สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 347 ฎีกาถล่มทลาย
ตอนที่ 347 ฎีกาถล่มทลาย
……….
โถงกลางร้านหนังสือคนไม่น้อย ยามนี้บ้างก็มองมาตรงๆ บ้างก็แอบเหลือบมองเงียบๆ
จังซวี่ขมวดคิ้ว “มีอันใดไม่สะดวกคุยที่นี่”
“คุณชายจังตามข้ามา” ซินโย่วเอ่ยคำนี้แล้วก็หันหลังเดินไปทางห้องรับรอง
ทุกคนจับจ้องนางเดินไป จนกระทั่งสายตาถูกสกัดไว้ที่นอกม่านประตู
“คุณชายจังเชิญว่ามาได้” ซินโย่วนั่งลง
จังซวี่นั่งลงอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย เปิดประเด็นถามขึ้นตรงๆ ทันทีว่า “คุณหนูซินยังจำไต้เจ๋อได้หรือไม่”
ซินโย่วคาดเดาไว้แล้วว่าเขาจะถามถึงไต้เจ๋อ ยิ้มบางกล่าวว่า “ย่อมจำได้”
“ไต้เจ๋อมองคุณหนูเป็นผู้สูงส่ง เพราะเจ้าจงใจสร้างเรื่องกระมัง” จังซวี่ถามพร้อมกับจ้องมองซินโย่ว
ตั้งแต่รู้สถานะแท้จริงของซินโย่ว คำถามนี้ก็อัดแน่นอยู่ในใจเขา ไม่เอ่ยออกมาย่อมอัดอั้น
“ข้าเองก็มีคำถามถามคุณชายจัง”
จังซวี่เลิกคิ้ว “ข้าถามก่อน”
“แต่นี่คือคำถามที่สองของท่าน คำถามแรก ข้าตอบไปแล้วไม่ใช่หรือ”
“คำถามแรก…” จังซวี่นึกถึงคำถามแรกว่ายังจดจำไต้เจ๋อได้หรือไม่ สีหน้าก็พลันดำทะมึน “นับเป็นคำถามด้วยหรือ!”
นั่นคือเขาจงใจเสียดสีนาง
ซินโย่วน้ำเสียงเยียบเย็น “สำหรับข้าแล้ว ใช่”
“ได้ เจ้าถามมา” จังซวี่คร้านจะไล่เรียงคำถามนี้ต่อ
อีกสักครู่เขายังต้องกลับสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนอีก
“ต้วนอวิ๋นหลางเป็นฝีมือท่าน?”
จังซวี่แววตาวูบไหวตะลึงงัน เห็นชัดว่าคาดไม่ถึงว่าจะถูกถามคำถามนี้
สาวน้อยตรงหน้านั่งท่วงท่าผ่อนคลาย เผยให้เห็นความเกียจคร้านไม่สนใจอันใดนัก มุมปากมีรอยยิ้มเยาะบางๆ คล้ายเดิมพันมั่นใจว่าเขาไม่กล้ายอมรับ
รอยยิ้มเยาะบางๆ นั้นคล้ายดังดาวเพลิง[1]จุดประกายอารมณ์โทสะของจังซวี่ให้ลุกโชน
“ใช่แล้วอย่างไร”
ซินโย่วกระดกมุมปาก “คุณชายจังช่างเปิดเผยแท้ ข้ายังคิดว่าท่านจะไม่กล้ายอมรับ” ใช้วิธีการยั่วยุกับคุณชายเสเพลสถานะเช่นจังซวี่ที่ข่มผู้อื่นจนชินได้ผลดีดังคาด
“น่าขัน ข้ามีอันใดไม่กล้ายอมรับ” จังซวี่หัวเราะเยาะ
ซินโย่วพยักหน้า “ยอมรับก็ดี”
“เจ้าควรตอบคำถามที่ข้าถามเมื่อครู่ได้แล้ว”
“ไต้เจ๋อหรือ เพื่อตรวจหาความจริงเรื่องการสังหารท่านแม่ข้า ข้าจงใจตีสนิทจริง”
“ดังคาด เจ้าหลอกใช้เขา!”
