สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 377 ภารกิจ
ตอนที่ 377 ภารกิจ
……….
ตอนซินโย่วออกจากวัง ขันทีหลายสิบคนยกของขวัญตามหลังออกไป นำของพระราชทานจากฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไปส่งจวนซิน
บรรดาขุนนางและชนชั้นสูงที่แอบจับตามองดูอยู่ก็พากันตกตะลึง ไม่เพียงแต่ไม่โดนตำหนิ แต่ยังพระราชทานของมากมายเช่นนี้ ซินไต้จ้าวมีสถานะในพระทัยฮ่องเต้เทียบเท่ากับไทเฮาหรือ
ของพระราชทานยิ่งใหญ่เพียงนี้ ไม่นานทางตำหนักฉือหนิงกงก็ได้รับข่าว
หลายวันนี้เดิมไทเฮายังวางท่าทีรอให้บุตรชายยอมอ่อนให้นาง ไม่คิดเลยว่ารออย่างไรบุตรชายก็ไม่มา แต่ได้ข่าวดังตบหน้าฉาดนี้มาแทน
ยามนี้ไทเฮาทนไม่ไหวอีกแล้ว ส่งคนไปทูลเชิญฮ่องเต้ซิงหยวนตี้
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้รับคำทูลเชิญก็เสด็จยังตำหนักฉือหนิงกง
“เสด็จแม่ต้องการพบข้า?”
ไทเฮานิ่งทอดพระเนตรฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทีหนึ่ง
ถูกต้อง เห็นชัดว่าคิ้วหนาตาโต ยังคงเป็นบุตรชายของนาง แต่เหตุใดเหมือนดังภูติผีบดบังจิตใจ
“ข้าได้ยินว่าวันนี้ซินโย่วเข้าวัง?”
“อืม” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้คาดไว้แล้วว่าไทเฮาต้องการพบเขาด้วยเรื่องนี้
“ยังพระราชทานของให้นางมากมาย?”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พยักพระพักตร์ “อาโย่วมีสติปัญญาและความสามารถ แบ่งเบาภาระให้ข้าได้ไม่น้อย ยังเป็นช่วงปีใหม่ ข้าจึงพระราชทานของเหล่านั้นให้นาง”
หากอาโย่วเป็นบุตรชาย เขาก็คงอบรมดังเช่นรัชทายาทไปนานแล้ว น่าเสียดายเป็นบุตรสาว แม้มีความดีความชอบเทียมฟ้า สิ่งที่เขาให้ได้ก็มีเพียงความรักและของพระราชทานที่มิได้มีค่าอันใดเหล่านี้เท่านั้น
อาจกล่าวได้ว่า ซินโย่วยิ่งแสดงประสบการณ์และความสามารถที่โดดเด่น ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ยิ่งเสียดาย ยิ่งเสียดายก็ยิ่งชดเชย
ไทเฮาไม่รู้ว่าเมื่อครู่ซินโย่วได้วางแผนเพื่ออนาคตอันรุ่งเรืองให้กับผู้ปกครองแผ่นดิน ย่อมไม่อาจเข้าใจความคิดของบุตรชาย
ความรักทะนุถนอมที่ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แสดงออกมาอย่างไม่รู้ตัวกลับดังยั่วยุให้นางยิ่งโมโห
“ฮ่องเต้ก็รู้ว่าปีใหม่ ฮ่องเต้… ตอนปีใหม่เด็กนั่นทำอันใดลงไป ฮ่องเต้ทรงลืมแล้วหรือ”
หลายปีมานี้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่เคยได้เห็นไทเฮาตรัสน้ำเสียงเช่นนี้ พลันนิ่งอึ้งไปทันทีก่อนตรัสว่า “เสด็จแม่บอกว่าเรื่องคืนวันส่งท้ายปี? ผ่านไปหลายวันแล้ว…”
ไทเฮากริ้วหนัก “เกี่ยวอันใดกับหลายวันหรือไม่”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ขมวดพระขนง “ข้าไม่รู้ว่าเสด็จแม่กริ้วเรื่องใด ทรงคิดว่าอาโย่วปรากฏตัวในงานเลี้ยงไม่เหมาะสม อาโย่วก็จากไปตามความประสงค์ของเสด็จแม่แล้วไม่ใช่หรือ”
“เช่นนั้นเรียกว่าตามประสงค์หรือ เห็นชัดว่าทำให้ข้าดูไม่ดี!” เดิมเก็บกดอัดกลั้นมาหลายวัน ไทเฮาคิดว่าบุตรชายจะมาเอาใจนาง กลับคิดไม่ถึงว่าบุตรชายมีจิตใจเอนเอียงไปทางนังเด็กป่าเถื่อนนั่น
