สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 375 ปีใหม่แล้ว
ตอนที่ 375 ปีใหม่แล้ว
……….
วันรุ่งขึ้นก็เป็นวันปีใหม่ บรรดาขุนนางบุ๋นบู๊ต่างเข้าวังถวายพระพรปีใหม่ฮ่องเต้ ฮูหยินตราตั้งก็เข้าวังไปถวายพระพรไทเฮา
ซินโย่วไม่ออกไปข้างนอก ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านอันอบอุ่น
นางดำรงตำแหน่งซูไต้จ้าวระดับเก้า มิใช่ตำแหน่งขุนนางอย่างเป็นทางการอันใด ไม่ต้องรีบเร่งคลำทางยามมืดและหนาวเหน็บเข้าวังไปอวยพรปีใหม่แต่เช้ามืดดังเช่นขุนนางอื่น นางยังมิได้มีตำแหน่งฮูหยินตราตั้ง ไม่ได้จารึกชื่อในรายนามราชวงศ์ ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าวังไปถวายพระพรปีใหม่ไทเฮา
ดังนั้นจึงมีวันปีใหม่ที่สดใสแต่เช้า
ยามเช้าตรู่ ผู้ดูแลจวนตระกูลซินก็สั่งการให้บ่าวรับใช้จุดประทัดที่หน้าประตูใหญ่
ซินโย่วพาเสี่ยวเหลียนกับเจี้ยงซวงและสาวใช้คนอื่นๆ ไปดูประทัดด้วยกัน
พอเห็นคุณหนูมา พ่อบ้านก็มีกำลังใจฮึกเหิม จุดประทัดจบก็ให้คนนำพลุออกมา
พอเสียงดังจบลง พลุก็กระจายอยู่กลางท้องฟ้า เพราะเป็นเวลากลางวัน จึงไม่ได้เจิดจรัสดังยามค่ำคืน เห็นเพียงแสงตกลงมาบางๆ ท่ามกลางสายลมพัดโชยอ่อน
แม้เป็นเช่นนี้ พวกเสี่ยวเหลียนก็ยังรู้สึกถึงบรรยากาศแห่งความสุข
จากนั้นก็กลับเข้าไปในห้องโถงกลาง ทุกคนในจวนตระกูลซินเข้าแถวมาอวยพรปีใหม่ซินโย่ว
“คุณหนู ปีใหม่ศุภมงคล”
“คุณหนู สมประสงค์ดังหวัง”
……
ทุกคำอวยพรปีใหม่ล้วนได้รับซองแดงหนาจากมือเสี่ยวเหลียน ทุกคนยิ้มแย้มเบิกบาน
จากนั้นบ่าวก็นำเทียบอวยพรปีใหม่ไปยังจวนองค์หญิงใหญ่เจาหยางและที่ต่างๆ เป็นตัวแทนซินโย่วไปอวยพรปีใหม่
“คุณหนู พวกผู้จัดการร้านหูมาแล้ว”
ไม่นานผู้จัดการร้านหูกับหลิวโจวกับคนร้านหนังสือชิงซงเช่นพวกผู้ดูแลจ้าวกับหัวหน้าหยางที่พอมีสถานะก็พากันเข้ามายิ้มคารวะปีใหม่กับซินโย่ว
ซินโย่วแจกซองแดงให้กับทุกคนด้วยตนเอง เอ่ยตอบว่าลำบากทุกคนแล้ว
พวกผู้จัดการร้านหูยังต้องไปคารวะอวยพรปีใหม่ที่อื่นอีก นั่งอยู่ครู่หนึ่งก็กลับ
ก่อนหน้านี้ไม่นาน หัวหน้าหกพาพวกพี่น้องมาแล้ว คนเหล่านี้ล้วนไม่มีญาติในเมืองหลวง ไม่มีญาติมิตรให้ต้องไปเยี่ยมเยือน ซินโย่วจึงให้พวกเขาอยู่ร่วมรับประทานอาหารปีใหม่ด้วยกัน
หัวหน้าหกรับคำอย่างดีใจ
เสี่ยวเหลียนวิ่งไปบอกซินโย่ว “คุณหนู วันนี้คนจากหลายจวนส่งบ่าวมาคารวะปีใหม่คุณหนู ผู้ดูแลจวนรับเทียบอวยพรจนแทบไม่ไหวแล้ว”
ได้ยินเสี่ยวเหลียนรายงานรายชื่อผู้มาอวยพรปีใหม่ หัวหน้าหกได้ยินก็มองตาค้าง อดพึมพำไม่ได้ว่า “ตระกูลใหญ่มากมายเพียงนี้มาอวยพรปีใหม่คุณหนูหรือนี่!”