ซินโย่วแค่นเยาะ “คุณชายจังช่างทรงคุณธรรมจริง มาเพื่อทวงความยุติธรรมให้สหายรัก หรือว่าจวนกู้ชางป๋อล้มเพราะข้าหลอกใช้เขา เขาหรือว่าถูกเนรเทศไปชายแดนเป็นฝีมือข้า คุณชายจัง แม้แต่อันใดเหตุ อันใดผล ก็ยังไม่กระจ่าง กล้ามาเอาเรื่องกับข้าได้อย่างไร”
“เจ้า…”
ซินโย่วตัดบทจังซวี่ “แล้วเจ้าล่ะ เหตุใดทำร้ายต้วนอวิ๋นหลาง”
“เขาสมควรโดน กล้าสะบัดหน้าหนีข้า ไม่ดูเสียบ้างว่าตนเองมันตัวอันใด” จังซวี่จ้องแววตากระจ่างของซินโย่วเอ่ยวาจายิ่งไม่น่าฟัง “คุณหนูซินใส่ใจเช่นนี้ หรือว่าเป็นน้องสาวเขานานเกินไป จนเริ่มมีใจพันผูกแล้ว…โอ๊ย…”
เสียงร้องเจ็บปวดดังขึ้น
บรรดาลูกค้าที่ยังรีรออยู่ที่โถงไม่ยอมจากไป ได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดนี้ก็พากันหันขวับมองไปทางห้องรับรอง
ตามมาด้วยเสียงร้องตะโกนดังราวกับฟ้าผ่าของจังซวี่ “เจ้าถึงกับกล้าใช้น้ำชาสาดข้า…”
เสียงดังโครมครามด้านใน พร้อมกับเงาร่างหนึ่งพุ่งออกมา
ทุกคนในห้องโถงไม่ทันมองกระจ่าง คนด้านหลังก็ไล่ตามออกมาติดๆ เท้าหนึ่งถีบคนด้านหน้าเต็มแรง
ซินโย่วยังไม่หยุด กระทืบซ้ำต่อ
ในห้องโถงเงียบกริบ ทุกคนมองสาวน้อยที่กระทืบจังซวี่ด้วยอาการตาค้างดังไก่ไม้
เจ้ากรมตรวจสอบเหอก้าวเข้ามา ยกเท้าขึ้นค้างกลางอากาศ
เดิมเจ้ากรมตรวจสอบเหอจะไม่มาติดกันสองวัน แต่ทว่าเมื่อวานไม่ได้พบคุณหนูจู วันนี้เลิกงาน…แค็กๆ เจ้าลาน้อยก็วิ่งมาทางนี้ เขาดึงอย่างไรก็ไม่เป็นผล
จังซวี่คิดจะคลานลุกขึ้นโต้กลับ แต่เพิ่งยันตัวลุกขึ้นก็ถูกกระทืบหมอบกับพื้นอีก เจ็บปวดจนหน้ามืดตาลาย ไร้เรี่ยวแรงจะโต้กลับ
พริบตาก็มีเพียงเสียงร้องเจ็บปวดของเขาดังออกไปไกลมาก ทุกคนต่างมองกันตาค้าง อย่าว่าแต่ส่งเสียง ถึงกับลืมหายใจเสียด้วย
สำหรับคนที่ไม่ค่อยเชื่อในการควบคุมตนเองของตนยังต้องยกมืออุดปากเอาตนเองไว้
หากส่งเสียงดัง คุณหนูโค่ว…อ้อ ไม่สิ คุณหนูซินหันมากระทืบเขาแทน จะทำอย่างไร
จะกระทั่งเสียงฝีเท้าดังขึ้น สายตาหลายคู่มองไปทางประตู
เจ้ากรมตรวจสอบเหอวางเท้าลง
ไม่วางลงก็คงไม่ได้ ยืนขาเดียวไม่ได้
การเคลื่อนไหวของเจ้ากรมตรวจสอบเหอทำให้ในที่สุดสถานการณ์เงียบกริบของกลุ่มคนในห้องโถงที่พากันมองสภาพจังซวี่ถูกกระทืบอย่างแปลกใจก็จบลงตามไปด้วย
หลิวโจววิ่งเข้ามาคนแรก “ท่านเจ้าของร้าน ท่านพักสักครู่เถอะ”
ผู้ดูแลร้านหูเองก็กล่อม “อย่าลงมือกับเขาหนักไป เจ็บมือเจ็บเท้า”
ผู้คนได้ยินต่างรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง
ผู้ดูแลร้านแท้จริงเป็นห่วงว่าลงมือกับเขาจนเขาเจ็บมือเจ็บเท้า หรือว่าห่วงคนต่อยเจ็บมือเจ็บเท้ากันแน่
ซินโย่วหยุดลง
ยามนี้เองนักเรียนสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนสองคนก็ปรี่เข้ามา “พี่จัง ได้ยินว่าพี่ถูกคุณหนูซิน…”
เห็นสภาพอนาถของจังซวี่แล้ว ทั้งสองคนก็หลุดเสียงร้องตกใจ
เจ้าหัวหมูที่นอนพังพาบที่พื้นคือผู้ใด
ซินโย่วมองไปทางทั้งสองคนด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก ในความทรงจำนักเรียนสองนี้คือลูกสมุนของจังซวี่
ไม่รู้ว่าสภาพจังซวี่ยามนี้น่าอนาถมาก หรือว่าแววตาสาวน้อยยามนี้เยียบเย็นเกินไป ทั้งสองคนพากันถอยหลังกรูดพร้อมกันด้วยสัญชาตญาณ
จังซวี่พยายามเงยใบหน้าบวมปูดขึ้น คำรามใส่ทั้งสองคน “ยังไม่รีบประคองข้าขึ้นมาอีก!”
