สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 376 ของล้ำค่า
ตอนที่ 376 ของล้ำค่า
……….
อากาศรอบตำหนักเฉียนชิงกงมีกลิ่นประทัดและดอกไม้ไฟกรุ่นกำจาย ปีใหม่ในวังก็เป็นเช่นนี้ ตั้งแต่ต้นปีไปจนถึงวันที่สิบห้าเทศกาลบัวลอย ทุกวันก็จะจุดประทัดเล่นพลุหน้าตำหนักเฉียนชิงกง
ซินโย่วก้าวเข้าไปในตำหนักเฉียนชิงกงด้วยสีหน้าสบายใจ ถวายคำนับฮ่องเต้ซิงหยวนตี้
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รู้สึกแปลกพระทัย
เขาคิดว่าอย่างน้อยอาโย่วก็ควรมีอารมณ์ไม่พอใจอยู่บ้าง
“ลุกขึ้นได้ พระราชทานเก้าอี้นั่ง”
ขันทียกเก้าอี้บุแพรมา ซินโย่วนั่งลงเงียบๆ
“อาโย่ว”
“เพคะ”
“งานเลี้ยงในครอบครัวคืนวันส่งท้ายปี ทำให้เจ้าอึดอัดแล้ว”
ซินโย่วเผยแววตาประหลาดใจ “ผ่านไปแล้วเพคะ หม่อมฉันลืมหมดแล้วเพคะ”
คำพูดนี้ทำให้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสต่อไม่ออก
เดิมคิดว่าพอปลอบใจอาโย่วแล้ว เขาก็จะกำชับอาโย่วว่าวันหน้าให้อดทนต่อเสด็จย่าหน่อย เสด็จย่าอย่างไรก็อายุมากแล้ว แต่ตอนนี้หากเอ่ยถึงอีก กลับกลายเป็นเขาไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไป
“ไทเฮาปากแข็งพระทัยอ่อน เจ้าอย่าได้เก็บมาใส่ใจ”
“เพคะ” ซินโย่วรับคำรวดเร็วมาก
แน่นอนว่านางจะไม่นำยายเฒ่าผู้นั้นมาใส่ใจ
“เช่นนั้นงานเลี้ยงในครอบครัววันหน้าต้องเข้าร่วมงานนะ” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เห็นซินโย่วคล้ายมิได้ดึงดันเอาชนะ ก็เอ่ยต่อ
ซินโย่วเหลือบตาขึ้นสบพระเนตรฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ น้ำเสียงสงบนิ่งอย่างมาก “หม่อมฉันคิดว่าไม่ควรปรากฏตัวในงานเลี้ยงในวังหลวง นี่คือความต้องการของไทเฮาเพคะ”
กว่าจะหาเหตุผลที่สมเหตุสมผลปฏิเสธได้ นางคงโง่เง่ามากหากรับปากไป
“ไทเฮาตรัสเพียงไม่กี่คำ…”
“ทำตามพระประสงค์ไทเฮา พระอารมณ์ไทเฮาก็จะดีเพคะ”
คำพูดนี้ไร้หนทางโต้กลับ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้แต่ปล่อยให้ผ่านไป ในพระทัยคิดว่าวันหน้าค่อยตรัสใหม่
ซินโย่วเองก็คร้านจะวนอยู่แต่ประเด็นนี้ เอ่ยถึงเรื่องที่คิดไตร่ตรองมาตลอดแทน “ฝ่าบาทเรียกตัวหม่อมฉันเข้าวัง หม่อมฉันมีเรื่องกราบทูลพอดีเพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สีพระพักตร์จริงจัง “เรื่องอันใด”
เขาแสดงท่าทีผู้ปกครองต่อขุนนางออกมาโดยไม่รู้ตัว ซินโย่วเห็นแล้วกลับรู้สึกยินดี
ยังไม่ได้เอ่ยถึงว่าตอบรับข้อเสนอนางหรือไม่ แต่อย่างน้อยเรื่องที่นางจะเอ่ยก็ทรงให้ความสนพระทัยจริงจัง
“นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่แม้ว่าดี แต่ก็มีข้อเสียเพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงนิ่งอึ้งไป “ข้อเสีย? เจ้าลองว่ามาให้ละเอียดหน่อย”
“เก็บภาษีตามขนาดพื้นที่ ครองพื้นที่มากจ่ายภาษีมาก คิดว่าภาษีปีนี้ก็จะเห็นผลสำเร็จ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พยักพระพักตร์
ความรู้เขาไม่สูง แต่เรื่องคำนวณตัวเลขพอมีพรสวรรค์อยู่มาก เคยบีบให้เสนาบดีกรมคลังร่วมกันคำนวณมาแล้ว คาดหวังภาษีรายได้จากการทดลองนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่อย่างมาก
“เช่นนั้นข้อเสียคืออันใด”
“ข้อเสียไม่ได้อยู่ในวันนี้ แต่อยู่ที่วันหน้า”
“วันหน้า?” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรดวงตาเปล่งประกายของสาวน้อย พลันนึกถึงตอนนางกล่อมให้ตนผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่
ตอนนั้นนางบอกว่า ตอนนี้ข้อดีข้อเสียยังไม่เด่นชัด เพราะยังมีปฐมฮ่องเต้ค้ำจุนไว้ ไม่ผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ตอนนี้หรือว่าจะทิ้งไว้ให้ลูกหลานจัดการกัน
“เจ้ากังวลว่าผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่จะส่งเสียต่อวันหน้า?”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงเข้าพระทัยความหมายนี้
แม้เขาทุ่มเทผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ แต่จะรับประกันลูกหลานภายภาคหน้าได้อย่างไร
“นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ ผู้ไม่มีที่ดินย่อมไม่ต้องเสียภาษี ราษฎรไม่ถูกเรื่องนี้ผูกมัดไว้ ปริมาณการเกิดเกรงว่าก็คงเพิ่มขึ้นหลายเท่า”
พระเนตรฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ส่องประกาย “นี่เป็นเรื่องดี!”
