สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 353 หายนะมาเยือน
ตอนที่ 353 หายนะมาเยือน
……….
อาจเพราะต้องการไม่ให้ดูต่างจากบ้านเรือนโดยรอบ บ้านหลังนี้ไม่นับว่าใหญ่มาก พอคนของเฮ่อชิงเซียวพังประตูเข้าไป ก็มีคนสองสามคนวิ่งออกมาด้วยสีหน้าแตกตื่นตกใจ ถามขึ้นว่า “ใครน่ะ!”
“ขโมย!”
ตอนกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเข้ามาก็จุดคบไฟสว่าง อาศัยแสงไฟเห็นคนคว้าเสื้อตัวนอกวิ่งออกมาอย่างรีบร้อนไม่ต่างอันใดกับชาวบ้านธรรมดา
เฮ่อชิงเซียวไม่ได้เอ่ยอันใดกับคนเหล่านี้แม้แต่คำเดียว ไล่ตามเงาร่างทางด้านหลังที่หนีไปอย่างรวดเร็ว
คนผู้นั้นวิ่งได้เร็ว แต่เฮ่อชิงเซียวเร็วยิ่งกว่า
เขาไล่ตามคนผู้นั้นผ่านสวนดอกไม้ ผ่านบ่อน้ำแห่งหนึ่ง เห็นว่าคนผู้นั้นใกล้จะชนกับประตูหลังแล้วก็พลันชะงัก หันกลับมามองบ่อน้ำทีหนึ่ง จากนั้นก็กระโดดลงไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่ตามหลังมาติด ๆ หลายนาย ต่างให้ความร่วมมือกันอย่างรู้งาน บางคนกระโดดลงบ่อน้ำไป ยังมีอีกส่วนอยู่เฝ้าด้านนอก อีกส่วนยิงควันสัญญาณแจ้งเหตุ
กล่าวว่าเป็นบ่อน้ำ แต่ในนั้นแห้งขอด พอแตะพื้น เฮ่อชิงเซียวก็รู้ว่าวิเคราะห์ได้ถูกต้อง ต้องหมอบคลานออกไป ใต้บ่อน้ำเป็นเส้นทางใต้ดิน คลานไปราวเจ็ดแปดจั้งก็เห็นทางออก
ระยะห่างนี้ ทางออกอยู่แค่อีกเรือนหนึ่งที่ติดกัน อย่าคิดว่าเพียงแค่ทะลุมาบ้านใกล้เรือนเคียง เพราะยามเผชิญเหตุการณ์คับขันก็จะหนีรอดได้อย่างสะดวก
ดังเช่นยามนี้
แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฝ่ายตรงข้ามคาดไม่ถึง ก็คือเฮ่อชิงเซียวไม่ได้มาเคาะประตูตามแบบฉบับการเข้าตรวจค้นปกติ
ควรรู้ว่าที่นี่เป็นสถานที่พักของคนในวงศ์ตระกูลจังโส่วฝู่ แม้จะนึกสงสัยอย่างไร ก็ควรจะมีมารยาทก่อนบุกเข้าไป ขอเพียงมีเวลาเพียงจิบชาครึ่งแก้ว ก็เพียงพอให้คนหนีไปทางใต้ดินใต้บ่อน้ำไปอย่างไร้สำเนียง
แต่เฮ่อชิงเซียวตามมาเร็วมาก ตอนเขากระโดดออกจากเส้นทางใต้ดิน มีคนสองสามคนเพิ่งออกไปได้ คนสุดท้ายเพิ่งจะลุกขึ้น
พวกเขาเห็นคนที่ออกมามิใช่พวกเดียวกันก็ลงมือพร้อมกัน
บางทีอาจเพราะเขาโชคร้ายในหลายเรื่อง แต่ในเรื่องวิชายุทธ์ เฮ่อชิงเซียวมีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา ไม่เคยตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบยามถูกเหล่ายอดฝีมือรุมล้อม
หลังจากต่อสู้กันมาครู่หนึ่ง กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินก็พากันมาถึง คนที่มากลุ่มแรกย่อมมาจากเส้นทางบ่อน้ำ คนเหล่านี้ล้วนเป็นลูกน้องที่มีฝีมือของเฮ่อชิงเซียว แต่ละคนล้วนมีฝีมือไม่เลว
จากนั้นก็มีกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินกรูกันมาจากประตูลานมากยิ่งขึ้น
หลังการต่อสู้ดุเดือดนานเกือบหนึ่งเค่อ สุดท้ายก็จบลงด้วยกำลังคนที่มากกว่า
บ้านสองหลังถูกเข้าเก็บกวาดแบบกวาดพรมค้นหาทุกซอกมุม บ้านข้างๆ ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็พากันออกมาดู มีคนแอบหลบออกไปแจ้งข่าวกับจังอวี้เฉิน คนมากมายยังไม่รู้ว่าเกิดเหตุอันใด ก็รีบเข้ามาขวางไว้
