สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 355 ประชุมท้องพระโรง
ตอนที่ 355 ประชุมท้องพระโรง
……….
จังโส่วฝู่ไม่ใส่ใจหน้าตาหรือ
แน่นอนว่าใส่ใจ
แต่ตอนนี้ภัยหายนะมาเยือน หากเขาเสียหน้าแล้วรักษาวงศ์ตระกูลไว้ได้บ้าง เช่นนั้นก็เสียเถอะ
“หลานชายข้ามีเรื่องกับซินไต้จ้าว อวี้เฉินไม่ตั้งใจล่วงเกินซินไต้จ้าว ขอซินไต้จ้าวโปรดให้อภัยด้วย”
ซินโย่วได้ยินคำอธิบายของจังโส่วฝู่ รู้สึกเพียงว่าน่าขัน
นี่คือคิดผลักเรื่องลอบสังหารเมื่อวานให้เป็นเพียงความแค้นส่วนตัวของนางกับจังซวี่หรือ
จำต้องกล่าวว่าจังโส่วฝู่รู้จักยามใดควรรุกยามใดควรสละ
หากเรื่องนี้กลายเป็นความแค้นส่วนตัวของผู้น้อย หากมีคนอื่นออกหน้าขอร้องแทน แผนการลอบสังหารของจังอวี้เฉิน เขายากหนีโทษตาย แต่รักษาคนอื่นๆ ในตระกูลจังเอาไว้ได้
ถึงกับหากโชคดี จังโส่วฝู่ก็อาจรักษาชีวิตไว้ได้
ตั้งแต่สืบพบความจริงของเหตุฮองเฮาซิน ซินโย่วก็เข้าใจแล้วว่ากลุ่มอำนาจอิทธิพลที่วางแผนลงมือกับมารดานาง ไม่ใช่มีเพียงแค่ตระกูลจัง แต่เป็นตระกูลใหญ่มากมายทางใต้ที่ร่วมผลประโยชน์กัน จังโส่วฝู่ยืนยันว่าเป็นความแค้นส่วนตัว พันธมิตรของเขาที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ย่อมพยายามออกมาช่วยเหลือ
มิใช่ว่าเพราะคนเหล่านี้มีคุณธรรมและน้ำใจอันใด แต่เพราะทันทีที่จังโส่วฝู่มองไม่เห็นความหวังแล้วเผยเรื่องใดออกมา พวกเขาก็อาจเดือดร้อนไปด้วย
ซินโย่วมองจังโส่วฝู่ด้วยสีหน้านิ่งสงบ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “จังโส่วฝู่มีอันใดก็ไปกราบทูลฝ่าบาทเองดีกว่า”
เสียงเคลื่อนไหวนอกประตูวังมาถึงพระกรรณฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อย่างรวดเร็ว
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่สนพระทัยว่ายังไม่ถึงเวลาประชุมท้องพระโรง ก็รีบผลุนผลันเสด็จออกไปก่อน
บรรดาขุนนางและชนชั้นสูงทยอยเข้ามาตามลำดับตำแหน่งขุนนาง ต่างพากันถวายบังคมเสียงดังสนั่น
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อดทนรอจนกระทั่งพิธีการจบลง ก็ทอดพระเนตรไปทางจังโส่วฝู่ที่แบกกิ่งหนามไว้บนหลัง “ขุนนางจัง หมายความว่าอย่างไร”
จังโส่วฝู่ปรี่ลงคุกเข่า เอ่ยน้ำเสียงแหบพร่า “กระหม่อมมีความผิด ขอฝ่าบาทลงอาญาด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
ในยามนี้ ตามหลักแล้วฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ควรถามจังโส่วฝู่ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น นี่คือสิ่งที่ทุกคนรวมทั้งจังโส่วฝู่คิดไว้
จังโส่วฝู่กำลังรอฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถาม ก็จะเล่าเรื่องลอบสังหารซินโย่วเมื่อวาน สร้างภาพให้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้คิดว่าเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทส่วนตัวของพวกเด็กน้อย ควรรู้ว่าภาพที่ลงมือสร้างก่อนย่อมลบล้างเปลี่ยนแปลงยาก
แต่ซินโย่วกลับปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็จะไม่ดำเนินไปตามปกติวิสัย คงไม่คิดถามเรื่องที่จังโส่วฝู่แบกกิ่งหนามมาประชุมท้องพระโรง แต่ควรจะถามบุตรสาวที่อยู่ๆ ปรากฏตัวขึ้นในที่ประชุมท้องพระโรง จึงจะไม่เป็นการปล่อยให้อาโย่วรู้สึกถูกโดดเดี่ยว
“ซินไต้จ้าว มาประชุมท้องพระโรงด้วยเรื่องใดหรือ”
ซินโย่วคุกเข่า สะอื้นไห้ในจังหวะที่จังโส่วฝู่แววตาแปรเปลี่ยน “เมื่อวานหม่อมฉันถูกลอบสังหารเพคะ เกือบไม่ได้มาเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้วเพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ผุดลุกขึ้นจากที่ประทับทันที “ลอบสังหาร นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น”
ซินโย่วหลุบตาลงปิดบังน้ำตา “เมื่อวานตอนเลิกงาน หม่อมฉันไปร้านหนังสือชิงซงก่อน ระหว่างทางจากร้านหนังสือกลับบ้าน มีชายถือร่มสีดำผู้หนึ่งพลันชักมีดสั้นแทงใส่ โชคดีที่มีลุงชราตรงหน้าหม่อมฉันลื่นล้ม ไก่ที่ถือไว้ในมือกระพือปีกบินใส่ชายผู้นั้น จึงได้ทำให้หม่อมฉันมีจังหวะหนีรอดมาได้…”
แม้ว่าซินโย่วยังมีสภาพปกติดีตรงหน้า แต่ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ยินก็ยังเคร่งเครียด “จากนั้นเล่า?”