นางเป็นมารดาแท้ๆ ของเขา ถึงกับสู้เด็กคนหนึ่งไม่ได้
ไทเฮากริ้วจนพระพักตร์มืด หลุดตรัสออกไปว่า “สรุป วันหน้าข้าไม่อยากเห็นนางอีก! อีกอย่างนางเป็นแค่หญิงสาว มีตำแหน่งขุนนางระดับเก้าไปขลุกอยู่กับบรรดาขุนนางทั้งวัน ใช้ได้อย่างไรกัน ฮ่องเต้ถือโอกาสที่ยังไม่สาย ยกเลิกตำแหน่งไต้จ้าวของนางเสีย วันหน้าจะได้สงบเสงี่ยม…”
บ่าวหญิงข้างกายเห็นสีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ผิดปกติ ก็แอบร้อนใจ
ไทเฮาเลอะเลือนแล้ว แม้เป็นแม่ลูก แต่ก็ไม่อาจคิดกล่าวอันใดก็กล่าวได้
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสพระสุรเสียงนิ่งเรียบ “เรื่องในราชสำนัก เสด็จแม่ก็มิต้องกังวลพระทัย”
“ฮ่องเต้…”
“เสด็จแม่อาจยังไม่ได้พักผ่อนให้ดี พระทัยร้อนรุ่ม วันหน้าก็พักผ่อนในตำหนักฉือหนิงกงให้ดี รอให้ข้ามีเวลาจะมาเยี่ยมเสด็จแม่” ตรัสจบ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็กวาดสายพระเนตรไปทางบ่าวรับใช้ข้างพระวรกายไทเฮา ตรัสพระสุรเสียงเตือนอย่างเห็นได้ชัด “หากมีคนเอาเรื่องของเรากับไทเฮาไปพูดเหลวไหลแพร่ออกไปนอกตำหนักฉือหนิงกง ก็จะตัดลิ้นทันที!”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสจบก็หันพระวรกายจากไปทันที มีเสียงดังขึ้นด้านหลัง “น้อมส่งฝ่าบาท”
ไทเฮาโมโหจนพระพักตร์มืด บ่าวหญิงเห็นแล้วก็รีบเข้ามาประคองเอาไว้
“ไทเฮา อย่าได้ทรงกริ้วเพคะ อย่าได้กริ้วจนทำลายพระพลานามัยเพคะ”
ไทเฮาผลักน้ำชาที่บ่าวหญิงส่งมาออก ตรัสถามด้วยสีพระพักตร์ดำทะมึนว่า “นังเด็กนั่นใช้วิธีการใดกันแน่ ถึงกับกล่อมให้ฮ่องเต้สะบัดพระพักตร์ใส่ข้าได้”
บ่าวหญิงไม่เข้าใจเช่นกัน ได้แต่คาดเดาว่า “อาจเพราะอยู่นอกวังมาหลายปี ทำให้ฮ่องเต้รู้สึกผิด จึงได้คิดชดเชยให้มากอีกสักหน่อยเพคะ”
“จะรู้สึกผิดชดเชยอย่างไร หรือว่าแม้แต่มารดาแท้ๆ ก็ไม่เห็นในสายตา” ไทเฮาคิดไม่ออก
ก็มิอาจตำหนิไทเฮาคิดไม่ออก ในสายตานาง ซินโย่วกับฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ชื่อว่าเป็นบิดาบุตรสาวแต่มิได้เลี้ยงดู กับบุตรชายหญิงอื่นก็มิได้ใส่ใจอันใด เด็กสาวบ้านป่าที่มิได้อบรมเลี้ยงดูมา เหตุใดจึงได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนี้
แต่ความจริงตอนซินโย่วเสนอนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ เรื่องเก็บภาษีตามขนาดพื้นที่ จนไปถึงของล้ำค่าที่เรียกว่ามันหวาน ท่าทีของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ต่อนางก็มิใช่เพียงแต่บิดาต่อบุตรสาวแล้ว แต่เป็น การให้ความสำคัญในฐานะผู้ปกครองแผ่นดินที่มีต่อบุคคลที่นำผลประโยชน์ยิ่งใหญ่มาสู่แผ่นดิน
หากไทเฮารับรู้ถึงคุณค่าและสถานะของซินโย่วอีกสถานะหนึ่ง ย่อมไม่แปลกใจกับท่าทียินยอมให้นางของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ที่เปลี่ยนไปจากเดิม
ซินโย่วเข้าวังครั้งนี้ได้สมดังประสงค์ ก็ส่งสายตาบอกให้เสี่ยวเหลียนมอบเงินรางวัลให้เหล่าขันทีให้มาก
“ขอบคุณคุณหนูซิน” พวกขันทีกลับวังอย่างดีใจ
เสี่ยวเหลียนมองประเมินของพระราชทานกองพะเนินตรงหน้า “คุณหนู วันนี้พระราชทานของให้ท่านมากมายเพียงนี้!”
