สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 351 สายฝนพรำ
ตอนที่ 351 สายฝนพรำ
……….
ใบหน้าฮว่าไต้จ้าวเผยรอยยิ้มสนิทสนม ถุงกระดาษอาบน้ำมันในมือมีขนมหวานหกชิ้นอัดแน่นเต็มถุง
ซินโย่วนิ่งอึ้งไปทันที แววตาเผยความประหลาดใจระคนยินดี “ให้ข้าหมดเลยหรือ”
ฮว่าไต้จ้าวนิ่งอึ้งไปทันที พยักหน้าด้วยสัญชาตญาณ “ใช่”
“ก่อนหน้านี้ได้กินขนมหวานที่ฮว่าไต้จ้าวให้ข้า อร่อยมาก คิดถึงมาตลอด”
ฮว่าไต้จ้าวเผยรอยยิ้มกว้าง “ซินไต้จ้าวชอบก็ดี”
ซินโย่วรับขนมหวานมา ถือถุงกระดาษอาบน้ำมันใหม่ให้ดี ก่อนก้าวออกนอกประตูไป
ฮว่าไต้จ้าวนึกแปลกใจ “ซินไต้จ้าว ไปไหนหรือ”
ซินโย่วถือถุงขนมหวานในมือ หัวเราะเบาๆ “ไปร้านหนังสือชิงซง ให้เพื่อนๆ ได้ลองชิมขนมหวาน”
พอนางเดินจากไปไกลแล้ว ไต้จ้าวท่านหนึ่งในโถงตะวันออกยืนส่ายหน้าอยู่หน้าประตู “เพิ่งมาทำงานก็กลับแล้ว?”
อีกคนเอ่ยน้ำเสียงปวดร้าว “คนเขาสถานะใด โดดงานไปมีผู้ใดควบคุม”
ฮว่าไต้จ้าวได้ฟังก็ค้อนใส่ “อย่างไรก็ไม่ต้องให้พวกเจ้ามาคอยควบคุม” พูดจบก็สะบัดหน้าเข้าโถงตะวันตกไป
“โอย ท่านดูเขา…” ไต้จ้าวที่กล่าววาจาเหน็บคิดไล่ตามไปเอาเรื่อง
อีกคนดึงเขาไว้ “เอาน่าๆ คนเขาเอื้อมไปคว้ากิ่งไม้สูงได้แล้ว พวกเรามีเรื่องด้วยไม่ไหว”
หลี่ไต้จ้าวเดินไปที่ประตูฟังทั้งสองคนเสียงวิพากษ์วิจารณ์เงียบๆ มือที่กำแน่นก็คลายออกด้วยสัญชาตญาณ ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ
ฉือไต้จ้าวเห็นฮว่าไต้จ้าวเข้ามามือเปล่าก็ถามว่า “พี่ฮว่า ขนมหวานล่ะ?”
“ขนมหวาน? ขนมหวานที่ไหน” ฮว่าไต้จ้าวแสร้งทำเลอะเลือน
“เมื่อครู่ท่านบอกว่าซื้อขนมหวานมาหลายชิ้นไม่ใช่หรือ บอกว่าเอาไปให้ซินไต้จ้าวชิ้นหนึ่งก่อน ที่เหลือให้พวกเราคนละชิ้นไม่ใช่หรือ”
“เจ้าฟังผิดแล้ว ไม่มีขนมหวาน” ฮว่าไต้จ้าวนั่งลงแล้วก็คลี่กระดาษวาดรูปออก ท้องพลันส่งเสียงร้องดังขึ้น
ซินโย่วออกจากสำนักฮั่นหลินย่วน เดินไปบนถนนด้วยท่าทางสบายๆ เดินตรงไปร้านหนังสือชิงซง
“ใต้เท้า คุณหนูซินไปร้านหนังสือชิงซงแล้ว”
ยามนี้ไปร้านหนังสือชิงซง ย่อมมีสถานการณ์ใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งสองคนต่างรับรู้ร่วมกันในเรื่องนี้โดยไม่ต้องเอ่ยวาจา เฮ่อชิงเซียวสั่งงานแล้วค่อยแอบไปร้านหนังสือชิงซง
ร้านหนังสือชิงซงยังไม่เปิดทำการ ซินโย่วเข้าไปทางเรือนตะวันออก ไปรอเฮ่อชิงเซียวที่โถงบุปผา
ตรงหน้านางก็คือขนมหวานหนึ่งถุง ถุงเงินหนึ่งถุง
“ท่านเจ้าของร้านยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้ากระมัง” หลิวโจวประคองน้ำชาและจานขนมเข้ามา
น้ำชาร้อนกรุ่น ขนมก็คือขนมดอกกุ้ยหวานหอมนุ่ม
“น้ำชา ข้าน้อยชงเองกับมือ ขนมดอกกุ้ยเป็นฝีมือน้าหยาง ท่านวางใจได้”
ซินโย่วพยักหน้า “ลำบากเจ้าแล้ว”
“ไม่ลำบากๆ” หลิวโจวแววตาส่องประกาย สีหน้าเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา
ตั้งแต่ติดตามเจ้าของร้านคนใหม่ ชีวิตมีแต่เรื่องน่าตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ เขามีความสามารถอันใดได้เป็นคนงานร้านหนังสือนี้!
