สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 352 รวบแห
ตอนที่ 352 รวบแห
……….
ซินโย่วปรับทิศทางการเดินอย่างไม่เป็นที่สังเกต
เพิ่งจะมองไปทางลุงชราก็เกิดภาพหนึ่งปรากฏขึ้น ลุงชราพลันล้มลง ตะกร้าไผ่ในมือกระเด็นหลุดมือพร้อมไก่ตัวหนึ่งบินออกมา
จากนั้นก็มีแสงเงินวาบขึ้น ชายที่ถือร่มตกใจกับเหตุการณ์แปรเปลี่ยนกะทันหัน เผยมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ ก่อนจะวิ่งไปอีกทางหนึ่ง
นางมีดวงตาประหลาดที่มองเห็นเรื่องราวโชคร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นของคนข้างกายได้ แต่กลับมองไม่เห็นเรื่องตนเอง แต่ไรมานางไม่เคยเป็นตัวละครหลักของภาพที่เห็น
แต่ทว่าก็มิได้หมายความว่านางไม่อาจวางแผนให้ตนเองได้
ในภาพที่เห็น แม้ไม่มีนาง แต่เห็นทิศทางที่ชายถือร่มพุ่งไปก็คือทิศทางที่เดิมนางจะก้าวไป แต่ตอนนี้นางค่อยๆ แอบเบี่ยงเส้นทางเล็กน้อย ตอนฝ่ายตรงข้ามลงมือ นางก็จะคุมสถานการณ์ได้
ความคิดเหล่านี้ฟังแล้วยาวนาน แต่ความจริงเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ซินโย่วเดินผ่านลุงชรา ค่อยๆ ก้าวไปใกล้คนที่ถือร่มดำทีละก้าว
ในยามนี้เองก็มีเสียงร้องตกใจดังขึ้น ลุงชราลื่นล้มดังในภาพที่เห็น ตะกร้าไผ่หลุดมือ
เพราะซินโย่วแอบขยับไปทางด้านขวาเล็กน้อย ชายถือร่มพุ่งเข้ามาหานาง แต่เป้าหมายเบนออกด้านข้างอย่างไม่ทันสังเกต พอเป็นเช่นนี้ ไก่ที่บินหนีออกจากตะกร้าไผ่ไม่เพียงแต่ทำให้คนลงมือตกใจดังในภาพที่เห็น แต่ยังบินใส่เขาพอดี
ชายถือร่มเผยมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ แววตาจ้องมองไก่ที่บินหนีออกมาไม่กะพริบตา ก่อนจะมุ่งไปทางซินโย่วต่อ
แต่ซินโย่วกลับมีระยะเวลาตั้งตัวอย่างไม่เป็นที่สังเกต ถอยหลังวิ่งพลางตะโกนส่งเสียงร้องดัง “ช่วยด้วย…”
ชายผู้นั้นไล่ตามมารวดเร็ว
ในยามนี้เองกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินชุดหนึ่งก็ผ่านมา หัวหน้าชุดตวาดดุดัน “เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
ชายผู้นั้นถือมีดสั้นชะงัก ตัดสินใจละทิ้งภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ วิ่งหนีไปอีกทาง
“มีคนร้าย!”
“ตามไป อย่าปล่อยให้เขาหนีไปได้!”
เสียงทหารด้านหลังตวาดดังอย่างโมโหมาก ชายผู้นั้นวิ่งไม่เหลียวหลังหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว สลัดเสียงฝีเท้าไล่ตามมาให้ไกลออกไปเรื่อยๆ
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองสามนายที่ถูกให้อยู่คุมสถานการณ์จดจำซินโย่วได้ “คุณหนูซิน เป็นท่านได้อย่างไร ไม่เป็นอันใดกระมัง”
“คนผู้นั้นต้องการสังหารข้า!” ร่มไผ่ตกลงไปบนพื้นนานแล้ว สายฝนโปรยปรายกระทบใบหน้าขาวราวหิมะของสาวน้อย ทำให้นางดูแล้วยิ่งตกใจจนน่าสงสาร “ลุงชราท่านนั้นเป็นพยานได้!”
มองตามทิศทางที่นางชี้ไป ลุงชรายังคงนั่งอยู่บนพื้นลุกไม่ขึ้น
เขามิได้ลื่นล้มบาดเจ็บ แต่ตกใจ
พอองครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายเดินเข้ามา ลุงชราก็ยิ่งหวาดกลัว รีบเอ่ยอธิบาย “ไม่เกี่ยวข้องกับข้า ผู้ใดจะรู้ว่าไก่เพียงตัวเดียวกระพือบิน คนผู้นั้นก็จะสังหารคนกัน!”