ลูกสมุนสองคนจึงได้เหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน วิ่งไปประคองเขา
“ซี๊ด…เบาหน่อย!” จังซวี่กว่าจะตะกายขึ้นมาได้ เจ็บปวดจนสองขาสั่นเทา ดวงตาเขียวช้ำจ้องมองซินโย่วเขม็ง “เจ้าคอยดูๆ!”
ซินโย่วปัดฝุ่นตามตัวที่เดิมก็มิได้มีติด “ให้ข้าคอยอันใด”
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นองค์หญิงแล้วก็จะลงมือกับผู้อื่นตามอำเภอใจได้หรือ ข้าจะไปฟ้องท่านปู่ข้า!”
ซินโย่วยิ้มดูแคลนกล่าวว่า “สู้ไม่ได้ก็ไปฟ้องผู้ใหญ่ที่บ้าน ช่างน่าเลื่อมใสเสียจริง”
จังซวี่สะอึก ใบหน้าบวมปูดมองไม่เห็นอันใด แต่คำพูดนี้ทำเอาพูดไม่ออก
สู้ผู้หญิงไม่ได้กลับไปฟ้องผู้ใหญ่ แพร่ออกไปไม่มีหน้าพบผู้คนจริงๆ
“สรุปก็คือเจ้าคอยดู!” จังซวี่ทิ้งตัวไปบนลูกสมุนคนหนึ่ง เดินขาเป๋ออกไป ในใจสาบานว่าจะหาโอกาสจัดการสั่งสอนเด็กสาวโหดเหี้ยมผู้นี้เหมือนที่จัดการต้วนอวิ๋นหลาง
ล้มเลิกความคิดไปฟ้องจังโส่วฝู่หมดสิ้น
ซินโย่วมองจังซวี่จากไปด้วยแววตาเยียบเย็น กวาดตามองทุกคนในห้องโถง
แม้ว่าอยากรู้ว่าจะเกิดอันใดต่อ แต่ลูกค้าในร้านต่างพากันสลายตัวหนี เหลือเพียงเจ้ากรมตรวจสอบเหอสีหน้างุนงง
ตามหลักแล้ว เขาเป็นขุนนางตรวจสอบ ควรเขียนฎีกาเรื่องที่ได้พบได้เห็นในวันนี้ แต่หากทำเช่นนี้ วันหน้าจะมาร้านหนังสือชิงซงอีก คงถูกคุณหนูจูขับไล่ไปกระมัง
อืม เขาตัดสินใจทำเสียว่าไม่ได้มา อย่างไรก็เป็นเรื่องทะเลาะวิวาทของเด็กสองคน ไม่ได้เสียหายอันใด
เจ้ากรมตรวจสอบเหอหันหลังจากไปเงียบๆ
ในร้านหนังสือเหลือเพียงคนของตนเอง ผู้ดูแลร้านหูอดกล่าวอย่างเป็นห่วงไม่ได้ “ท่านเจ้าของร้าน แม้คุณชายจังไม่ไปฟ้องผู้ใหญ่ แต่วันนี้คนมากมายเห็นภาพนี้ ไม่นานเรื่องที่ท่านลงมือกับเขาก็จะแพร่ออกไป”
“ผู้ดูแลร้านวางใจ และก็ไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจว่าจะแพร่ออกไปหรือไม่ ห้องรับรองเละเทะอยู่สักหน่อย พวกท่านเก็บกวาดสักหน่อย ข้าจะเข้าวังก่อน”
“เข้าวัง?”
“อืม เข้าวังไปทูลฟ้อง”
พอซินโย่วออกไป หลิวโจวถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจว่า “ผู้ดูแลร้าน ท่านเจ้าของร้านจะไปทูลฟ้อง?”
กลับตาลปัตรกันไปแล้วหรือไม่
[1] หมายถึง ดาวอังคาร