สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 358 ตรวจสอบกวาดล้าง
ตอนที่ 358 ตรวจสอบกวาดล้าง
……….
ซุนเหยียนเป็นมหาขันที คนสนิทข้างพระวรกายฮ่องเต้ แต่ก่อนมาเป็นขันที เขาเองก็มีชาติกำเนิดจากราษฎรยากจน
เขาต้องละทิ้งภรรยาที่แต่งงานกันไม่นานเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อหาทางเลี้ยงชีพ ผู้ใดจะรู้ว่ามาถึงเมืองหลวงก็ล้มป่วยหนัก หลังจากใช้เงินหมดก็เหลือเพียงลมหายใจรวยริน ถูกเจ้าของร้านโยนไปที่ป่าช้า คิดไม่ถึงว่าจะมีชีวิตรอดมาได้
จากนั้นเขาก็คิดตก อันใดล้วนจอมปลอม มีเงินใช้ชีวิตต่อไปได้จึงจะเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน
เขาตัดสินใจจัดการตนเองเข้าวังเป็นขันที เพราะฉลาดทำงาน ยังรู้หนังสือ ไม่นานก็ได้คารวะมหาขันทีท่านหนึ่งเป็นบิดาบุญธรรม ไม่นานก็ได้มารับใช้ข้างพระวรกายฮ่องเต้…
วันนี้ได้ฟังคำพูดซินโย่ว ซุนเหยียนรู้สึกซาบซึ้งใจมาก
หากยังใช้ชีวิตที่บ้านเกิดต่อไปได้ ผู้ใดอยากจะจากบ้านเกิดเมืองนอนมาแสวงหาหนทางเลี้ยงชีพกัน
เขาเงยหน้ามองสาวน้อยตรงหน้าทีหนึ่ง ความจริงก็มิใช่เพื่อราษฎรอันใด แต่เพื่อตนเองในอดีต
เมื่อก่อนตอนปีนขึ้นมาอยู่เหนือผู้คนไม่ได้คิดอันใด หลายปีมานี้เขามักทบทวนรอบหนึ่ง หากว่าตอนนั้นเข้าเมืองหลวงช้าอีกหน่อยก็คงดี ไม่แน่ภรรยาอาจมีลูกชายหญิงให้เขาสักคน
แต่ก็ได้เพียงแค่คิด ต่อมามีเงินมีอำนาจ ไหว้วานคนส่งเงินกลับบ้านเกิด ข่าวที่ได้รับกลับมาก็คือบ้านเกิดเกิดภัยพิบัติ คนทั้งหมู่บ้านตายหมดแล้ว
ซินโย่วไม่รู้ซุนเหยียนคิดไปมากมายเช่นนี้ ได้ฟังเขากล่าวเช่นนี้ ก็เผยรอยยิ้มจริงใจ “ซุนกงกงไม่ต้องส่งแล้ว ออกจากประตูไปเดินอีกสองสามก้าวก็ถึงสำนักฮั่นหลินย่วนแล้ว”
เห็นนางยืนยัน ซุนเหยียนได้แต่หยุดลง “ซินไต้จ้าวเดินดีๆ”
คนในสำนักฮั่นหลินย่วนก็เหมือนคนสำนักอื่น ไม่มีกะจิตกะใจทำงาน ในใจล้วนสนใจแต่เรื่องของจังโส่วฝู่
เห็นซินโย่วก้าวเข้ามา คนไม่น้อยแทบจะปรี่เข้าไปถามให้รู้ความ แต่สติทำให้พวกเขานิ่งคอยอย่างสงบเสงี่ยม
นี่คือคนที่ล้มจังโส่วฝู่เลยเชียวนะ
ก่อนหน้านี้ยังมีใต้เท้าเติ้ง กู้ชางป๋อ ส่วนพวกขุนนางที่ปรึกษาหลิวคร้านจะเอ่ยถึง เป็นเพียงของแถมโดยแท้
ใช่ ความจริงซินไต้จ้าวคือเจ้าทุกข์ แต่หากเป็นผู้อื่นประสบเหตุนี้ก็คงกลายเป็นศพไปแล้ว แต่ซินไต้จ้าวประสบเหตุนี้ คนที่ทำร้ายนางกลับไร้ลมหายใจแทน ผู้ใดจะไม่กลัวกันบ้าง
พอซินโย่วเดินจากไปไกลแล้ว เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังอื้ออึงขึ้นทันที
“เกรงว่าตระกูลจังคงจบสิ้นไม่เหลือแล้วกระมัง”
“ยังต้องเอ่ยถึงอีกหรือ รอดูแค่จะทำให้คนพลอยเดือดร้อนไปด้วยเท่าไร”
“ได้ยินว่าผู้บัญชาการสำนักเจิ้นฝู่ซือเฮ่อนำคนไปกวาดล้างจับกุมด้วยตนเอง…”
…
ก็เป็นดังที่คนเหล่านี้คาดเดา ยามนี้ทั้งจวนตระกูลจังถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินล้อมเอาไว้หมดแล้ว