“ลงบันทึกแล้วเอาไปเก็บเถอะ ใช่แล้ว ให้ผู้ดูแลส่งคนไปโรงนาอูอวิ๋น ตามพี่หกจูมาหน่อย”
หัวหน้าหกแซ่จู
ตามเจ้าหมอนั่นมาอีกแล้ว?
เสี่ยวเหลียนอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนรีบรับคำ
เพิ่งวันที่หกเดือนหนึ่ง โรงนาอูอวิ๋นยังคงกลิ่นอายปีใหม่ หม้อใหญ่แขวนอยู่บนกองไฟด้านนอก ต้มเนื้อติดกระดูกชิ้นใหญ่เดือดปุดๆ
พอได้รับจดหมายจากจวนซิน หัวหน้าหกก็พาพี่น้องสองคนกับหม้อเนื้อหม้อหนึ่งออกเดินทางทันที
“พี่เสี่ยวเหลียน” พอเห็นเสี่ยวเหลียน หัวหน้าหกก็ยกหม้อดินให้ด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
แววตาเสี่ยวเหลียนจ้องมองหม้อในมือหัวหน้าหก “นี่คืออันใด”
หัวหน้าหกหัวเราะแหะๆ เอ่ยว่า “หม้อดิน”
เขาตั้งใจนำซี่โครงต้มเสร็จตักใส่หม้อดิน จะได้เย็นช้า
“ข้ารู้ว่าหม้อดิน นะ…ในหม้อใส่อันใดไว้” เสี่ยวเหลียนชี้ไปที่หม้อดิน
หรือว่าเป็นกระต่ายน้อย!
“อา ในหม้อย่อมเป็นเนื้อ หอมเช่นนี้ พี่เสี่ยวเหลียนไม่ได้กลิ่นหรือ” หัวหน้าหกมองเสี่ยวเหลียนทีหนึ่งอย่างนึกสงสัย ก่อนเดินอ้อมนางเข้าไป
เสี่ยวเหลียนนิ่งค้างเติ่งอยู่กับที่ ได้ยินเสียงเริงร่าของหัวหน้าหกดังมาจากด้านหลัง “คุณหนู ข้าน้อยมาแล้ว! พอดีที่โรงนาต้มเนื้อ ข้าน้อยนำมาให้ท่านชิมหม้อหนึ่ง”
เสี่ยวเหลียนก้าวพรวดเข้ามารวดเร็วปานพายุ
หัวหน้าหกกำลังเปิดหม้อก็ชะงัก
เหตุใดเขารู้สึกว่าพี่เสี่ยวเหลียนเปล่งรัศมีพิฆาตกันนะ
ซินโย่วยิ้มถามว่า “เนื้ออันใด”
“เนื้อหมู ก้อนโตติดกระดูก ตุ๋นน้ำใสด้วย อย่าเห็นว่าไม่ได้ใส่เครื่องปรุงอันใด กินแล้วหอมไม่เลี่ยนเลย วันนี้พี่น้องโรงนาเราได้กินเนื้อกันสักคำ ข้าน้อยนำหม้อดินมาใส่ ห่อด้วยผ้านวมหนาอีกชั้น ตอนนี้ยังไม่เย็นเลย”
เสี่ยวเหลียน “…” เหตุใดโจรภูเขาเอาใจเก่งเช่นนี้ สมเหตุสมผลไหมนี่
“พี่หกมีน้ำใจแล้ว พอดีจะได้เพิ่มอาหารอีกจาน กินข้าวด้วยกันสิ”
พอกินอาหารกลางวันเสร็จ ซินโย่วเอ่ยถึงจุดประสงค์ที่ตามหัวหน้าหกมา
“อีกสักพัก ราชสำนักจะส่งราชทูตออกเดินทางไปยังแผ่นดินต่างๆ ทางเรือ มีภารกิจหนึ่งข้าคิดมอบให้พี่หก…”
หัวหน้าหกได้ฟังจบก็ดีใจจนยิ้มไม่หุบ
ภารกิจใหญ่มาแล้ว!
เจ้าแปดเพียงแค่พานักเล่าเรื่องขึ้นเหนือ พอฝืนเรียกว่ารับใช้ราชสำนักได้ หากเขาได้เป็นราชทูตตัวแทนราชวงศ์ต้าซย่าไปประเทศอื่น ก็เท่ากับเทวทูตเลยไหม!
“นอกจากภารกิจค้นหาของมีค่าแล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” ซินโย่วผลักกล่องเล็กหนึ่งออกไป
หัวหน้าหกเปิดออก ก็ตกใจเกือบทำกล่องร่วง
ถึงกับอัดแน่นไปด้วยตั๋วแลกเงิน!
……….