“ตอนหม่อมฉันหนี ก็พบกับกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินกลุ่มหนึ่ง กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินไล่ตามไป ตอนกลางคืนหม่อมฉันได้รับข่าวจากคนของใต้เท้าเฮ่อ บอกว่าคนที่ลอบสังหารถูกจับแล้ว…” ซินโย่วมองไปทางจังโส่วฝู่ “ผู้ที่ลอบสังหารหนีไปยังที่พักของวงศ์ตระกูลจังโส่วฝู่ และหลังตรวจค้นก็พบมือสังหารอีกหกคน แต่ละคนฝีมือไม่ธรรมดาเพคะ!”
พอกราบทูลเช่นนี้ ก็ก่อให้เกิดคลื่นใหญ่โหมกระหน่ำทันที
จังโส่วฝู่ตะโกนเสียงแหบพร่า “ฝ่าบาท ล้วนต้องโทษกระหม่อมที่ไม่ได้ควบคุมคนในวงศ์ตระกูลให้ดี หลายวันก่อนจังซวี่หลานชายแท้ๆ ของกระหม่อมมีเรื่องกับซินไต้จ้าว จังอวี้เฉินหลานชายของกระหม่อมเห็นจังซวี่เป็นดังบุตรชายมาตลอด เห็นเขาโดนทำร้ายจนใบหน้าบวมปูด ก็มีความคิดหุนหันพลันแล่นไปเอาเรื่องซินไต้จ้าว…”
“สุนัขผายลม!” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตวาดพระสุรเสียงกริ้วหนัก ชี้จังโส่วฝู่ด่าขึ้น “มีเรื่องกันก็ส่งมือสังหารไป? มือสังหารเช่นนี้ ตระกูลเจ้าเลี้ยงดูไว้ถึงหกคน เจ้าคิดว่าเราโง่เขลาหรือ เฮ่อชิงเซียวล่ะ เฮ่อชิงเซียวอยู่ไหม”
เสียงก้องกังวานดังขึ้น “กระหม่อมเฮ่อชิงเซียวผู้บัญชาการสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ กองกำลังองครักษ์จิ่น หลิน ถวายบังคมฝ่าบาท”
“เราต้องการรู้ว่าแท้จริงว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น!”