บาดแผลภายนอกของจังซวี่รักษาหายแล้ว แต่เพราะถูกให้ลาออก ไม่ต้องกลับไปสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน นอนถึงตะวันสายโด่ง วันรุ่งขึ้นจึงได้ตื่นนอน
“ข้างนอกเอะอะโวยวายอันใดกัน” ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว จังซวี่ก็เดินออกไปด้วยท่าทางเกียจคร้าน
เห็นเจ้าหน้าที่ทางการกลุ่มหนึ่งเข้ามาอย่างดุดันพอดี
“พวกเจ้าเป็นใคร ต้องการทำอันใด” จังซวี่ตกใจเบิกตาโพลง จากนั้นก็ตวาดอย่างโมโหจัด “ตระกูลจังเป็นสถานที่ที่พวกเจ้าเข้ามาได้ตามอำเภอใจหรือ”
ผู้นำกำลังกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมาก็คือหวงเฉิงที่ติดตามเฮ่อชิงเซียวลงใต้ พอเห็นจังซวี่สีหน้าไม่รู้เรื่องอันใดก็รู้สึกคาดไม่ถึง และนึกขัน “พวกเราคือกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน รับพระบัญชาตรวจสอบจวนตระกูลจัง”
“รับพระบัญชาตรวจสอบ?” จังซวี่สมองครุ่นคิดรวดเร็วก่อนจะตั้งสติได้ว่าคำพูดนี้หมายความอย่างไร
นี่คือกำลังจะกวาดล้างตระกูลจัง!
“เหตุใดต้องตรวจสอบตระกูลข้า” แต่ไรมาชายหนุ่มไร้ขื่อไร้แป ยามนี้ตื่นตกใจ มากไปกว่านั้นก็คือรู้สึกแทบไม่อยากเชื่อ “เพราะข้าไปหาเรื่องซินโย่ว ก็ต้องโดนตรวจสอบทั้งตระกูลหรือ”
หวงเฉิงมองจังซวี่ด้วยแววตาสงสาร ความสงสารนี้มิใช่ความรู้สึกเห็นใจแท้จริง แต่เป็นความสงสารในความโง่เง่าของอีกฝ่าย
“ท่านปู่กับท่านอาเจ้าลอบสังหารซินไต้จ้าว เรื่องราวถูกเปิดโปง ทุกคนถูกจำคุกหมดแล้ว” หวงเฉิงอธิบายด้วยความเห็นใจ ก่อนจะตวัดมือขึ้นเอ่ยน้ำเสียงเยียบเย็น “นำตัวไป!”
เสียงตะโกนของจังซวี่โดดขึ้นมาท่ามกลางจวนตระกูลจังที่มีแต่เสียงร่ำไห้ดังระงม
ซินโย่วยืนอยู่นอกจวนตระกูลจังนิ่งมองกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเข้าออก ลากคนตระกูลจังออกมาทีละคน พอเห็นจังซวี่ถูกลากออกมาก แววตานิ่งสงบจึงได้แปรเปลี่ยนเล็กน้อย
นางนึกถึงไต้เจ๋อ ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อ
เทียบกับสภาพไต้เจ๋อที่ถูกเนรเทศ จังซวี่อนาถกว่ามาก ดูย่ำแย่กว่ามาก
จังซวี่คล้ายรู้สึกได้ หันมองไปทางซินโย่ว เห็นนางยืนอยู่ตรงนั้นก็ดิ้นรนจะปรี่เข้าไปหา
เขาถูกคุมตัวไว้จนขยับตัวไม่ได้ ได้แต่อาศัยการด่าระบายแทน “ซินโย่ว เจ้ามันนังปีศาจ! เจ้าคือนังปีศาจ!”
คือนังปีศาจที่เพียงเข้าไปแตะต้องก็ต้องพบจุดจบเลวร้าย!
คนไม่น้อยได้ยินเสียงจังซวี่ด่าทอก็มองไปทางสาวน้อยใต้ต้นอวี้หลาน
ยามนี้ต้นอวี้หลานไม่มีดอก เห็นเพียงแค่ใบที่หาได้ยากในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงถึงต้นฤดูหนาว
สาวน้อยในชุดเขียวใต้ต้นอวี้หลาน เห็นชัดว่าเป็นชุดขุนนางที่ไม่สะดุดตาที่สุด แต่กลับทำให้นางที่สวมใส่ดังกิ่งหลิวเขียวพลิ้วไหวและต้นสนตระหง่านในคราเดียวกัน
ผู้คนทั่วไปหวาดกลัวภูตผี ถูกกล่าวหาด้วยคำว่า ‘นังปีศาจ’ ย่อมรุนแรง ทุกคนล้วนอยากรู้ว่าสาวน้อยที่ถูกกล่าวหาจะอธิบายอย่างไร
ซินโย่วยกชายชุดเดินเข้าไปรวดเร็ว ไปหยุดยืนนิ่งตรงหน้าจังซวี่
“เจ้าว่าข้าคือนังปีศาจ?”
