สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 326 ปฏิเสธตำแหน่งองค์หญิง
ตอนที่ 326 ปฏิเสธตำแหน่งองค์หญิง
อาหารกลางวันจบลงอย่างไร้รสชาติ ต่างดำรงธรรมเนียมเคร่งครัด ยามกินอาหารไม่เอ่ยวาจา
หลังอาหาร ไทเฮาบ้วนพระโอฐษ์แล้วก็เริ่มรู้สึกเกียจคร้าน “ข้าเหนื่อยแล้ว มีเรื่องอันใดไว้ค่อยคุยกันก็แล้วกัน ”
“เสด็จแม่พักผ่อนให้ดีๆ”
ออกจากตำหนักฉือหนิงกง ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ตรัสกับองค์หญิงใหญ่เจาหยางและซิ่วอ๋อง “พวกเจ้ากลับไปก่อน เรามีเรื่องจะคุยกับอาโย่วสักหน่อย”
ซิ่วอ๋องมองซินโย่วนิ่งลึกทีหนึ่ง ก่อนประสานมือทูลลา
องค์หญิงใหญ่เจาหยางกลับถามขึ้นว่า “อาโย่ว วันนี้พักในวังหรือ”
ซินโย่วทูลฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ “หม่อมฉันไม่ชินกับการอยู่ในวังนานเพคะ”
องค์หญิงใหญ่เจาหยางกลัวคำพูดนี้จะทำให้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่พอพระทัย รีบยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “เสด็จพี่ รอเสด็จพี่คุยกับอาโย่วจบ ก็ให้อาโย่วไปพักที่จวนองค์หญิงใหญ่สักสองสามวันนะเพคะ”
ตอนซิ่วอ๋องอยู่ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่อยากถกเรื่องจะให้บุตรสาวที่เพิ่งยอมรับกันพักที่ใด ไว้หน้าองค์หญิงใหญ่เจาหยางก็แล้วกัน “อืม”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กลับถึงตำหนักเฉียนชิงกง ในที่สุดก็ทนถามเรื่องที่เก็บกดไว้ในใจมานานไม่ไหว “อาโย่ว เจ้ากำลังตำหนิเราหรือ”
“หม่อมฉันมิกล้า”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้จ้องมองสีหน้าเยียบเย็นของสาวน้อย ก่อนถอนพระปัสสาสะ “เรารู้ว่าในใจเจ้าน้อยเนื้อต่ำใจ วันหน้าจะต้องชดเชยให้เจ้าอย่างดีที่สุด”
“ฝ่าบาทเข้าพระทัยผิดแล้ว หม่อมฉันไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แต่เล็กมาหม่อมฉันมีอิสระ มีชีวิตที่ดีมาตลอด ต่อมาพอท่านแม่เกิดเรื่อง เข้าเมืองหลวงมาเพื่อค้นหาความจริง เรื่องอื่นๆ ไม่เคยคิดเพคะ” ซินโย่วกล่าวความในใจด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ
นางไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจริงๆ ชีวิตที่มีความสุขที่สุดของนางก็คือตอนเป็นอาโย่ว ตอนเป็นคุณชายซินได้ท่องเที่ยวไปทั่ว ได้รับรู้ชีวิตวิถีชาวบ้าน หากเติบโตในวัง ย่อมต้องดำรงธรรมเนียม ยังต้องอดทนกับการหาเรื่องตำหนิของไทเฮา คิดแล้วก็ขนลุก
ความรู้สึกอยุติธรรมของนางเกิดเพราะเหตุที่เกิดกับท่านแม่เท่านั้น
หากกล่าวกันตามหลักเหตุผล นางยอมรับกลับคืนวงศ์ตระกูลไปแต่โดยดี คนผู้นี้ไม่นานก็จะคุ้นชินกับการดำรงสถานะบิดา จากนั้นก็จะใช้สถานะบิดาด้วยสัญชาตญาณ เรียกร้องจากนาง ควบคุมนาง แต่ตอนนี้ เขากลับผ่อนปรนกว่ามากอย่างไม่รู้ตัว
ซินโย่วกำลังคิดเช่นนี้ ก็รู้สึกเศร้าใจ
หากมิใช่มีสิ่งที่ต้องการ ไยต้องวางแผนคาดเดาจิตใจผู้อื่น