หลังผ่านศึกสงครามมาจนก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ เรียกได้ว่าขาดแคลนประชากร
“ตอนนี้เป็นเรื่องดี แต่ทว่าพื้นที่การผลิตมีจำกัด รอผ่านไปสองสามชั่วอายุคน ประชากรก็จะเกินพื้นที่ที่การผลิตแบกรับได้ เช่นนั้นก็อาจจะเกิดเหตุจลาจล…”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ฟังการอธิบายของซินโย่ว สีพระพักตร์ก็แปรเปลี่ยน
เขาฟังเข้าใจแล้ว เป็นไปได้!
ไม่ อีกสองสามชั่วอายุคน จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พระทัยกระตุกวาบ ซินโย่วเม้มปากเบาๆ
ข้อดีของนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่เริ่มเห็นรูปร่างแล้ว หลายปีถัดจากนี้อาจเกิดปัญหา ความจริงก็มิต้องเอ่ยถึง แต่ที่นางตั้งใจเอ่ยออกมาก็เพื่อปูทางไปสู่การยกเลิกคำสั่งปิดกั้นเส้นทางทางทะเล
แน่นอนนางจะไม่กล่อมให้ยกเลิกการปิดกั้นเส้นทางทางทะเล รอให้สัมผัสข้อดีของการเดินทางไปยังดินแดนโพ้นทะเล ความคิดคนเราย่อมเปลี่ยนไป
“อาโย่ว ในเมื่อเจ้าเอ่ยเรื่องผลกระทบจากนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ เช่นนั้นวิธีรับมือเล่า” ไม่นานฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ตั้งพระสติได้
ซินโย่วลังเลครู่หนึ่งก่อนทูลว่า “ท่านแม่เคยบอกข้าว่า ดินแดนโพ้นทะเลมีพืชชนิดหนึ่ง เป็นอาหารหลักได้ พืชนี้เพาะปลูกในพื้นที่มิค่อยอุดมสมบูรณ์ได้ ให้ผลผลิตสูง…”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ยินว่าเพาะปลูกในพื้นที่มิค่อยอุดมสมบูรณ์ได้ ก็รู้สึกสนพระทัยทันที พอได้ยินต่อว่า ให้ผลผลิตสูง ก็รีบตรัสถามว่า “ได้ผลผลิตเท่าไร”
ซินโย่วนิ่งไปก่อนถามว่า “พวกเราได้ผลผลิตของต่อหมู่เท่าไรเพคะ”
การเกษตรเป็นรากฐานของแผ่นดิน ตัวเลขพวกนี้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ย่อมจนจำขึ้นพระทัย ตอบทันทีว่า “สภาพที่นาแตกต่าง เหนือใต้แตกต่าง ผลผลิตเฉลี่ยสองสามต้านต่อหมู่[1]”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสจบก็ตรัสถามต่อว่า “หรือว่าพืชที่อาโย่วว่าให้ผลผลิตได้ห้าหกต้าน”
หากไม่อาจทำได้เท่าตัว ก็ไม่ควรค่าเอ่ยว่าให้ผลผลิตสูง
ซินโย่วแย้มยกมุมปาก “ให้ได้ถึงหลายสิบต้านเพคะ”
“เท่าไรนะ” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ผุดลุกขึ้นยืนทันที
“ทรงฟังไม่ผิดเพคะ พืชนี้ให้ผลผลิตหลายสิบต้านต่อพื้นที่หนึ่งหมู่เพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ล้มลงประทับ ชะโงกพระพักตร์เข้าใกล้ซินโย่ว “อาโย่ว พื้นที่หนึ่งหมู่ของดินแดนโพ้นทะเลกับของเรา คิดพื้นที่ต่างกันหรือไม่”
ซินโย่วยิ้ม น้ำเสียงยืนยัน “ก็คำนวณหมู่ตามแบบพวกเราเพคะ”
ยามนี้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ประทับไม่ติดแล้ว ลุกขึ้นเสด็จไปมาสองรอบ ก่อนจะไปหยุดข้างซินโย่ว “อาโย่ว โลกนี้มีพืชที่ให้ผลผลิตสูงเพียงนี้จริงหรือ เจ้าอย่าหลอกเรานะ!”
