัดทหารกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่ประจำกว่างเฉิงจับตาความเคลื่อนไหวของหัวหน้าหก เช่นนี้หากหัวหน้าหกปะสบเหตุยุ่งยากใดก็จะได้ช่วยเหลือได้ พร้อมกับคอยจับตาดูไปด้วย
ยังไม่ผ่านเดือนหนึ่ง เฮ่อชิงเซียวก็ได้รับจดหมายจากซินโย่ว
เขาอ่านทวนไปมาหลายรอบ สายตามองไปยังทางใต้
อาโย่วจะเดินทางออกทะเลหรือ
“ใต้เท้า ทางเหนือมีโรงนาแห่งหนึ่งเกิดเรื่องแล้ว”
“เกิดเรื่องอันใด” เฮ่อชิงเซียวเก็บจดหมายเรียบร้อยก็ลุกขึ้น
“ขุนนางที่นั่นจะขึ้นค่าเช่า…”
“ไปดูกัน”
เจ้าหน้าที่ทางการนำโดยเฮ่อชิงเซียวขี่ม้าตรงไปยังโรงนาแห่งนั้น
อีกไม่นานก็จะเข้าสู่เดือนสองแล้ว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มีราชโองการส่งราชทูตออกเดินเรือสมุทร ตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์ต้าซย่ามายี่สิบกว่าปี ตอนราชสำนักรุ่งเรือง สองสามปีหรืออาจสี่ห้าปีก็จะส่งคนเดินทางออกไปดินแดนโพ้นทะเล ติดต่อกับดินแดนต่างๆ ไม่มีใครคิดว่าการออกทะเลครั้งนี้จะมีอันใดแตกต่าง
อ้อ ได้ยินว่าคณะทูตมีคนของซินไต้จ้าว คนที่สังเกตเรื่องนี้อยู่ไม่ได้คิดมากนัก ในจำนวนนี้มีคนที่เกลียดซินโย่วเพราะเกลียดนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ ก็ได้แต่พากันด่าทอสักสองสามคำ นังเด็กนี่จุ้นจ้านไปทุกเรื่อง ไหนเลยจะดำรงธรรมเนียมดีงาม
แน่นอนคำพูดนี้เพียงแค่กล้ากล่าวกันลับหลังเท่านั้น ตั้งแต่ซินโย่วปะทะไทเฮาไม่เสียเปรียบ บรรดาขุนนางก็จะไม่เซ่อซ่าวิ่งไปกล่าววาจาให้ร้ายองค์หญิงต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้
ตอนเดือนสองซินโย่วไม่เพียงแต่รับจดหมายตอบกลับจากเฮ่อชิงเซียว ยังได้รับของล้ำค่าทางเหนืออีกด้วย
ขนสัตว์ต่างๆ โสมภูเขา เห็ดขอนสนและของล้ำค่าอื่นๆ คุณภาพล้วนชั้นเลิศ
“คุณหนู นี่คือของที่เจ้าแปดให้คนส่งมาเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหลียนลูบขนเพียงพอนม่วงอย่างไม่ยอมปล่อยมือ
แม้ของขวัญปีใหม่ของเจ้าแปดมอบให้คุณหนูช้าอยู่สักหน่อย แต่ก็ถือว่าสูงค่า นึกถึงของขวัญปีใหม่ใต้เท้าเฮ่อ… แค็ก ๆ ไม่อาจเทียบกันเช่นนี้ ของใต้เท้าเฮ่อเรียกว่า ‘พันลี้มอบขนนก’ น้ำใจใช่ราคา
ตั้งแต่พบความในใจของซินโย่ว เสี่ยวเหลียนก็ยอมให้ใต้เท้าเฮ่อมากเป็นพิเศษ
“ไม่เพียงแต่เจ้าแปดมอบให้” ซินโย่วชี้ไปที่ขนพังพอนม่วงที่เสี่ยวเหลียนลูบอยู่ “ของเหล่านี้เป็นของจากหย่งอันป๋อ”
เสี่ยวเหลียนเป็นคนฉลาด ได้ยินก็ยิ้มเอ่ยว่า “เช่นนั้นนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่จะต้องผลักดันได้อย่างราบรื่น”
นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ราบรื่น ไม่แน่ใต้เท้าเฮ่อจะได้กลับมาเร็วอีกสักหน่อย คุณหนูก็จะเบิกบานใจอีกสักหน่อย
ซินโย่วกลับรู้ว่า แม้นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ราบรื่น เฮ่อชิงเซียวกก็คงไม่กลับมาเร็วๆ นี้ อย่างน้อยก็ต้องรอให้เก็บภาษีฤดูร้อนก่อน จะได้นำผลสำเร็จหลังจากดำเนินนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่กลับมา
จากนั้นวันเวลาก็นับว่าสงบเงียบดี ต้นอิงเทาออกดอกสีแดง ใบกล้วยเขียวขจี พอถึงเดือนหน้า คณะทูตจากซีหลิงที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแผ่นดินต้าซย่าก็มาถึง
ซีหลิงเกิดเหตุจลาจลภายในหลายปี แบ่งแยกออกเป็นหลายฝ่าย ในที่สุดสามเดือนก่อนก็รวมเป็นเป็นหนึ่งได้ ผู้ที่เดินทางมาเป็นทูตที่ต้าซย่าครั้งนี้ก็คือน้องชายร่วมอุทรกับราชาซีหลิงพระองค์ใหม่ ชื่อว่าเป่ารื่อ
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงให้ความสำคัญต่อการมาของราชทูตซีหลิงอย่างมาก