“แม้เจ้าไม่อยาก แต่เจ้าก็เป็นบุตรสาวคนโตของเรา องค์หญิงพระองค์โตแห่งราชวงศ์ต้าซย่า” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงคิดว่าซินโย่วกำลังใช้อารมณ์ แต่ก็เข้าใจนาง ได้แต่ตรัสพระสุรเสียงอ่อนโยน “เราคิดดีแล้ว แต่งตั้งเจ้าเป็นองค์หญิงต้าซย่า พระราชทานจวนที่ติดกับที่พักเสด็จอาของเจ้าให้เป็นจวนองค์หญิง”
องค์หญิงต้าซย่า…ตำแหน่งยิ่งใหญ่แท้ บารมีเกรียงไกรยิ่ง
ซินโย่วได้ยินว่าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้จะพระราชทานราชทินนามให้นาง ก็สบสายตาเปี่ยมด้วยเมตตาของเขา นิ่งเงียบไปนานก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันมีคำถามเพคะ”
นี่คือจะยอมอ่อนข้อแล้ว
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เผยรอยแย้มสรวลอย่างไม่รู้ตัว “เจ้าว่ามา”
“องค์ชายใหญ่ องค์ชายรอง องค์ชายสาม องค์ชายสี่…พวกเขาล้วนมีโอกาสได้เป็นรัชทายาท หม่อมฉันเป็นองค์หญิง มีโอกาสเป็นรัชทายาทหญิงไหมเพคะ”
รอยแย้มสรวลฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ชะงักกึก ขมวดพระขนงทันที
นี่กำลังพูดจาเหลวไหลอันใดกัน
ซินโย่วยิ้มกล่าวว่า “ฝ่าบาทคิดว่าคำพูดนี้เหลวไหลกระมัง หม่อมฉันกำลังพูดจาเหลวไหลจริงๆ เพคะ ทรงอย่าได้ถือสา แต่ตำแหน่งองค์หญิงต้าซย่า หม่อมฉันมิยินดีรับเพคะ”
ยามนี้เอง ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ในที่สุดก็รับรู้ได้ว่า สาวน้อยตรงหน้ากับบุตรสาวที่เขาคิดภาพเอาไว้อย่างสมเหตุสมผลนั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
จะว่าไปก็จริง ก่อนนางเข้าเมืองหลวงก็ใช้สถานะคุณชายซินเดินทางไปทั่ว ช่วยเหลือคนมากมาย พอเข้าเมืองหลวงมาก็เปิดร้านหนังสือ บริจาคเงินสร้างกุศล ตอนลงใต้ก็ปราบทหารกบฏ ช่วยผู้ประสบภัย เรื่องต่างๆ ที่นางทำมา ไม่แน่ว่าผู้ชายส่วนใหญ่จะทำได้ดีกว่า ความคิดนางต่างจากหญิงสาวทั่วไปก็มิแปลก
สมควรแล้วที่เป็นบุตรสาวของเขากับซินซิน
ในแต่ละยุคสมัยที่ผ่านมา ไม่มีผู้ใดได้เป็นรัชทายาทหญิง ไม่รู้จริงๆ ว่าบุตรสาวมีความคิดเช่นนี้ได้อย่างไร
“อาโย่ว…”
ซินโย่วจ้องมองสีพระพักตร์จนปัญญาของฮ่องเต้นิ่งเงียบ
ยามสบสายตากระจ่างใสอย่างยิ่งคู่นี้ วาจาอบรมของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ต้องกลืนกลับลงไป “เราไม่บีบบังคับเจ้า ราชทินนามองค์หญิงต้าซย่า เราก็จะเก็บไว้ให้เจ้าก่อน เพียงแต่เรื่องที่พัก…”
“จวนที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ก่อนหน้านี้ก็ดีมากแล้วเพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่ค่อยพอพระทัยจวนเล็กที่บุตรสาวอยู่ แต่ยามเห็นสีหน้านิ่งสงบของนาง แม้ว่าไม่เหมือนภรรยาในความทรงจำ แต่กลิ่นอายกลับเหมือนอย่างมาก จึงไม่อาจใช้ไม้แข็งได้
ตอนนั้นที่ซินซินพบพวกพระสนมอันผินก็นิ่งเงียบเช่นนี้ ทำให้เขาคิดไปเองว่านางยอมรับได้ ผู้ใดจะรู้ว่าไม่นานจากนั้นก็ออกจากวังไปเงียบๆ ไปแล้วก็ไม่กลับมาอีก เขาไม่อยากจะทำให้บุตรสาวที่เพิ่งหาพบยังไม่ทันได้เรียกเสด็จพ่อก็หนีไปอีก