“พวกเจ้าเป็นใคร รู้ไหมนี่คือสถานที่ใด” คนผู้นี้อารมณ์เดือดดาล ยากจะเชื่อว่าตระกูลจังจะพบเจอเรื่องเช่นนี้
“กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินทำคดี ผู้ขัดขวางมีโทษสถานเดียวกัน!” หวงเฉิงแสดงป้ายคำสั่ง
“เรียนใต้เท้า ในบ้านทั้งสองหลัง จับได้ทั้งหมดสิบสองคน”
เฮ่อชิงเซียวพยักหน้า “นำตัวกลับไปสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ”
จังอวี้เฉินเพิ่งหลับ เสียงเคาะประตูปลุกให้เขาตื่นขึ้น
เขาผุดลุกขึ้นนั่งทันที พลันรู้สึกงุนงง
หวางซื่อเองก็ถูกปลุกให้ตื่นเช่นกัน แววตาสะลึมสะลือก็งุนงงเช่นกัน “นายท่าน…”
จังอวี้เฉินกลับหายง่วงแล้ว ไม่สนใจตอบหวางซื่อ แต่คว้าเสื้อตัวนอกคลุมกายก้าวออกมารวดเร็ว
“เกิดอันใดขึ้น”
คนที่มารายงานน้ำเสียงเคร่งเครียด “บ้านอาสิบถูกเจ้าหน้าที่ล้อมไว้แล้ว บอกว่ากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินทำคดี”
รูม่านตาจังอวี้เฉินขยายกว้างอย่างตกใจ ผลักคนที่มาแจ้งข่าวออกก่อนจะรีบก้าวออกไปทันที
สถานที่พักของชาวตระกูลจัง ไม่ไกลจากที่พักจังอวี้เฉิน แต่พอเขาไปถึง เฮ่อชิงเซียวก็นำตัวไปแล้ว
จังอวี้เฉินเดินเข้าไปในบ้านนั้น ตรงไปยังบ่อน้ำในมุมหนึ่งของสวนดอกไม้ด้านหลัง ปกติจะมีก้อนหินทับไว้ปากบ่อ ยามนี้ถูกผลักทิ้งไว้ด้านข้าง ถึงกับไม่ทันได้ปิดกลับเข้าไปใหม่เพื่ออำพราง เห็นได้ชัดว่าตอนนั้นเร่งรีบเพียงใด
ด้านนอกมีคนยืนอยู่มากมาย ล้วนเป็นใบหน้าคนคุ้นเคย ในบรรดาคนเหล่านี้ ส่วนมากไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ต่างพากันมองเขาตาปริบๆ
หวางซื่อไล่ตามออกมา เห็นจังอวี้เฉินสีหน้าซีดขาวดังหิมะ แต่ไรมาไม่เคยเห็นสามีสีหน้าย่ำแย่เพียงนี้ จึงนึกเป็นห่วงอย่างมาก “ท่านพี่ เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
จังอวี้เฉินตบแขนนางปลอบใจ ไม่กล่าวอันใด รีบไปจวนตระกูลจัง
จังโส่วฝู่ในฐานะผู้นำตระกูลจังและอายุมากแล้ว ข่าวสารไม่ส่งมาที่เขา จนกระทั่งจังอวี้เฉินไปเคาะประตูจวน
บ้านเรือนหลังเล็กที่พักของชาวตระกูลจังย่อมแตกต่างจากจวนตระกูลจังที่กว้างขวางอลังการกว่ามาก จังอวี้เฉินเดินมาพักหนึ่งจึงเห็นจังโส่วฝู่ยืนอยู่หน้าประตูห้องหนังสือ
พอเห็นจังอวี้เฉิน จังโส่วฝู่ก็ไม่สนใจความหนาวเย็นยามค่ำคืนดึกดื่น รีบก้าวเข้าไปหาทันที
“อวี้เฉิน เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
“มือสังหารทำงานล้มเหลว ถูกเปิดโปงแล้ว…” พอเข้าไปในห้องหนังสือ จังอวี้เฉินสบถออกมาอย่างยากเย็น
สีหน้าจังโส่วฝู่พลันเคร่งเครียด “เหตุใดจึงถูกเปิดโปงได้”
“กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินล้อมบ้านของอาสิบไว้แล้ว คาดว่าซื่อเถียนทำงานพลาด ถูกคนสะกดรอย…” จังอวี้เฉินยิ่งพูดสีหน้ายิ่งย่ำแย่ พอจะเข้าใจแล้ว “ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นรออยู่ด้านหลัง พวกเราหลงกลแล้ว!”