“หม่อมฉันมิกล้าหลอกลวงเบื้องสูงเพคะ”
“พืชชนิดนี้ชื่ออะไร”
“ชื่อว่ามันหวานเพคะ”
“มันหวาน?” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทวนชื่อประหลาดนี้ไปมา ก่อนจะร้อนพระทัยขึ้นมา
หากมีพืชเช่นนี้จริง ไม่ว่ารสชาติอย่างไร อย่างน้อยราษฎรก็จะไม่ต้องทนหิวแล้ว!
ซินโย่วคล้ายรู้ว่าเขากำลังคิดอันใด ยิ้มเอ่ยว่า “ผลผลิตมันหวานสูงมาก เพียงพอจะแก้ปัญหาจำนวนประชากรที่จะเพิ่มขึ้นในอีกหลายปีหลังดำเนินนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่เพคะ อาหารจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปเพคะ”
“ดี ดี ดี ดีจริงๆ!” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เริ่มเสด็จวนไปมาต่อ
ไม่มีผู้ปกครองใดที่ไม่อยากเห็นคนในปกครองตนเองเพิ่มจำนวน เดิมคนก็เป็นทรัพยากรที่ดีที่สุด
ซินโย่วเตือนว่า “แต่ทว่าพืชนี้อยู่ดินแดนโพ้นทะเล”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ชะงักฝีพระบาท ราวกับถูกสาดด้วยน้ำเย็นกะละมังหนึ่ง
เขาเป็นคนกำหนดนโยบายปิดกั้นเส้นทางทางทะเล
มาถึงตอนนี้ เขายังคงคิดว่าการเปิดเส้นทางทางทะเลมีผลเสียมากกว่าผลดี
“ราชสำนักจะส่งราชทูตออกเดินทางไปยังแผ่นดินต่างๆ ในดินแดนโพ้นทะเล เพื่อแสดงบารมีแผ่นดินเรา หากปีนี้มีแผนส่งราชทูตไป ก็อาจแอบส่งคนจำนวนหนึ่งรับหน้าที่ค้นหามันหวานได้เพคะ”
“แอบ?” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่เข้าพระทัย
“พืชผลผลิตสูงเช่นนี้ ไม่เลือกพื้นที่เติบโต ทั้งยังเป็นพืชอาหารหลักได้ คิดว่าแผ่นดินที่ครองพืชผลเช่นนี้ได้จะต้องเห็นเป็นของมีค่าอย่างแน่นอน คงไม่ปล่อยให้แผ่นดินอื่นได้ไปเพคะ”
พอซินโย่วอธิบาย ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อดพยักพระพักตร์ไม่ได้
คำพูดนี้ถูกต้อง หากราชวงศ์ต้าซย่ามีของล้ำค่านี้ แผ่นดินอื่นคิดนำกลับไป เขาจะต้องตัดศีรษะต่างชาติผู้นั้น
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เงียบงันไปครู่หนึ่งก็ตรัสถามว่า “เรื่องพวกนี้มารดาเจ้าบอกกับเจ้าหรือ”
“เพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตกสู่สภาวะเงียบงันอีกครั้ง
ปกติปิดกั้นไม่ให้ชาวบ้านเดินทางทำการค้าทางทะเล แต่การแลกเปลี่ยนของราชสำนักกับแผ่นดินโพ้นทะเลไม่เคยหยุด มักจะส่งราชทูตเดินทางไปแผ่นดินต่างๆ และยังต้อนรับทูตต่างแผ่นดินมาเยือนราชวงศ์ต้า ซย่าอีกด้วย
เรือใหญ่กับทหารเรือล้วนมีอยู่ หากออกเดินทางไปยังดินแดนโพ้นทะเลแล้วมีมันหวานอย่างที่อาโย่วว่าจริง ย่อมคุ้มค่ากับการออกไปค้นหาอย่างยิ่ง แม้หาไม่พบ ก็เท่ากับออกเดินทางไปเป็นทูตครั้งหนึ่ง ก็ไม่เสียหาย
ไม่นานฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ตัดสินพระทัย ไป!
[1] ต้าน เป็นหน่วยมาตรตวงจีน ปัจจุบัน 1 ต้าน = 100 ลิตร / 1 หมู่ = 166.5 ตารางวา หรือ 666 ตารางเมตร