สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 361 รับสมัครคน
ตอนที่ 361 รับสมัครคน
……….
บุตรชายจังอวี้เฉินชื่อว่าจังเฉิน ตอนนี้อายุยังไม่ถึงสิบหก เป็นเพียงแค่หนุ่มน้อยตัวเล็กๆ หลุดรอดการจับกุมของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินและเจ้าหน้าที่ทางการท้องถิ่นมากมายไปได้ เห็นชัดว่าไม่มีทางอาศัยเพียงแต่กำลังของตนเอง
เฮ่อชิงเซียวไปสอบจังอวี้เฉินอีกครั้ง แต่กลับสอบสวนชื่อผู้ร่วมสมคบคิดคนใหม่ไม่ได้เพิ่มสักคน
หลังลงทัณฑ์ทรมานจนจังอวี้เฉินจนหายใจรวยริน เขาก็เอ่ยขอร้องอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “ไม่มีแล้วจริงๆ ปล่อยข้าไปเถอะ”
ทหารกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่รับหน้าที่ลงทัณฑ์มองไปทางเฮ่อชิงเซียว
เฮ่อชิงเซียวไม่ได้ให้ลูกน้องลงมือต่อ
คดีที่สะเทือนวงการขุนนางและเป็นที่สนใจเช่นนี้ การลงทัณฑ์สอบสวนต้องมีขีดจำกัด หากนักโทษตายภายใต้การลงทัณฑ์ ก็จะนำความยุ่งยากมาสู่พวกเขา
ทางการยังคงไม่หยุดค้นหาตัวจังเฉินบุตรชายจังอวี้เฉิน การจับกุมตัวขุนนางแต่ละคนในเมืองหลวงมาเข้าคุกสอบสวนก็ยังคงดำเนินต่อไป
คดีที่ส่งผลกระทบในวงกว้างมาก การจะปิดคดีไม่ใช่เรื่องที่จะกระทำสำเร็จได้ในวันสองวัน ซินโย่วเฝ้าจับตาความคืบหน้าของคดี แต่เรื่องที่ต้องทำก็มิได้ปล่อยให้เสียเวลา
ร้านหนังสือชิงซงติดประกาศใกล้วางจำหน่าย ‘บันทึกตะวันตก’ เล่มหกนอกกำแพงร้าน
ไม่นานก็มีคนมารุมล้อมหน้าประกาศกันหลายชั้น
“จำหน่ายเมื่อใด” คนที่ไม่ได้เบียดตัวเข้าไปอ่านถามขึ้นอย่างร้อนใจ
คนที่ได้อ่านประกาศ กลับหันไปสนใจเรื่องอื่น “นี่หมายความว่าอย่างไร ท่านซงหลิงจะรับศิษย์สี่สิบเก้าคน…”
“อะไรนะๆ ท่านซงหลิงจะรับลูกศิษย์ มีประสบการณ์เป็นนักเล่าเรื่องจะได้สิทธิพิเศษก่อนหรือ”
“ซี๊ด! หากได้เรียนรู้จากท่านซงหลิง เขียนนิยายมหัศจรรย์อย่างเช่น ‘วาดหนัง’ หรือ ‘บันทึกตะวันตก’ ได้ ใช่ว่าจะมีชื่อเสียงก้องหล้า ได้ทั้งชื่อเสียงและเงินทองหรือ”
คำพูดนี้ก่อให้เกิดกระแสด่าทอเยาะเย้ยมากมาย
“เจ้ากำลังคิดอันใด ศิษย์ท่านซงหลิงก็จะเขียน ‘บันทึกตะวันตก’ ได้หรือ เช่นนั้นศิษย์จ้วงหยวนมิใช่ต้องสอบติดจ้วงหยวนกันทุกคนหรือ”
“จ้วงหยวนไม่มีเวลามารับลูกศิษย์หรอก จ้วงหยวนล้วนไปเป็นขุนน้ำขุนนางกันแล้ว”
“เดี๋ยวก่อน ทุกคนลืมไปแล้วใช่หรือไม่ ความจริงท่านซงหลิงก็คือคุณหนูซิน!”
มีคนขยายความกระจ่าง “ท่านซงหลิงไม่ใช่คุณหนูซิน แต่เป็นคุณหนูซินเขียนงานของท่านซงหลิงออกมา…”
ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกขัดขึ้น “ไม่จำเป็นต้องไล่เรียงเช่นนี้ หากไม่มีคุณหนูซิน พวกเราก็คงไม่ได้อ่านนิยายของท่านซงหลิงไหม”
“ก็จริง อ้อ ไม่แน่ว่าหากได้รับการขัดเกลาจากคุณหนูซิน ก็จะเขียนนิยายที่ดึงดูดคนทั่วไปได้ ติดตามคุณหนูซินเรียนเขียนนิยายไม่แน่ว่าอาจเป็นดังสีครามได้จากต้นคราม แต่สีครามเข้มยิ่งกว่าต้นครามก็เป็นได้”
“แค็ก แค็ก ทุกท่านลืมสถานะคุณหนูซินไปแล้วใช่หรือไม่”
พอมีคนเตือนสติ คนไม่น้อยก็ยิ่งตื่นเต้น
คุณหนูซินเป็นถึงองค์หญิง!