“??” มีคนเช่นนี้ได้อย่างไร
“ท่านลุงอย่าได้กลัว ท่านเป็นพยาน ตามพวกเรากลับไปก่อน” กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินปลอบใจลุงชรา
ทหารองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งเก็บร่มขึ้นกางให้ซินโย่ว “คุณหนูซิน ระวังโดนฝนเป็นหวัด”
“ขอบคุณ” ซินโย่วรับร่มไผ่มาถือไว้ ส่งสายตามองไปยังทิศทางที่คนร้ายหนีไป
พอเห็นกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินปรากฏตัวก็ละทิ้งแผนการลอบสังหารอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่ามือสังหารได้รับคำสั่งมาว่า อย่าได้ถูกจับตัวได้
นี่คือสิ่งที่นางกับใต้เท้าเฮ่อต้องการ
สิ่งที่นางทำได้ล้วนทำหมดแล้ว จากนี้ก็ต้องรอดูทางใต้เท้าเฮ่อแล้ว
อาศัยค่ำคืนกำบังกาย ชายผู้นั้นเดินลอดผ่านตรอกหลายเส้นทาง สลัดกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่ไล่ตามมาได้สำเร็จ
เขาไม่กล้าประมาท จึงได้เดินอ้อมไปมาหลายรอบ ก่อนจะตรงไปที่พักอย่างระมัดระวัง
ฟ้ามืดเมฆาดำเคลื่อนคล้อยบดบังจันทรา เฮ่อชิงเซียวมองชายผู้นั้นหลบเข้าไปในบ้านชาวบ้านหลังหนึ่งด้วยแววตาเยียบเย็น
พื้นที่นี้เขาคุ้นเคยดี ก็คือพื้นที่พักอาศัยของเครือญาติจังโส่วฝู่
ตระกูลจังเป็นสายตระกูลใหญ่ทางใต้ รากฐานวงศ์ตระกูลไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง แต่ทว่าจังโส่วฝู่เป็นขุนนางในเมืองหลวงมาหลายปี พวกตระกูลจังทางใต้จึงพากันมาอาศัยต่อเนื่อง ค่อยๆ แผ่กิ่งก้านไพศาล
ขุนนางบุ๋นเลี้ยงดูมือสังหารไม่สะดวกเหมือนขุนพลทหาร จึงต้องให้ดำรงสถานะบ่าวธรรมดาและเลี้ยงดูอยู่ในกลุ่มคนของสายวงศ์ตระกูล มิใช่เรื่องแปลก
คนประเภทนี้ปกติมักสงบเสงี่ยม ไม่ทำตัวให้เป็นที่สนใจของคนภายนอก หากไม่ใช่เฮ่อชิงเซียวไล่ตามมาด้วยตนเอง หลังเสร็จภารกิจกลับถึงพื้นที่ตนเองก็ราวกับมัจฉาลงสู่วารี คิดควานหาตัวก็ยากลำบากยิ่ง
โดยเฉพาะสถานที่อยู่ร่วมกันของสายจังโส่วฝู่ที่เป็นขุนนางใหญ่ เจ้าหน้าที่ทางการทั่วไปทำคดีสืบมาถึงที่นี่ก็จะไม่กล้าวู่วามเข้ารบกวน แต่ตอนนี้สะดวกแก่การทำงานของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่ปรากฏตัวบนหัวถนนเป็นเพียงแค่ตัวหลอกมือสังหาร ภารกิจไล่สะกดรอยมือสังหารแท้จริงก็คือหน้าที่ของเฮ่อชิงเซียว
ตอนนี้ไล่ตามมาถึงที่ เฮ่อชิงเซียวสีหน้านิ่งสงบสั่งการลูกน้อง “ไปนำกำลังคนมา”
ลูกน้องรับคำสั่งไป ไม่นานก็หายลับไปท่ามกลางความมืด
เฮ่อชิงเซียวยืนนิ่งเรียบ ราวกับรูปปั้นที่ไร้ความรู้สึกรูปหนึ่ง แต่ทว่าในใจเขากระจ่างชัดอย่างมาก หลังฟ้าสาง ราชสำนักจะต้องตื่นตกใจดังคลื่นโหมกระหน่ำ
จวนจังอวี้เฉินกับบ้านเรือนใหญ่น้อยแถบนี้ไม่มีอันใดต่างกัน มีเพียงจวนพักเขาติดกับจวนตระกูลจัง เพื่อให้เขาไปหารือที่จวนตระกูลจังได้สะดวก และเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นผู้ได้รับความไว้วางใจจากจังโส่วฝู่มาก
