สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 367 ชื่อเสียงเลวร้าย
ตอนที่ 367 ชื่อเสียงเลวร้าย
……….
พอกลับถึงเมืองก็ใกล้ค่ำแล้ว
ซินโย่วกำบังเหียนกล่าวกับเสี่ยวเหลียน “ไปร้านหนังสือชิงซงหน่อย”
เสี่ยวเหลียนเองก็คิดถึงพวกผู้ดูแลร้านหูอยู่บ้างแล้ว จึงรับคำอย่างยินดี
คนบนท้องถนนไม่มาก ทั้งสี่ขี่ม้ามาตลอดทาง มองเห็นป้ายร้านหนังสือชิงซงแต่ไกล จึงค่อยๆ ผ่อนความเร็วลงกระโดดลงจากหลังม้า
“คุณหนูจะกินข้าวที่ร้านหนังสือหรือไม่เจ้าคะ” เสี่ยวเหลียนเดินไปข้างกายซินโย่ว
“ก็ดี ไม่ได้กินข้าวกับพวกผู้ดูแลร้านหูนานแล้ว”
ทั้งสองคนพูดคุยไปไม่นานก็มาถึงหน้าประตูร้านหนังสือ ซินโย่วพลันดึงเสี่ยวเหลียนไว้
เชียนเฟิงทะยานมาขวางหน้านาง ผิงอันยื่นมือออกมาคว้าอาวุธลับที่ซัดมาเอาไว้
อาวุธซัดมาอย่างเหนือความคาดหมาย เป็นไข่ไก่ฟองหนึ่ง
ซินโย่วสั่งการเด็ดขาด “นำตัวกลับมา”
ปาไข่ไก่ใส่หน้าประตูเช่นนี้ เห็นชัดว่าไม่น่าจะเป็นพวกมือสังหาร
เชียนเฟิงรับคำสั่งไป ผิงอันเฝ้าอยู่ข้างกายซินโย่ว
หลิวโจวกับสือโถวได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็วิ่งตามกันออกมา
“ท่านเจ้าของร้าน ท่านมาแล้ว” พอเห็นซินโย่ว หลิวโจวสีหน้ายินดี
ซินโย่วชี้ไปที่ไข่ไก่ในมือผิงอัน “มีคนปาเจ้านี่ใส่ที่หน้าประตูร้านหนังสือ”
หลิวโจวมองตามไป พอเห็นก็มีหน้าดำทะมึน “มาอีกแล้ว!”
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น” ซินโย่เองก็ไม่เข้าไปแล้ว ยืนถามอยู่หน้าประตูร้านหนังสือ
ผู้ดูแลร้านหูเองก็เดินออกมา
“เมื่อวานมีคนมาปาไข่เน่าใส่ประตู น่าเสียดายจับตัวไม่ได้ หากให้ข้ารู้ว่าเป็นฝีมือลูกหมาตัวไหนปามา จะทุบมันให้ตาย!” หลิวโจวถูกำปั้นไปมา
“ระยะนี้ร้านหนังสือมีเรื่องบาดหมางกับลูกค้าหรือ” ซินโย่วถามผู้ดูแลร้านหู
ผู้ดูแลร้านหูส่ายหน้า “ไม่มี”
“เช่นนั้นรอก่อนก็แล้วกัน”
ผู้ดูแลร้านหูกับหลิวโจวสบตากัน พลันไม่รู้ว่าซินโย่วหมายความว่าอย่างไร
ไม่นานเชียนเฟิงก็หิ้วคนผู้หนึ่งกลับมา “คุณหนู คนที่ปาไข่ไก่มาก็คือคนผู้นี้”
ซินโย่วมองประเมินคนที่ถูกเชียนเฟิงคุมตัวไว้
ชายอายุสามสิบกว่าสวมชุดยาวกลิ่นอายบัณฑิตอ่อนแอ
ซินโย่วมองผู้ดูแลร้านหูทีหนึ่ง
ผู้ดูแลร้านหูส่ายหน้าเล็กน้อย แสดงท่าทีว่าไม่รู้จักคนผู้นี้
หลิวโจวถามขึ้นด้วยสีหน้าเยียบเย็น “เจ้าเป็นใคร เหตุใดปาไข่ไก่ใส่ร้านหนังสือเรา”
คนเดินผ่านไปมาชะลอฝีเท้าลงอย่างตั้งใจ คนของร้านค้าโดยรอบเองก็แอบเมียงมอง
คนผู้นั้นไม่ตอบหลิวโจว ดิ้นรนจะสลัดตัวให้หลุด “ปล่อยข้า ต่อหน้าสาธารณชน พวกเจ้าคิดตั้งศาลเตี้ยหรือ”
ซินโย่วมองสำรวจด้วยสายตาเยียบเย็น แน่ใจแล้วว่าคนผู้นี้จิตใจปกติดี สีหน้าจึงสงบนิ่งลง “เจ้ามาเอาเรื่องร้านหนังสือ หรือว่าเอาเรื่องข้า”
คนที่พูดคำว่าศาลเตี้ยได้ เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้รู้สถานะนางและเกี่ยวข้องกับร้านหนังสือ ตอนซินโย่วรับรู้เรื่องนี้ ก็ตั้งสติรับรู้ได้ว่าคนผู้นี้อาจมาเอาเรื่องนาง
ชายผู้นั้นสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย
“ทำไม กล้าทำไม่กล้ารับหรือ ข้ายังคิดว่าบัณฑิตล้วนมีศักดิ์ศรีมาก” ซินโย่วสีหน้าดูแคลน
ชายผู้นั้นถูกยั่วโมโหก็เอ่ยว่า “ถูกต้อง ข้าทนดูไม่ได้! เจ้าเป็นแค่หญิงสาว อาศัยสถานะผลักดันนโยบายชั่วร้าย ราษฎรใต้หล้าล้วนดูแคลน ช้าเร็วย่อมกรรมตามสนอง!”