แม้ว่าไม่ได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งองค์หญิง แต่ในสายตาคนเมืองหลวง แม้แต่เด็กน้อยสามขวบก็รู้สถานะแท้จริงของคุณหนูซิน
หากได้ติดตามเรียนรู้การเขียนนิยายกับคุณหนูซิน จะมีความสามารถเช่นนางได้ไหมไม่อาจรู้ได้ แต่เพียงแค่ได้มีโอกาสรู้จักกับคุณหนูซินก็หาได้ยากแล้ว!
ไม่นานก็มีคนมากมายนับไม่ถ้วนมาสมัคร คนงานร้านหนังสือชิงซงยุ่งกันจนหัวหมุน
หลายวันต่อมา ซินโย่วก็มาร้านหนังสือชิงซง สอบถามสถานการณ์กับหลิวโจว
ผู้ดูแลร้านหูอายุมากแล้วมีแรงจำกัด ภารกิจนี้ซินโย่วมอบให้หลิวโจวรับผิดชอบทั้งหมด
มองดูแววตาอ่อนล้าของหลิวโจวแล้ว ซินโย่วก็มีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
ตอนรับภารกิจนี้ หลิวโจวยังมีสีหน้าสดชื่นแจ่มใสกระตือรือร้นอย่างมาก
“ท่านเจ้าของร้าน นี่คือรายชื่อของคนที่เหมาะสมและผ่านการคัดเลือกขอรับ” หลิวโจวนำรายชื่อมามอบให้
ซินโย่วไม่ได้รีบร้อนเปิดรายชื่อดู แต่เอ่ยปลอบใจว่า “หลายวันนี้ลำบากเจ้าแล้ว”
หลิวโจวน้ำตาคลอ “ไม่ลำบาก…”
สิแปลก!
หลายวันนี้เขาเห็นหน้าคนก็อยากจะอาเจียนแล้ว!
“คนเหล่านี้ ล้วนเป็นไปตามเงื่อนไขหรือ” ตอนเปิดดูรายชื่อ จำนวนคนมากถึงสี่สิบเก้าคน ซินโย่วคาดไม่ถึงอยู่บ้าง
แต่เช่นนี้ก็ดี ลำดับถัดไป นางจะต้องดำเนินการต่อด้วยตนเอง ตัวเลือกมากมายเช่นนี้ก็จะเลือกคนชุดหนึ่งที่เหมาะสมที่สุดออกมาได้
หากว่าร้านหนังสือชิงซงวางจำหน่าย ‘บันทึกตะวันตก’ เล่มใหม่เป็นเรื่องใหญ่ในสายตาของนักอ่านนิยาย เช่นนั้นการที่ซินโย่วรับลูกศิษย์ก็ย่อมเป็นที่สนใจของหลายฝ่าย โดยเฉพาะบรรดาขุนนางและชนชั้นสูง
หลายจวนตรวจดูรายชื่อและหัวข้อสอบที่จดมา ถึงกับงุนงงไม่เข้าใจ
“ท่านนั้น จะทำอันใดอีก?”