ทางเหนือของต้าซย่าก็คือเป่ยหนิง สงครามสองแผ่นดินไม่เคยหยุดหย่อนมาตั้งแต่อดีต ทางตะวันออกของซีหลิงติดกับเป่ยหนิง ทางตะวันออกเฉียงใต้ก็คือชายแดนต้าซย่า เพราะเกิดเหตุจลาจลภายในจึงไม่อาจสนใจเรื่องอื่น หลายปีมานี้จึงไม่ได้เข้าร่วมศึกสามแผ่นดิน
แต่ทว่าตอนซีหลิงกำลังเกิดเหตุจลาจลภายใน ผืนแผ่นดินภาคกลางอันอุดมสมบูรณ์นี้ก็เป็นที่จับจ้องมองหลายฝ่าย
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อยากรู้จุดประสงค์ที่ซีหลิงสยบเหตุจลาจลภายในได้ก็รีบส่งราชทูตมาต้าซย่า
“กระหม่อม เป่ารื่อ ถวายบังคมฝ่าบาท”
“ไม่ต้องมากพิธี” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สุรเสียงสุภาพ แววพระเนตรจับจ้องมองประเมิน
น้องชายร่วมอุทรของราชาซีหลิงผู้นี้อายุราวยี่สิบต้นๆ รูปร่างสูงสง่า โครงหน้าลึก หน้าตามิได้ขี้ริ้วขี้เหร่
เป่ารื่อลุกขึ้นทูลเสียงดังกังวานว่า “แผ่นดินเราเกิดเหตุหลายปี หลายเดือนก่อนเสด็จพี่กระหม่อมนำกำลังปราบปรามก่อเกิดสันติสุขได้ในที่สุด เสด็จพี่กระหม่อมส่งกระหม่อมมาเยือนแผ่นดินท่าน เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีสองแผ่นดินต่อไป…”
พอได้ยินว่าไม่เหมือนว่ามาหาเรื่อง รอยแย้มสรวลของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็จริงใจเพิ่มขึ้นอยู่ไม่น้อย ตรัสพระดำรัสตามมารยาทอยู่สองสามคำแล้วก็จัดงานเลี้ยงต้อนรับที่ตำหนักเฉียนชิงกง
เสียงดนตรีบรรเลง สาวงามมากมาย ขณะกำลังแสดงร่ายรำขับร้อง ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ตรัสถามสถานการณ์ในซีหลิง เป่ารื่อทูลตอบทีละคำถาม
พอดื่มสุราไปสองสามจอก เป่ารื่อก็เอ่ยถึงจุดประสงค์ที่มา “แผ่นดินพระองค์เป็นแผ่นดินแห่งธรรมเนียมประเพณี เสด็จพี่รู้สึกเลื่อมใสมาโดยตลอด ตอนนี้ซีหลิงสงบแล้ว เสด็จพี่ส่งกระหม่อมมาแผ่นดินพระองค์ก็เพื่อขออภิเษกองค์หญิงแผ่นดินต่าซย่าไปเป็นฮองเฮา”
พอเอ่ยเช่นนี้ออกมา ในตำหนักพลันเงียบกริบไร้สำเนียง
ต้องการอภิเษกกับองค์หญิงราชวงศ์ต้าซย่าพวกเขาเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี? บรรดาขุนนางสีหน้าดำทะมึนทันที
ต้องการแต่งบุตรสาวเขาเชื่อมไมตรี? สีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยิ่งดำทะมึน
เป่ารื่อรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที คล้ายว่าราชทูตซีหลิงเช่นเขาจะถูกชาวต้าซย่ากระหน่ำฟันตาย
เป่ารื่อเป็นราชทูตแทนราชาซีหลิงมาเพื่อภารกิจสำคัญขออภิเษกองค์หญิงราชวงศ์ต้าซย่า ย่อมมิได้โง่เขลา รีบกล่าวต่อทันที “เสด็จพี่จริงใจต้องการขออภิเษกองค์หญิงแผ่นดินต้าซย่า ยินดีมอบม้าศึกห้าพันตัวเป็นของหมั้นหมาย”
เสียงสูดลมหายใจดังขึ้น ถึงกับมีคนตกใจจนเกือบชนจอกสุราร่วง
ห้าพันตัว!
หากไม่รู้ความสำคัญของม้าศึกห้าพันตัวต่อต้าซย่า ก็นำตัวเลขมาเปรียบเทียบให้เข้าใจกระจ่างได้ ตอนนี้ม้าศึกในต้าซย่ายังไม่ถึงห้าหมื่นตัว!
เดิมม้าของซีหลิงก็แข็งแรงสูงใหญ่กว่าม้าของต้าซย่า ม้าห้าพันตัวจากซีหลิง… เพียงแค่คิด คนไม่น้อยต่างก็สีหน้าดีขึ้น ไม่รู้สึกถึงบรรยากาศคุกรุ่นอีกแล้ว ลอบกลืนน้ำลายมองปฏิกิริยาฮ่องเต้
การอภิเษกเชื่อมไมตรีเป็นเรื่องหมิ่นเกียรติ แต่หมั้นหมายด้วยม้าศึกห้าพันตัวก็คือการขออภิเษกด้วยความจริงใจ
หากราชวงศ์ต้าซย่าได้ม้าศึกชั้นดีห้าพันตัว พวกเป่ยหนิงที่มักก่อกวนชายแดนก็คงผ่อนคลายลงไม่น้อย
ขณะอ๋องซีหลิงเป่ารื่อกำลังจ้องมองอยู่ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ตรัสขึ้นว่า “ราชทูตเพิ่งมาถึงต้าซย่า อย่าได้รีบร้อนเจรจาเรื่องเหล่านี้ พักผ่อนให้ดีๆ ก่อน เที่ยวอีกสองสามวันค่อยว่ากัน”
……….