เสี่ยวเหลียนยกเท้าถีบใส่เขาทีหนึ่ง “ปากเจ้าเหม็นเช่นนี้สิ กรรมจึงจะตามสนอง!”
เขาก่อเรื่องโวยวายเช่นนี้ ทำให้มีคนมามุงดูกันยิ่งมาก คนไม่น้อยเขยิบเข้ามาใกล้ พากันชี้มือชี้ไม่ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นมา
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
“บัณฑิตผู้นั้นเอาไข่ไก่มาปาใส่คุณหนูซิน บอกว่าคุณหนูซินผลักดันนโยบายชั่วร้าย”
“ข้าเองก็ได้ยินมาว่านโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ไม่เหมาะสมจริงๆ!”
“เหตุใดไม่เหมาะสม”
“เจ้าคิดดูนะ เก็บภาษีตามขนาดพื้นที่ พวกเราเรามีที่นาเพียงน้อยนิดเท่านั้น หากต้องจ่ายภาษีที่มากกว่าปกติ…”
“ข้าได้ยินว่า หากดำเนินนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่จริง เจ้าของที่ก็จะเพิ่มค่าเช่า ถึงตอนนั้นไม่ใช่ว่าจะยิ่งลำบากหรือ…”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ผู้คนดังเข้าหูชายผู้นั้น ทำให้เขายิ่งฮึกเหิม ตะโกนใส่ซินโย่วว่า “คุณหนูซิน ตอนท่านอาศัยสถานะคุณหนูโค่ว บริจาคกองกุศล ช่วยผู้ประสบภัย ทำให้ผู้คนเลื่อมใสจริงๆ แต่เหตุใดพอสถานะยิ่งสูงขึ้นก็เปลี่ยนไป”
ซินโย่วไม่โมโหแต่กลับนึกขำ “เจ้าว่ามาว่าเปลี่ยนไปอย่างไร”
“เป็นขุนนางไร้เมตตา ขูดรีดราษฎร!” สีหน้าชายผู้นั้นโกรธแค้นดังผู้ทรงคุณธรรม
“นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ยังไม่ดำเนินการ เจ้าก็คาดเดาว่าจะขูดรีดราษฎรแล้ว เจ้ามีหลักฐานอันใด”
“หลักฐาน? นี่มิใช่เรื่องที่ง่ายดายยิ่งหรือ ที่นาบ้านข้าน้อยติดมาก พอทำนาได้ค่าเล่าเรียนบ้าง ทันทีที่เพิ่มภาษี จะแบกรับภาระได้อย่างไร…”
ซินโย่วตัดบทชายผู้นั้นเยียบเย็น “ข้าขอถาม ตอนนี้เจ้ามีหลักฐาน?”
ชายผู้นั้นสะอึก
เขาได้ยินคนกล่าวถึงนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ก็โมโหกัดฟันกรอด จึงได้นำไข่เน่าไปปาระบายอารมณ์ ตอนนี้นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ยังไม่ดำเนินการ จะมีหลักฐานได้อย่างไร
“ไม่มีหลักฐาน เช่นนั้นเจ้าก็ใส่ร้ายและมุ่งโจมตีขุนนางราชสำนัก” ซินโย่วมองดูสีหน้าซีดขาวของชายผู้นั้น ก็แค่บัณฑิตยากจนเหลวแหลกคนหนึ่ง “เชียนเฟิง จับตัวผู้ต้องสงสัยใส่ร้ายและมุ่งโจมตีขุนนางราชสำนักไปส่งทางการ”
“ขอรับ” เชียนเฟิงรับคำคว้าตัวชายผู้นั้นเดินไปทันที
“ปล่อยข้า ปล่อยข้า พวกเจ้าใช้อำนาจรังแกผู้อื่น!” ชายผู้นั้นตกใจตะโกนเสียงดัง
หลิวโจวสบถด่า “เจ้าเดรัจฉาน!”