“ผู้ใดจะรู้เล่า คำถามเหล่านี้ประหลาดมาก เจ้าดูคำถามนี้ ถึงกับถามว่ายินดีจะเดินทางออกนอกเมืองหรือไม่”
“ดำเนินการเร็วมาก เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วันก็รับสมัครคนได้มากพอแล้ว ไม่เช่นนั้นจะส่งคนของเราไปสืบหาความจริงดู…”
…
บรรดาขุนนางและชนชั้นสูง บางคนก็แค่อยากรู้เฉยๆ แต่บางคนรู้สึกกังวลใจ
ทำอย่างไรได้ จากเหตุการณ์ที่มีคนถูกจำคุกจนเต็มคุก พวกเขาก็พบว่าคุณหนูซินผู้นี้หาเรื่องเก่งมาก
การหาเรื่องนี้มิใช่เรื่องผู้เยาว์ออกไปเดินเล่นตามท้องถนน นำหมาแมวไปเดินเล่นอะไรพวกนั้น แต่เป็นการหาเรื่องใหญ่โตอยู่เสมอ ไม่นานก็คงมีคนถูกจำคุกอีกระลอก
พอเป็นเช่นนี้ จึงจำเป็นต้องใส่ใจความเคลื่อนไหวของคุณหนูซิน สืบเรื่องราวความจริงให้กระจ่างจึงจะวางใจได้
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า จะยิ่งรู้สึกสับสน
เหตุใดคุณหนูซินอยู่ๆ จึงรับลูกศิษย์ หรือว่าวันหน้าจะให้ลูกศิษย์เหล่านี้เขียนนิยายหาเงินให้มากๆ
“จะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่!” คนจำนวนหนึ่งวิเคราะห์อย่างมั่นใจ
ตอนเดือนสิบ ก็มีคำสั่งตัดสินประหารชีวิตพวกจังโส่วฝู่
ตระกูลจังทั้งตระกูล ผู้ชายไม่แบ่งแยกอายุ ล้วนถูกประหาร ผู้หญิงถูกส่งไปสำนักการสังคีตไม่ให้ไถ่ตัวตนเองตลอดชีวิต ส่วนจังอวี้เฉินได้รับการ ‘ดูแล’ พิเศษ มอบโทษผ้าขาวแขวนคอ
รายชื่อคนที่จังโส่วฝู่สองลุงหลานเปิดเผยออกมา สอบสวนเสร็จก็ตัดสินโทษตามความผิด ตรวจสอบไม่เสร็จหรือยังมีข้อสงสัยอื่นให้รอการพิจารณารอบสอง
สถานที่ลงโทษยังคงเป็นเมืองหลวงฝั่งตะวันตก
การลงโทษในวันนี้ เมืองหลวงฝั่งตะวันตกมีแต่ผู้คนมาออกันแน่นขนัด ล้วนเป็นราษฎรมาชมความครึกครื้น พ่อค้าแผงลอยเล็กๆ ได้ข่าวก็พากันมาทำการค้า
ราษฎรมีนิสัยชอบชมความครึกครื้น ไม่หวั่นแม้เป็นเรื่องนองโลหิต ถึงกับยิ่งตื่นเต้นอยากชม
ครั้งนี้ซินโย่วไม่ได้มาชมการประหาร
นางยืนอยู่บนเส้นทางจากคุกไปลานประหาร มองดูนักโทษผ่านไปทีละคันรถ
นางได้เห็นจังโส่วฝู่ก้มหน้าผมเผ้ากระจัดกระจายปิดบังใบหน้า ได้เห็นจังอวี้เฉินสีหน้าซีดขาวไร้ความรู้สึก ยังได้เห็นจังซวี่
จังซวี่เป็นคุณชายเสเพลไม่เอาการเอางาน ไม่มีค่าต่อการสอบสวนสักเท่าไร และผู้บัญชาการสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือเฮ่อชิงเซียวก็มิได้มีนิสัยทรมานคนเป็นเรื่องสนุก ดังนั้นเขาไม่ได้รับทุกข์ทรมานใดหลังถูกส่งเข้าคุก กอปรกับอายุน้อย ยามนี้ดูแล้วสภาพดีที่สุด
และก็อาจเป็นไปได้ว่าไม่ได้ลิ้มรสทัณฑ์ทรมานในคุกแท้จริง แววตาเขายังไม่ได้โกรธแค้นดังเช่นพวกจังโส่วฝู่ มาถึงยามเดินทางไปสู่แดนประหาร ยังคงคิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง ไม่อยากเชื่อว่าตนเองกำลังจะตาย
ซินโย่วมองดูรถคุมขังจังซวี่ผ่านไปเงียบๆ ไม่ได้ให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นนาง จะได้ไม่เกิดเสียงด่าทอดังขึ้น
ชายหนุ่มที่ปรากฏตัวในร้านหนังสือชิงซงครั้งแรกตอนนั้น เหิมเกริมวางอำนาจ ยังไม่ทันได้เรียนรู้การดำรงตนเป็นคนอย่างไร ก็เดินทางสู่จุดหมายปลายทางของชีวิตต่อหน้าผู้คนแล้ว
เหมือนกันกับไต้เจ๋อตอนนั้น ซินโย่วไม่อาจกล่าวว่าดีใจหรือสะใจกับจุดจบของจังซวี่ แต่ทว่าก็มิได้มีความเห็นใจ
เพราะการเลือกทางเดินของรุ่นบิดาพวกเขา พวกเขาต้องชดใช้ ส่วนนางก็คือผู้เสียหายจากการเลือกเส้นทางของรุ่นบิดาพวกเขา
อารมณ์เห็นใจพวกนี้เป็นอารมณ์สิ้นเปลืองสำหรับนาง
ซินโย่วหันหลังเดินไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้
วันนี้เฮ่อชิงเซียวไม่ได้สวมชุดขุนนางสีแดง แต่สวมชุดสีครามตัวยาว รูปโฉมโดดเด่นดังดอกบัวเขียวท่ามกลางดอกบัวดำ
ความอึดอัดในใจซินโย่วพลันมลายหายไปอย่างไม่รู้ตัว เผยรอยยิ้มมุมปากให้เขา