สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 322 กลับคืนสู่โฉมหน้าแท้จริง
ตอนที่ 322 กลับคืนสู่โฉมหน้าแท้จริง
ขุนนางกรมพิธีการกลับไปแล้ว ทุกคนในจวนรองเจ้ากรมต่างยินดีปรีดาราวกับได้รับเกียรติยศนี้เช่นกัน บรรดาเจ้านายเองกลับอารมณ์แตกต่างกันไป
นายหญิงผู้เฒ่าดึงมือซินโย่วมายิ้มจนใบหน้ายับย่น “รอยายส่งป้ายขอพระราชานุญาตเข้าวังก่อน ค่อยพาเจ้าไปขอบพระทัย”
ฮูหยินตราตั้งจะเข้าวังเข้าเฝ้าไทเฮา แน่นอนไม่ใช่บอกว่าจะพบก็ได้พบ ต้องเป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติ
ซินโย่วพยักหน้ารับๆ ไปอย่างนั้น
รองเจ้ากรมต้วนเห็นนางถือพระราชโองการไว้ด้วยสีหน้านิ่งสงบ ในใจก็รู้สึกสับสน
แท้จริงนังเด็กนี่มีแผนการอันใดกัน จะไปเป็นพระชายาจริงหรือ
แต่สถานะนาง ไม่ใช่…รองเจ้ากรมต้วนคิดไปอีกทาง ก่อนจะระงับไม่ให้ทึ้งผมตนเองอีก
ไม่ได้สิ หากเป็นดังที่เขาคิด นังเด็กนี่กับซิ่วอ๋อง ใช่ว่า ใช่ว่า…
“ชิงชิง เจ้ามานี่หน่อย”
รองเจ้ากรมต้วนพาซินโย่วเดินออกไปไกลอีกหน่อยแล้วก็กระซิบถามขึ้นว่า “ตอนนี้ราชโองการพระราชทานสมรสมาแล้ว เจ้ามีแผนการอย่างไรกันแน่”
ซินโย่วมองเขาทีหนึ่ง น้ำเสียงเย็นเยียบเล็กน้อย “ท่านลุงไม่รู้สึกว่ายิ่งรู้น้อยยิ่งดีต่อท่านลุงหรือ”
“เหตุใดเจ้าจึง…” รองเจ้ากรมต้วนสะดุ้งในใจก่อนตั้งสติได้
นังเด็กนี่พูดถูก ไม่รู้อันใดจึงจะดีที่สุด!
รองเจ้ากรมต้วนจึงไม่ถามอีก บอกลานายหญิงผู้เฒ่าแล้วก็เดินไปห้องหนังสือ
พอซินโย่วพาเสี่ยวเหลียนกลับเรือนหว่านฉิง ต้วนอวิ๋นหลางก็ไล่ตามมา “น้องชิง เจ้า เจ้าจะแต่งกับซิ่วอ๋องจริงหรือ”
ซินโย่วเอียงหน้าไปมองสีหน้าร้อนใจของชายหนุ่ม แต่ไม่ตอบ
“น้องชิง…” ต้วนอวิ๋นหลางเขยิบเข้ามาใกล้อีกนิดพลางกระซิบว่า “เจ้า…เต็มใจหรือ”
ต้วนอวิ๋นหลางเดิมคิดถาม แล้วใต้เท้าเฮ่อเล่า?
ซินโย่วยิ้มกล่าวว่า “พี่รองอย่าได้พูดจาเหลวไหล ข้าจะต้องกลับเรือนหว่านฉิงไปจัดการอันใดสักหน่อยก่อน รอไว้ว่างพวกเราค่อยมาคุยกัน”
ต้วนอวิ๋นหลางหยุดตาม พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ มองตามซินโย่วเดินจากไปไกลแล้วก็ถอนหายใจ ก่อนหันหลังเดินกลับ
“พี่ใหญ่?”