ซินโย่วดื่มชาไปแก้วหนึ่ง กินขนมดอกกุ้ยไปสองชิ้น เฮ่อชิงเซียวก็มาถึง
“ใต้เท้าเฮ่อรับประทานอาหารเช้าแล้วหรือยัง”
เฮ่อชิงเซียวเดิมคิดบอกว่ากินมาแล้วตามมารยาท แต่พอสบสายตายิ้มละไมของสาวน้อย ก็กลับตอบตรงกันข้ามดังภูตผีดลใจ “ยังไม่ได้กินมา”
หลิวโจวกำลังถอยออกไปได้แต่จ้องมองเฮ่อชิงเซียวทีหนึ่ง
ใต้เท้าเฮ่ออยู่ต่อหน้าคุณหนูงดงามเช่นนี้ เอ่ยวาจาตรงไปหน่อยไหม ไม่คิดสนใจภาพลักษณ์ตนเองในสายตาอีกฝ่ายแม้แต่น้อยหรือ
เฮ่อชิงเซียวมองแววตาหลิวโจวก็เข้าใจ พลันนิ่งเงียบลง
เขาเปล่านะ เขาสนใจ!
“ใต้เท้าเฮ่อกินขนมดอกกุ้ยสองชิ้นรองท้องก่อน”
เฮ่อชิงเซียวกินขนมดอกกุ้ยสองชิ้นเงียบๆ ไม่มากไปและไม่น้อยไป จากนั้นก็เริ่มคุยเรื่องสำคัญ “คุณหนูซินพบเรื่องใดมาหรือ”
ซินโย่วส่งถุงเงินให้เขา
ถุงเงินสีอ่อนปักดอกล้วยไม้เรียบหรูงดงาม ต่างจากถุงเงินสีเข้มทรงเหลี่ยมที่เฮ่อชิงเซียวใช้ประจำ
ให้เขา?
เฮ่อชิงเซียวยื่นมือไปรับ ก็ได้ยินซินโย่วเอ่ยว่า “วันนี้ไปสำนักฮั่นหลินย่วน ข้าพบว่ามีคนแตะต้องกระปุกใบชาในห้องทำงาน จึงได้หยิบใบชาออกมาใส่ในถุงเงินนี้ ใต้เท้าเฮ่อมีคนที่จำแนกของมียาพิษได้หรือไม่”
เฮ่อชิงเซียวถือถุงเงินในมือชะงักไปครู่หนึ่งก็ตอบว่า “มี”
“ยังมีขนมหวานอีกชุด ตรวจดูพร้อมกัน” ซินโย่วดันขนมหวานไปตรงหน้าเขา
“นี่คือ…”
“ฮว่าไต้จ้าวให้ข้า แม้ว่าข้ารู้สึกว่าฮว่าไต้จ้าวไม่มีปัญหา แต่ทว่าในยามไม่ปกติเช่นนี้ ของกินที่มาถึงมือข้าก็ควรต้องตรวจสอบให้มั่นใจสักหน่อย” ซินโย่วเอ่ยเช่นนี้ด้วยสีหน้าสบายๆ
นางไม่ได้เล็งไปที่ฮว่าไต้จ้าว แต่ระมัดระวังไว้ก่อนเป็นดี ดังนั้นไม่มีอันใดต้องอ้อมค้อม
“เช่นนั้นรอข่าวจากข้า” เฮ่อชิงเซียวมองซินโย่ว แววตารู้สึกขอโทษ “หลายวันนี้ลำบากเจ้าแล้ว”
เขาเคยประสบชีวิตที่ต้องระมัดระวังไปทุกเรื่องมาก่อน เขารู้สึกแทบทนไม่ได้
เขามีสถานะเป่ยเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ความจริงควรตรวจสอบความจริงให้กระจ่างด้วยตนเอง มิใช่อาศัยอาโย่วมาเป็นเหยื่อล่อ
“ไม่ลำบากอันใด” แววตาซินโย่วส่องประกายดังแสงดาวสุกใส “นี่คือเรื่องที่ข้ารอคอยมานาน”
เดินทางเข้าเมืองหลวงตัวคนเดียว ค่อยๆ ก้าวมาที่ละก้าว ในที่สุดก็มาถึงตรงนี้
ซินโย่วกลับถึงสำนักฮั่นหลินย่วน พอเที่ยงออกมาหาอะไรกิน ก็ได้รับข่าวว่ากระปุกชามีหญ้าพิษผสมอยู่ ส่วนขนมหวานไม่มีปัญหา