คนที่ดูเหมือนไม่กลัวอำนาจอิทธิพล ความจริงหากอีกฝ่ายเอาจริงก็หัวหด ปกติก็มีคนเช่นนี้ไม่น้อย
คนมามุงดูเองก็คิดไม่ถึงว่าซินโย่วจะแข็งกร้าวถึงเพียงนี้ พากันรีบสลายตัวทันที
แน่นอนไม่ได้สลายตัวกันไปจริงๆ บ้างก็ปิดประตูแอบวิจารณ์ บ้างก็ไปร้านอาหารหรือร้านน้ำชาเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ข่าวซุบซิบใหม่เรื่องบัณฑิตถูกจับส่งทางการ
ซินโย่วเดินเข้าไปในร้านหนังสือ รับน้ำชาที่ผู้ดูแลร้านหูรินให้ “ผู้ดูแลร้านได้ยินเรื่องนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่แล้วหรือยัง”
แค่ไม่กี่วัน คนเหล่านี้ก็เคลื่อนไหวเร็วเพียงนี้
ผู้ดูแลร้านหูส่ายหน้า “วันนี้เพิ่งได้ยินมา”
ซินโย่วมองไปทางหลิวโจว
หลิวโจวส่ายหน้า “เมื่อวานได้ยินบัณฑิตสองคนกระซิบคุยกัน ได้ยินแว่วๆ ว่ามีคำว่า ‘นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่’ รายละเอียดก็ไม่รู้แล้ว”
“แต่ทว่าดูจากคนมามุงดูวันนี้ เชื่อว่าได้ยินเรื่องนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่มาไม่น้อย หลิวโจว เจ้านำคนจำนวนหนึ่งไปเดินตามร้านน้ำชาร้านอาหารต่างๆ ลองฟังดูว่าคุยเรื่องใดกัน”
ดูท่าทางคนเหล่านั้นมีกลุ่มเป้าหมาย เลือกเฉพาะคนที่มีสมบัติน้อย เน้นเฉพาะบัณฑิต
นางรออยู่ที่ร้านหนังสือ พอกินอาหารเย็นแล้ว หลิวโจวก็ฮึดฮัดกลับมา
“พวกไปดื่มสุราและน้ำชาพวกนั้นเกินไปแล้ว ถึงกับกล่าววาจาให้ร้ายท่านเจ้าของร้าน! ท่านเจ้าของร้านช่วยเหลือผู้ประสบภัยไว้มากมาย ทำการกุศลหลายเรื่อง ล้วนลืมหมดสิ้นแล้วหรือ”
ซินโย่วคาดเดาไว้แล้ว “ไม่เป็นไร ผู้ประสบภัยส่วนใหญ่พวกนั้นดื่มสุราไม่ไหว”
“ท่านเจ้าของร้านจะปล่อยให้คนพวกนี้ทำลายชื่อเสียงท่านหรือ”
“พื้นที่เมืองหลวงไม่อาจก่อเกิดคลื่นลมอันใดได้ รออีกสองสามวันก็ไม่สาย”
วันรุ่งขึ้นก็มีขุนนางตรวจสอบยื่นฎีกาการกระทำเหิมเกริมของซินโย่ว มีคนมากมายออกมากล่าวแทนบัณฑิตผู้นั้น
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงเงียบ ได้ฟังจบ ก็จับประเด็นได้ว่า “ก็หมายความว่า บัณฑิตผู้นั้นไม่พอใจนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ เอาไข่เน่าไปปาซินไต้จ้าว?”
ขุนนางกรมตรวจสอบตู้รีบออกหน้าอธิบายแทนบัณฑิตผู้นั้นทันที “บัณฑิตผู้นั้นมิได้ปาใส่ซินไต้จ้าว แต่ปาใส่ประตูร้านหนังสือ ชาวบ้านแสดงออกถึงความโกรธแค้นด้วยวิธีนี้พบเห็นอยู่เสมอ ซินไต้จ้าวเป็นผู้เสนอนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ ไม่เพียงแต่ไม่ทำความเข้าใจให้ดี แต่กลับจับส่งทางการ ช่างไม่เหมาะ…”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สีพระพักตร์เยียบเย็น “ไม่พอใจนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ก็ไปปาไข่เน่าร้านหนังสือตอนซินไต้จ้าวได้หรือ พวกท่านปกป้องบัณฑิตผู้นั้นเพียงนี้ แท้จริงคิดเป็นปากเสียงให้ราษฎรอย่างจริงใจ หรือว่าไม่พอใจนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่กันแน่?”
……….