ยามนี้ห้องหนังสือจังอวี้เฉินจุดโคมไฟสว่างมาตลอด เขานั่งอยู่ในห้องเพียงลำพัง แสงไฟวับแวมไปตามการสั่นไหวของเปลวเทียน บรรยากาศเคร่งเครียดอย่างมาก
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นยืน เดินไปที่ริมหน้าต่าง ผลักหน้าต่างออกไปมองด้านนอก
แสงด้านนอกเริ่มเข้าสู่ความสลัว เงาต้นไม้เคลื่อนไหว เสียงสายฝนกระทบใบไม้เสนาะหู แต่ผู้ที่ได้ยินกลับยิ่งหงุดหงิด
เพราะเน้นความปลอดภัยไว้ก่อน เขาไม่ได้จัดคนจับตาดูไว้อีกกลุ่ม ถึงตอนนี้มือสังหารกระทำการสำเร็จหรือไม่ก็ยังไม่รู้
นี่คือธรรมเนียมที่เขากำหนด หลังทำภารกิจสำเร็จห้ามมิให้มาพบเขาในทันที จะได้ไม่เป็นที่สังเกต
พรุ่งนี้ รอพรุ่งนี้เขาก็รู้แล้ว
จังอวี้เฉินปลอบใจตนเองเช่นนี้ แต่ความร้อนใจกลับไม่ลดลงแม้แต่น้อย
การลงมือครั้งนี้ไม่เหมือนตอนลงมือกับฮองเฮาซิน ตอนนั้นอาศัยดาบผู้อื่น สำเร็จอีกฝ่ายก็ได้ประโยชน์ไป ล้มเหลวก็จะไม่พัวพันมาถึงเขา แต่ตอนนี้ดาบของมือสังหารอยู่ในมือตนเอง หากไม่รอบคอบก็จะนำพาความยุ่งยากมาสู่ตนเองได้
แต่พอคิดถึงคนที่ส่งออกไปว่าเป็นคนที่มีฝีมือมากที่สุด จังอวี้เฉินก็ตั้งสติบอกกับตนเองว่าจะไม่เกิดเรื่องอันใด
แม้ว่าล้มเหลว การจะสลัดการติดตามหลุดก็มิใช่ปัญหา มีเพียงแค่อาจต้องเผชิญกับความกริ้วของฮ่องเต้และการสอบเข้มงวดของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน และนังเด็กนั่นมีโอกาสเตรียมตัวป้องกัน จะหาโอกาสลงมืออีกก็ไม่ง่ายแล้ว
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ใจจังอวี้เฉินขมวดตึง
ไม่นานก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น “ท่านพี่ ยังไม่นอนอีกหรือ”
จังอวี้เฉินผ่อนคลายลงก่อนเดินไปเปิดประตู
นอกห้องหนังสือก็คือหวางซื่อ ภรรยาจังอวี้เฉิน
หวางซื่อเป็นชาวเมืองหลวง นิสัยอ่อนโยน รูปโฉมโดดเด่น สองสามีภรรยาผูกพันสมัครสมาน แต่งงานมาหลายปี ก็มิได้มีเรื่องผู้หญิงเรือนหลังให้วุ่นวาย
ได้เห็นภรรยา สีหน้าจังอวี้เฉินก็อ่อนโยนลง “จะไปนอนแล้ว”
ขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา เฮ่อชิงเซียวกำลังจับตาบ้านหลังนั้นที่ถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินล้อมไว้แน่นหนาไม่ให้แม้แต่ลมเล็ดลอด
สายลมผสมผสานสายฝน ความหนาวเหน็บกดดันผู้คน กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่ล้อมบ้านกำลังรอรับคำสั่งด้วยอาการนิ่งเงียบ สายตาแต่ละคนมุ่งมั่นน่าตกใจ
แม้พวกเขาทำงานใหญ่จนชิน แต่การทุ่มสรรพกำลังเช่นคืนนี้หาได้ยากยิ่ง เพียงพอจะทำให้รู้สึกตื่นเต้นและให้ความสำคัญ
“ใต้เท้า เตรียมตัวพร้อมแล้ว”
เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าเดินไปด้านหน้าบ้านชาวบ้านหลังนั้น “กระแทกประตูออก”
ได้รับคำสั่ง ทหารกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองสามนายก็ผนึกกำลังกระแทกประตูบุกเข้าไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
เฮ่อชิงเซียวเดินเข้าไปคนแรก
……….