“เช่นนั้นก็อยู่ไปก่อน ไว้เปลี่ยนสาวใช้ชุดหนึ่งไป” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รอมชอม เปลี่ยนบทสนทนา “จวนรองเจ้ากรมเข้าใจผิดว่าเจ้าเป็นคุณหนูโค่วของพวกเขา ก็คงมีคำอธิบายต่อภายนอก แต่ยังคงต้องมีการคาดเดาต่างๆ นานาอีก เราคิดว่าประชุมท้องพระโรงพรุ่งนี้ก็จะกล่าวเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะได้ไม่ต้องให้ผู้คนพากันคาดเดาไปเอง”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
“ยังมีเรื่องทางในวังอีก อีกสองวันก็มาร่วมงานเลี้ยง ให้รู้จักทุกคนกันไว้”
“เพคะ” ซินโย่วไม่ปฏิเสธอีก
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อดผ่อนคลายลงไม่ได้ พอซินโย่วกลับไป ก็รู้สึกโมโหอยู่นิดหน่อย
เขาเป็นบิดา เสียหน้าไปสักหน่อยหรือไม่
ซินโย่วออกจากวังมา เดินไปได้ไม่ไกลก็เห็นซิ่วอ๋องรออยู่ทางหนึ่ง นางไม่ได้แสร้งทำมองไม่เห็น แต่ก้าวเข้าไปอย่างเปิดเผย
“อาโย่ว…”
“ซิ่วอ๋องเรียกข้าว่าคุณหนูซินดีกว่า”
ซิ่วอ๋องนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก็ส่ายหน้าเล็กน้อย “เดิมเจ้าก็เป็นพี่น้องแท้ๆ กับข้า คำเรียกขาน ‘คุณหนูซิน’ห่างเหินเช่นนี้ ข้าเรียกไม่ออก”
ซินโย่วรู้สึกนึกขำ “ท่านอ๋องก็มิได้คุ้นเคยกับข้า…”
ครั้งนี้กลับเป็นซิ่วอ๋องตัดบทนาง “สำหรับข้าแล้วมิใช่ ตอนเดินทางลงใต้ขากลับเมืองหลวง พวกเราได้อยู่ร่วมกันเช้าจรดค่ำหลายวัน ในใจข้า พวกเราไม่ได้เหินห่าง หากไม่ยินดีให้ข้าเรียกอาโย่ว เช่นนั้นข้าก็จะเรียกว่าน้องหญิง”
“ท่านอ๋องเรียกข้าว่าซินโย่วก็ได้”
“เช่นนั้นเจ้าก็เรียกข้าว่าเฉินผิง?” ซิ่วอ๋องถามกลับ
ซินโย่วเม้มปาก
ซิ่วอ๋องหลุบตาลงเล็กน้อย “ข้ามารออยู่ที่นี่ ก็คิดอยากบอกน้องหญิงสักคำว่า ขออภัย ด้วย”
“ท่านอ๋องเรียกข้าว่าอาโย่วเถอะ”
เทียบกับการถูกคนผู้นั้นกับเสด็จอาเรียกว่า ‘อาโย่ว’ ซินโย่วพบว่าคำว่า ‘น้องหญิง’ ทำให้นางอึดอัดมากกว่า
แววตาซิ่วอ๋องเผยรอยยิ้ม “ตกลง”
ซินโย่วมองชายหนุ่มที่เผยรอยยิ้มบางด้วยสีหน้าปกติยิ่ง
ซิ่วอ๋องโตกว่านางไม่ถึงสองปี ยังหนุ่มมาก มีแววตาและรอยยิ้มในแบบฉบับชายหนุ่มกระจ่างใส สะอาดและอ่อนโยน ความรู้สึกสงสัยที่เคยมี ยามเผชิญกับรอยยิ้มเช่นนี้ก็คล้ายว่าจะมลายหายไปหมดสิ้นอย่างง่ายดาย
“ขออภัย หากมิใช่ว่าข้าวู่วาม ก็คงไม่ทำให้เจ้าต้องเผชิญเรื่องลำบากใจเช่นนี้”
ซินโย่วยกชายกระโปรงที่ปักลวดลายบุปผาหลายชั้นซับซ้อน เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ วันๆ สวมแต่ชุดบุรุษก็ยุ่งยากมาก ตอนนี้ได้กลับคืนสู่สภาพเดิมก็ดีมากเช่นกัน”
“อาโย่วไม่ตำหนิข้าก็พอ” ซิ่วอ๋องท่าทางเหมือนคลายความกังวลลงได้
“อาโย่ว” องค์หญิงใหญ่เจาหยางเดินเข้ามา
“เสด็จอา ยังไม่กลับอีกหรือเพคะ”
“ตามอาไปพักที่จวนองค์หญิงใหญ่สองวัน” องค์หญิงใหญ่เจาหยางพยักพระพักตร์ให้ซิ่วอ๋องเล็กน้อย ก่อนดึงซินโย่วขึ้นรถม้าที่จอดอยู่ด้านข้าง
รถม้ามีตราสัญลักษณ์จวนองค์หญิงใหญ่แล่นทะยานรวดเร็ว ซิ่วอ๋องยืนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นรถม้าที่จอดอยู่ด้านหลังไม่ไกลนักจากไป
ตำหนักเฉียนชิงกง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้สงบพระสติอารมณ์กับเรื่องบุตรชายกลายเป็นบุตรสาวได้พอสมควรแล้วก็รับสั่ง “เรียกตัวฉางเล่อโหวเข้าวัง”
……………………………………………………………………..