“พ่ะย่ะค่ะ” เฮ่อชิงเซียวน้ำเสียงสงบนิ่ง เอ่ยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน “กระหม่อมรับพระบัญชาฝ่าบาทตรวจสอบเรื่องซินไต้จ้าวถูกลอบสังหาระหว่างทางกลับเมืองหลวง เพราะเกี่ยวพันกับผู้มีสถานะไม่ธรรมดา และเกี่ยวพันในวงกว้าง เป็นห่วงว่าซินไต้จ้าวจะพบเหตุอันตรายอีก จึงได้ส่งคนแอบให้การอารักขามาตลอด…”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อดพยักพระพักตร์ไม่ได้
ชิงเซียวยังคงไตร่ตรองได้รอบคอบ
“เมื่อวานตอนบ่ายมีคนลอบสังหารซินไต้จ้าวกลางท้องถนน ถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่กระหม่อมจัดมาอารักขาซินไต้จ้าวทำตกใจหนีไป กระหม่อมไล่ตามไปด้วยตนเอง จนกระทั่งไปถึงที่พักของตระกูลจังโส่วฝู่…” เฮ่อชิงเซียวชะงักไปครู่หนี่ง ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงดังขึ้นเล็กน้อย “ที่พักมือสังหารขุดอุโมงค์ลับไว้ ลอดออกไปยังกำแพงบ้านอีกหลัง ทั้งหมดถูกจับได้สิบสองคน หกคนในนั้นมีฝีมือการต่อสู้ อีกหกคนเป็นคนตระกูลจังธรรมดาทั่วไป…”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยิ่งฟัง สีพระพักตร์ก็ยิ่งเคร่งเครียด
“หลังการตรวจสอบมาตั้งแต่เมื่อคืน ทั้งหกคนที่มีฝีมือการต่อสู้ล้วนปากแข็งมาก อีกหกคนยอมรับสารภาพ”
“พวกเขาว่าอย่างไร” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รีบตรัสถามทันที
เดิมกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินทำคดี ได้ผลมาก็จะรายงานลับฮ่องเต้ นี่เป็นครั้งแรกที่นำมารายงานในราชสำนัก
บรรดาขุนนางและชนชั้นสูงต่างคิดเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมายว่า นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาฟังได้หรือ
“จากคำให้การ เมื่อวานคนที่ลอบสังหารซินไต้จ้าวชื่อว่าซื่อเถียน คนเช่นซื่อเถียนปกติฝึกยุทธ์กันแต่ในบ้าน ไม่ค่อยออกไปไหน ชาวตระกูลจังรับหน้าที่ส่งอาหารและเสื้อผ้าให้พวกเขา และคอยเป็นกำบังให้พวกเขา กระหม่อมสอบสวนซื่อเถียนอย่างหนักจนเขายอมรับว่าลอบสังหารซินไต้จ้าวเพราะจังอวี้เฉินบงการ ยังสารภาพเรื่องราวหลายปีมานี้ที่รับคำสั่งจังอวี้เฉินไปทำหลายภารกิจอีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เฮ่อชิงเซียวนำคำรับสารภาพออกมา
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรจังโส่วฝู่เยียบเย็น “จังโหย่วหมิง เจ้ามีอันใดจะกล่าวอีกหรือไม่”
“กระหม่อมอายุมากแล้ว บุตรชายจากไปเร็ว เรื่องราวในตระกูลมากมายก็มอบให้จังอวี้เฉินหลานชายไปจัดการ หลายปีมานี้ เรื่องในตระกูลทั้งในและนอกมากมาย บางครั้งยากใช้เหตุผลจัดการ ทำให้จังอวี้เฉินกระทำการเหิมเกริมไปบ้าง…ล้วนเป็นเพราะกระหม่อมไร้สามารถ ไม่อาจควบคุมคนในวงศ์ตระกูลได้ กระหม่อมมีโทษควรตายพ่ะย่ะค่ะ!”
“โทษควรตาย?” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กระดกมุมพระโอษฐ์ เพราะกริ้วมากเกินไปทำให้ดูแล้วกลับสงบนิ่งกว่าปกติ “จังโหย่วหมิง พวกเจ้าลุงหลานตั้งใจเลี้ยงดูมือสังหาร เพื่อเป้าหมายใดกันแน่”
“ฝ่าบาทโปรดพิจารณาด้วย ล้วนเป็นคนงานในบ้านจังอวี้เฉิน เพื่อช่วยให้งานสะดวกขึ้น เพียงแต่เขาค่อยๆ ทำเกินขอบเขต ต้องโทษกระหม่อม ไม่คิดว่าเขาจะวู่วามเพียงนี้ กระหม่อมรู้ว่ามีโทษควรตาย แต่ขอฝ่าบาทเห็นแก่กระหม่อมรับใช้ฝ่าบาทมาหลายปี ทรงเมตตาคนในวงศ์ตระกูลกระหม่อมด้วย…”
บรรดาขุนนางและชนชั้นสูงได้ฟังจังโส่วฝู่ขอร้องด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้ พวกขุนนางชาติกำเนิดยากจนยังไม่รู้สึกอันใด แต่พวกตระกูลที่มีรากฐานยาวนานพากันเห็นใจ
ก้าวมาถึงสถานะและวงศ์ตระกูลเช่นพวกเขาได้ ก็มักจะมีเรื่องที่ไม่อาจเปิดเผย หากต้องถูกจัดการขึ้นมา มีจวนใดไม่มีบ่าวที่ทำงานในลักษณะนี้บ้าง
พอคิดเช่นนี้ หลายคนก็เริ่มคิดจะออกมาขอร้องแทนจังโส่วฝู่ เพียงแต่ไร้ผู้นำ จึงพากันรอดูไปก่อน
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กลับไม่ได้ทรงรู้สึกเห็นพระทัย ยามเผชิญกับการขอร้องของจังโส่วฝู่กลับไม่รู้สึกพระทัยอ่อนแม้แต่น้อย และไม่คิดสนพระทัยว่าสาเหตุใด
ตระกูลเจ้าแก่นี่คิดสังหารบุตรสาวเขา หากใจอ่อนสมองเขาคงมีปัญหา
……….