จังโส่วฝู่ล้มลงนั่งบนเก้าอี้ พลันแก่ชราลงไปในพริบตา “ข้าบอกแล้วว่าอย่ากระทำการประมาท เจ้ากลับไม่ฟัง…”
เขาไม่ได้หมายถึงซื่อเถียนที่รับหน้าที่ไปปฏิบัติภารกิจ และนำพากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมา
หากต้องการเลี้ยงดูมือสังหารซื่อสัตย์และมีฝีมือเหนือสามัญ ปกติยอมเก็บตัวไม่เปิดเผยตัวตนไม่ใช่เรื่องง่าย หลายปีมานี้คนที่เลี้ยงดูออกมา บ้างก็ตายไป บ้างก็บาดเจ็บ มีเสียหายและทดแทนอยู่ต่อเนื่อง มาถึงตอนนี้ คนที่ใช้งานได้มีไม่ถึงหกคน
ดาบทั้งหกเล่มนี้ล้วนเป็นดังสิ่งของไร้ค่า ยามตกอยู่มือศัตรูย่อมเลือกเส้นทางปลิดชีพตนเอง ไม่มีทางเลือกอื่น หากหนีเอาตัวรอดได้ย่อมต้องรีบหนี
“ตำหนิข้าที่ประเมินนังเด็กนั่นต่ำไป!” มาถึงตอนนี้จังอวี้เฉินไม่มีท่าทีมั่นใจดังเดิมอีกแล้ว มีแต่ความรู้สึกนึกเสียใจภายหลัง
หากไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามวางแหดักรอเขามาติด ซื่อเถียนลอบสังหารล้มเหลว กลับมาถึงสถานที่คุ้นเคยที่สุดก็ย่อมปลอดภัยที่สุด
“เจ้าบอกว่า กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินร่วมมือวางแผนกับนังเด็กนั่นไว้แล้ว?”
จังอวี้เฉินทุบโต๊ะเต็มแรง “เจ้าแซ่เฮ่อนั่น! กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมาเร็วมาก ข้าไปตรวจสอบที่นั่นมาแล้ว แม้แต่ก้อนปิดปากบ่อ พวกซื่อเถียนก็ไม่ทันได้เก็บคืนสภาพเดิม เห็นได้ชัดว่าตอนนั้นกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินบุกเข้าไปทันที เพราะหากมีช่วงเวลาเคาะประตู พวกซื่อเถียนก็จะหนีได้ทัน…”
นี่คือสาเหตุที่เขาตั้งสติได้ก็รู้ว่าหลงกลติดกับแล้ว
“ท่านลุงรอง จากนี้ไปควรทำอย่างไรดี”
จังอวี้เฉินไม่ได้ใช้น้ำเสียงไร้ซึ่งหนทางเช่นนี้กับจังโส่วฝู่นานมากแล้ว
บุตรชายจังโส่วฝู่จากไปเร็ว จังซวี่หลานชายเพียงคนเดียวก็ไม่เอาไหน พออายุของเขาเริ่มมากขึ้น จังอวี้เฉินทำงานเด็ดขาดและทำเรื่องไม่อาจเปิดเผยจนเคยชิน มักคิดไปเองว่าตนเองเป็นผู้มีสิทธิ์มีเสียงในวงศ์ตระกูล
แต่พอถึงยามนี้ ยามภัยหายนะมาเยือน จังอวี้เฉินจึงได้รับรู้ด้วยความตกใจว่าความมีเกียรติในยามปกติของเขาดังฟองอากาศ เพียงแตะก็หายวับไป
“ทำอย่างไรดี?” จังโส่วฝู่กล่าวซ้ำคำพูดของจังอวี้เฉิน หลับตาลง ก่อนจะลืมตาเต็มที่ฉายแววยากเข้าใจขึ้น “อวี้เฉิน หากเสียสละเจ้า แต่ข้าปกป้องสายตระกูลจังเอาไว้ได้ เจ้ายินดีหรือไม่”
จังอวี้เฉินสะดุ้ง น้ำเสียงแปรเปลี่ยน “ท่านลุงรอง?”
“โดนประหารทั้งตระกูล หรือไม่ก็เหลือรากฐานส่วนหนึ่งไว้ เจ้าเลือกอย่างไร” จังโส่วฝู่ถามเสียงสั่นเครือ
……….