ศัตรูอยู่ตรงหน้าเพียงเอื้อม แววตาจังซวี่แดงก่ำ “เจ้าก็คือนังปีศาจ หากข้ากับไต้เจ๋อไม่ได้พบกับเจ้า ครอบครัวเราก็คงไม่เกิดเรื่อง…”
พอเอ่ยจบก็มีเสียงตบหน้าฉาดใหญ่ดังขึ้นจนหน้าหัน
ซินโย่วลงมือเองอย่างไม่ออมแรง ตบหน้าจังซวี่ติดกันหลายสิบทีจึงได้หยุดมือ
จังซวี่ปากเบี้ยวหน้าตาบวมปูด เจ็บปวดจนพูดไม่ออก
ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้ต่างพากันอ้าปากค้างอย่างตกใจจนลืมส่งเสียง
หรือกล่าวได้ว่าไม่กล้าส่งเสียง
ตบเต็มแรงไปหลายสิบที จะเจ็บเพียงใดกัน!
ซินโย่วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดมือ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “ปากสุนัขไม่มีทางคายงาช้างได้!”
แผ่นดินราชวงศ์ต้าซย่าก็คือแผ่นดินที่บิดาแท้ๆ ของนางบุกเบิกมาด้วยเลือดเนื้อ และมีแรงสนับสนุนจากมารดานางไม่น้อย ลูกหลานคนร้ายที่สังหารมารดานางตะโกนด่าทอนาง คิดว่านางจะยอมดำรงตนอ่อนโยนมีมารยาทเพื่อชื่อเสียงที่เป็นดังสุนัขผายลมนี่หรือ
ความรู้สึกปวดหัวมึนงงที่คุ้นเคยมาอีกแล้ว จังซวี่สบแววตาดำขลับของสาวน้อยแล้วก็อดกระถดตัวหนีไม่ได้ ความหวาดกลัวลุกลามจากหัวใจไปยังมือและเท้า แทรกลึกลงถึงกระดูกในทันที
นางกล้าทำทุกเรื่อง!
หลังจากรับรู้กระจ่างแล้ว ก็คล้ายดังว่าเงยหน้าถูกสาดด้วยน้ำแข็งผนึกโทสะของเขาเอาไว้
สาวน้อยเอ่ยเตือนเยียบเย็น “หากยังพูดจาเหลวไหลอีก แม้เจ้าถูกส่งเข้าคุก ข้าก็จะตามไปจัดการเจ้า”
มองออกว่าซินโย่วโมโหจริงแล้ว หวงเฉิงก็ผลักจังซวี่ทีหนึ่ง “นำตัวไปๆ!”
ซินโย่วมองจังซวี่ถูกลากตัวออกไปนิ่งเงียบก่อนหันไปกระดกมุมปากยิ้มให้เฮ่อชิงเซียว “ใต้เท้าเฮ่อ”
อารมณ์เหิมเกริมเมื่อครู่มลายหายไปหมดสิ้น คล้ายดังดาบคมกริบถูกเก็บเข้าฝัก กลายเป็นสาวน้อยอ่อนโยนเรียบร้อยคนเดิม
การเปลี่ยนแปลงนี้รวดเร็วเกินไป ทำให้ทุกคนที่ได้เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านี้พากันอ้าปากค้าง
เฮ่อชิงเซียวกลับไม่ได้รู้สึกอันใดแม้แต่น้อย แววตาเก็บซ่อนรอยยิ้มถามนางว่า “ตรวจสอบตระกูลจังต้องใช้เวลาไม่น้อย ซินไต้จ้าวจะเข้าไปดูด้วยไหม”
ซินโย่วส่ายหน้า “ข้าเพียงแต่มาดูสักหน่อย ไม่เข้าไปแล้ว”
ตระกูลจังจะมีจดหมายที่มีตราประทับอักษรจวินหรือไม่ คงต้องพึ่งพาใต้เท้าเฮ่อแล้ว นางเข้ามาร่วมด้วยคงไม่เหมาะ
“ข้าจะตรวจสอบให้ละเอียด” เฮ่อชิงเซียวรู้ว่าซินโย่วกำลังคิดอันใด
คนข้างๆ ได้ฟังบทสนทนาเรียบง่ายนี้ไม่เข้าใจอันใด ทั้งสองคนกลับรับรู้กันอย่างมิต้องเอ่ยวาจา
“เช่นนั้นก็ลำบากใต้เท้าเฮ่อแล้ว” ซินโย่วรอเฮ่อชิงเซียวเดินเข้าไปในจวนตระกูลจังอีกครั้ง ก่อนจะ
……….