เสี่ยวเหลียนเหล่มองเขาทีหนึ่ง ในใจคิดว่าหนุ่มน้อยรูปงามหน้าตาดี เหตุใดจึงดูเซ่อซ่าเช่นนี้
หัวหน้าหกควบคุมโจรภูเขามากมายเช่นนี้ย่อมไม่โง่ ก่อนหน้านี้เขาสังเกตเห็นท่าทีไม่เป็นมิตรของเสี่ยวเหลียน ครั้งนี้จึงได้นำของขวัญปีใหม่มาโดยเฉพาะ
จะต้องเอาใจคนข้างกายคุณหนูให้ดี จะได้ไม่พูดจาให้ร้ายเขาต่อหน้าคุณหนู
“พี่เสี่ยวเหลียน!” เสี่ยวเหลียนถูกเขาขวางไว้ตอนจะไปห้องครัว หัวหน้าหกหิ้วกระต่ายสีขาวมาตรงหน้านาง
กระต่ายสองตัวขาวราวหิมะ ดวงตาสีแดง ถูกหิ้วหูไว้เช่นนี้ ก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูมาก
เดิมเสี่ยวเหลียนก็ชอบสิ่งมีชีวิตมีขนปุกปุย แม้แต่เจ้าวานรเอาแต่ใจบนเขาเชียนอิงตัวนั้นยังชอบ นับประสาอันใดกับกระต่าย
นางเห็นก็ชอบ แต่สีหน้าไม่แสดงออก “ทำอันใดน่ะ”
มอบของขวัญได้โดนใจได้ คนผู้นี้เดิมก็ฉลาดมาก ดังคาด นางแสดงท่าทีระวังไว้ก่อนเป็นเรื่องถูกต้อง หากไม่ทันระวัง เจ้าหมอนี่อาจกลายเป็นคนที่คุณหนูใช้งานวางใจมากกว่านาง
แน่นอน ระวังก็ส่วนระวัง กระต่ายน้อยน่ารัก นางยังคงรับไว้
“ยามว่างจับกระต่ายป่าได้คู่หนึ่ง มอบให้พี่เสี่ยวเหลียน”
“มอบให้ข้า?” เสี่ยวเหลียนพยายามกลั้นยิ้ม “เกรงใจจริง พวกเราก็มิได้สนิทกัน”
“พี่เสี่ยวเหลียนเห็นข้าเป็นคนอื่นไปได้ พวกเราต่างทำงานให้คุณหนู ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันหรือ” หัวหน้าหกส่งกระต่ายสองตัวใส่มือนาง “กระต่ายสองตัวนี้ไม่มีค่าอันใด พอดีให้พี่ไว้ทำอาหารเพิ่ม…”
“ทำอาหารเพิ่ม?” เสี่ยวเหลียนเสียงหลง
หัวหน้าหกอึ้งตกใต “อา…”
“ขอบใจนะ” เสี่ยวเหลียนกระชากกระต่ายไปพร้อมขอบคุณอย่างขอไปที ก่อนหันหลังจากไปทันที
หัวหน้าหกก้มศีรษะมองดูมือที่ว่างเปล่าอย่างงุนงงไม่เข้าใจ ทำอาหารเพิ่มแล้วทำไมหรือ
พอตอนร่วมรับประทานอาหารปีใหม่เสร็จ หัวหน้าหกพาพี่น้องกลับไปแล้ว ในที่สุดเสี่ยวเหลียนก็มีโอกาสฟ้องซินโย่ว “คุณหนู หัวหน้าหก…”
“เรียกพี่หก”
“อ้อ พี่หกใจร้ายมาก!”
ซินโย่วยิ้มถาม “อย่างไรหรือ”
“เขาหิ้วกระต่ายสองตัวมาให้บ่าว บอกให้บ่าวทำอาหารเพิ่ม กระต่ายขาวน่ารักเช่นนี้ เขากินลงคอได้อย่างไร!”
“อา กระต่ายขาว กระต่ายขาวน่ารัก…” ซินโย่วพลันนึกถึงตอนที่ลงใต้ ได้กินกระต่ายหมาล่า
“คุณหนู?”