ดูท่าการวางยาพิษเป็นวิธีการที่ฝ่ายตรงข้ามเลือกกระทำก่อน หากนางไม่เปิดโอกาสให้พวกเขา ขั้นต่อไปน่าจะลอบสังหาร นี่คือเรื่องที่นางกำลังรออยู่
จากนั้นอีกหลายวันต่อมา ซินโย่วตื่นเช้ามาก็ไปทำงาน เลิกงานก็ไปร้านหนังสือชิงซง อยู่ร้านหนังสือชิงซงราวหนึ่งชั่วยามก็ค่อยกลับที่พัก ดำเนินชีวิตอย่างเป็นระเบียบแบบแผน
จังอวี้เฉินหาโอกาสวางยาซินโย่วไม่ได้สักที ไม่คิดเสียเวลาต่ออีกแล้ว
แต่ไรมาเขาเป็นคนลงมือเด็ดขาด ตอนนั้นที่วางอุบายฮองเฮาซินก็เป็นเช่นนี้ ปีที่แล้วตอนพบเบาะแสฮองเฮาซินและชักนำกู้ชางป๋อไปลงมือก็เช่นกัน
ท่านลุงรองของเขาผู้นั้นมีความรู้ มีความสามารถ แต่ทว่ามักจะคอยห่วงหน้าพะวงหลัง ทำให้พลาดโอกาสอยู่เสมอ
“ไปเถอะ ไม่ว่าสำเร็จหรือไม่ อย่าได้ตกอยู่ในมือฝ่ายตรงข้าม”
ชายกำหมัดก้มหน้ารับคำสั่ง ไม่เอ่ยอันใดก็ถอยออกไป
ในวันนี้ซินโย่วออกจากร้านหนังสือชิงซง ด้านนอกก็มีสายฝนพรำเบาๆ
หลิวโจวเอ่ยเสนอ “ท่านเจ้าของร้านนั่งรถกลับไปเถอะ”
เจ้าของร้านคล้ายว่าชอบเดินมาก ไม่เหนื่อยหรือ
“ไม่ต้อง ฝนไม่หนัก นั่งอยู่สำนักฮั่นหลินย่วนมาตั้งนาน เดินผ่อนคลายสักหน่อย”
“ท่านเจ้าของร้าน ถือร่มไปด้วย” จูเสี่ยวเยวี่ยส่งร่มให้คันหนึ่ง
“ขอบคุณ” ซินโย่วรับมาแล้วก็กางร่มออกไป
ร่มอาบน้ำมันที่ใช้ก้านไผ่เป็นแกนกางออกแล้วก็เป็นภาพบุปผาสีเขียวดอกหนึ่ง ค่อยๆ เคลื่อนไปกลางสายฝนโปรยปราย กันสายฝนเย็นได้และยังกันสายตาผู้คนได้อีกด้วย
เย็นมากแล้วและยังฝนตก ท้องถนนคนเดินไปมาน้อยมาก เสียงฝีเท้ารีบร้อนเดินกันไป
ซินโย่วถือร่มเดินไปอย่างไม่รีบร้อน
นางมีลางสังหรณ์ว่าฝ่ายตรงข้ามจะลงมือตอนนี้แล้ว
ฟ้ามืดแล้ว คนเดินไปมาน้อย คนถือร่มเคลื่อนไหวไปมาอย่างไรก็ย่อมต้องส่งผลต่อระยะสายตามองเห็น หากนางเป็นมือสังหารก็ย่อมเลือกโอกาสนี้
เดินผ่านร้านค้าเรียงราย รอบด้านเริ่มกว้างขึ้น ลุงชราผู้หนึ่งถือตะกร้าสานใบใหญ่ไว้ในมือ เดินตากฝนมาทางนาง
ห่างจากลุงชราออกไปสามจั้งยังมีอีกคนหนึ่ง คนผู้นั้นถือร่มสีดำคันหนึ่ง เพราะถือร่มต่ำปิดบังใบหน้า ดูจากร่างกายแล้วเป็นชายหนุ่ม
ซินโย่วมองไปยังลุงชราที่เริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
อาศัยแสงตะเกียงจากชายคาของร้านค้าสองข้างทางส่อง ก็มองเห็นใบหน้าธรรมดาของลุงชรากระจ่างชัด สีหน้าซื่อๆ ไม่ได้มีอันใดสะดุดตา
สายตาซินโย่วกลับไปหยุดที่ใบหน้าลุงชราครู่หนึ่งก่อนจะถอนสายตากลับ