“แค็กๆ เช่นนั้นเจ้าก็นำไปเลี้ยงให้ดี”
เสี่ยวเหลียนฟ้องนางแล้วยังได้กระต่ายไปคู่หนึ่ง ก็ดีใจนำกระต่ายไปหาที่เลี้ยงดู
พอตกบ่าย ก็มีคนขี่ม้ามาหน้าประตูจวนตระกูลซิน
ไม่นานซินโย่วก็ได้รับแจ้งจากคนเฝ้าประตูว่า ใต้เท้าเฮ่อให้ลูกน้องนำของขวัญมาอวยพรปีใหม่
ซินโย่วออกไปพบทหารกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินผู้นั้น ดูท่าทางเสื้อผ้าเปื้อนฝุ่น ก็ถามว่า “กลับมาจากทางใต้หรือ”
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินตอบนอบน้อม “ข้าน้อยรับคำสั่งใต้เท้าลงใต้ไปนำของล้ำค่าทางใต้มามอบให้คุณหนูซิน ระหว่างทางเสียเวลาไปสักหน่อย วันนี้เพิ่งเข้าเมืองหลวงมาได้ ขอคุณหนูซินอย่าได้ตำหนิ”
“เดินทางมาลำบากแล้ว อยู่กินข้าวที่นี่ก่อนค่อยกลับไปเถอะ”
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินคิดปฏิเสธ แต่เห็นซินโย่วเรียกจริงใจ ก็รับคำ
“ทางใต้เป็นอย่างไรบ้าง”
“การผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ราบรื่นดี มีอุปสรรคเล็กน้อย แต่ใต้เท้าแก้ไขได้แล้ว…”
พอกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินจากไป ซินโย่วเปิดของขวัญปีใหม่ที่เฮ่อชิงเซียวส่งมา
ขนมที่เก็บไว้ได้นาน ผักดองปลา หมูอัดก้อนรมควัน…เป็นของกินเกือบทั้งหมด
ซินโย่วนอกจากนึกขำแล้วก็พอจะเข้าใจได้
มอบของกินให้ ใช้ประโยชน์ได้ไม่ว่า ยังไม่ทำให้คนคิดมากไปไกล
รับอาหารเลิศรสจากทางใต้ไว้เรียบร้อยแล้ว ซินโย่วก็อารมณ์ผ่อนคลายอย่างมาก ไปดูกระต่ายขาวที่ เสี่ยวเหลียนรับเลี้ยงไว้
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อยู่ในอารมณ์ธรรมดาทั่วไป ต่างจากซินโย่วที่ผ่อนคลายมีความสุขฉลองปีใหม่
วันปีใหม่เขาตื่นตั้งแต่ยามห้า[1] บูชาบรรพชนเรียบร้อย พระราชทานเลี้ยงบรรดาขุนนาง งานยุ่งจนหัวหมุน ไม่มีเวลาเรียกตัวอาโย่วเข้าวังมาคุยเรื่องคืนวันส่งท้ายปี
บรรดาขุนนางรู้สึกว่าฮ่องเต้พระอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ในใจก็คาดเดาว่าเกิดอันใดขึ้นกับฮ่องเต้ นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่เกิดปัญหาอื่น หรือว่ามีเรื่องกลัดกลุ้มพระทัยใหม่
ไม่มีผู้ใดกล้าละเลยอารมณ์ของราชันแห่งแผ่นดิน ทุกคนกลับไปแล้วก็แอบสอบถามกัน
โลกนี้ไม่มีกำแพงใดที่สายลมไม่เล็ดลอด เรื่องที่เกิดในงานเลี้ยงวังหลวงคืนวันส่งท้ายปีค่อยๆ แพร่ออกไป ซินไต้จ้าวขัดแย้งกับไทเฮาแล้ว!
ไทเฮาไม่พอพระทัยซินโย่ว ขุนนางหลายคนก็พอรู้อยู่ แต่ซินโย่วทำให้ไทเฮาเสียหน้า แต่ไม่ถูกฮ่องเต้ตำหนิ เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของพวกเขา
เช่นเดียวกับพระสนมวังหลัง พวกเข้าได้รับรู้อีกเรื่องหนึ่งว่าฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับบุตรสาวที่มิได้จารึกชื่อในรายนามราชวงศ์อย่างมาก รีบกำชับผู้น้อยในตระกูลว่าอย่าได้มีเรื่องกับซินโย่ว
ลำเอียงจนเป็นเช่นนี้ ไม่มีตำแหน่งองค์หญิง เด็กน้อยในตระกูลตนเกิดพลั้งเผลอล่วงเกินเข้า มิใช่ว่าไม่จบไม่สิ้นหรือ
วันที่หก เดือนหนึ่ง
สำหรับฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แล้ว มารดากับบุตรสาวมีเรื่องขัดแย้งกันอย่างไรก็มิใช่เรื่องทรงเกียรติอันใด ตอนนี้ผ่านมาหลายวันแล้ว แอบเรียกอาโย่วเข้าวังน่าจะไม่เป็นที่สังเกตของผู้คน
ซินโย่วได้รับพระบัญชาเรียกตัวเข้าวัง บรรดาขุนนางที่แอบจับตาเรื่องราวอยู่ต่างก็รู้กัน
หืม หรือฮ่องเต้รอให้พ้นปีใหม่ไปก่อนจึงค่อยคิดบัญชี
[1] ราวตีสามถึงตีห้า
……….