ต้วนอวิ๋นเฉินไม่รู้มายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อใด พอต้วนอวิ๋นหลางเดินเข้าไปใกล้ก็ขมวดคิ้วเตือนว่า “ไทเฮาพระราชทานสมรส น้องรองอย่าได้มากความ จะได้ไม่นำภัยมาสู่จวนรองเจ้ากรมเรา”
“ทราบแล้ว” ต้วนอวิ๋นหลางรับคำให้ผ่านๆ ไปอย่างนั้น ก่อนเดินอ้อมต้วนอวิ๋นเฉินไปทันที
ต้วนอวิ๋นเฉินยังยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าย่ำแย่ไม่น้อย
ชายหนุ่มที่เคยเลื่อมใสบูชาเขาเต็มเปี่ยมผู้นั้นหายไปแล้ว น้องรองเริ่มเย็นชาต่อเขาตั้งแต่เมื่อใดกัน
ต้วนอวิ๋นเฉินไม่เข้าใจ และก็รู้สึกยอมรับไม่ได้
ซินโย่วกลับถึงเรือนหว่านฉิงก็สั่งการไว้ ก่อนจะแอบลอบออกจากประตูหลังจวนรองเจ้ากรม
พอออกมาก็ตรงไปยังตรอกแห่งหนึ่ง สองข้างเป็นกำแพงสูง สายลมเย็นพัดเข้ามาในตรอก
ซินโย่วก้มศีรษะลงเล็กน้อยก่อนเดินออกจากตรอก หางตาเหลือบมองไปทางหนึ่ง
เขาไม่เหมือนนางที่แต่งกายชุดชาวบ้านทั่วไป พยายามไม่ทำตัวให้เป็นที่สังเกตยามอยู่บนท้องถนน เฮ่อชิงเซียวยืนอยู่ตรงนั้น ตอนนางเหลือบไปเห็น เขาจึงได้เดินเข้ามา
“คุณหนูโค่วจะไปที่ใดหรือ” เฮ่อชิงเซียวมองสาวน้อยที่แต่งกายเป็นชายหนุ่มอีกครั้งอย่างนึกสงสัย
ซินโย่วนิ่งเงียบไปนานก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ “ใต้เท้าเฮ่อควรเรียกข้าว่า ‘คุณหนูซิน’”
ในใจเฮ่อชิงเซียวกระตุกวาบ สีหน้ายากบ่งบอกอารมณ์ “ตัดสินใจแล้ว?”
ไม่มีสถานะ ‘คุณชายซิน’ คุณหนูซินก็จะสูญสิ้นอิสรภาพที่จะโบยบินในวันหน้าแล้ว
ซินโย่วยิ้มกล่าวว่า “อย่างไรก็คงไม่อาจเป็นพระชายาซิ่วอ๋องได้”
เอ่ยถึงซิ่วอ๋อง เฮ่อชิงเซียวก็มีสีหน้าหนักใจ
ไม่ว่าซิ่วอ๋องมีใจต่อคุณหนูโค่วหรือว่าทำให้คุณหนูซินจำต้องกลับคืนสู่สถานะแท้จริง สองประเด็นนี้ ก็ยากทำให้เขารู้สึกดีต่อซิ่วอ๋อง
ยามนี้เองเฮ่อชิงเซียวจึงได้พบว่า ที่แท้ตนเองมิใช่คนใจกว้าง
“ใต้เท้าเฮ่อไม่ควรมา” ซินโย่วเดินผ่านเฮ่อชิงเซียวไป
มือหนึ่งยื่นออกมาคว้าข้อมือนางไว้
ซินโย่วหยุดมองเขาเงียบๆ
เฮ่อชิงเซียวปล่อยมือ “พระทัยฮ่องเต้ยากคาดเดา คุณหนูซินไปครั้งนี้ หากถูกลงอาญาหลอกลวงเบื้องสูงจะทำอย่างไร”
“ไม่อาจหนี ได้แต่เดิมพันสักครา” ซินโย่วยิ้มผ่อนคลาย “ใต้เท้าเฮ่อวางใจ ข้าเดิมพันไม่เคยพลาด”
เฮ่อชิงเซียวรู้ดีว่าความผ่อนคลายของนางก็เพื่อทำให้คนที่ห่วงใยนางวางใจ จึงเผยรอยยิ้มบางเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ขอให้คุณหนูซินโชคดี”
เขามองตามซินโย่วเดินจากไปไกลแล้ว ก็กลับสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ รอฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เรียกเข้าเฝ้า
ยามนี้ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กำลังสนทนากับองค์หญิงใหญ่เจาหยาง
“เสด็จพี่พระราชทานสมรสให้ซิ่วอ๋องกับคุณหนูโค่วหรือ เหตุใดกะทันหันเช่นนี้เพคะ” องค์หญิงใหญ่เจาหยางได้ยินข่าวก็รีบเข้าวังทันที
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พบว่าน้องสาวท่าทางเหมือนไม่ดีใจ ก็รีบโยนเรื่องนี้ไปอีกทาง “แค็ก แค็ก ความต้องการของเสด็จแม่”
“เสด็จแม่ถึงกับคิดเป็นแม่สื่อให้คุณหนูโค่วจริงหรือ…” องค์หญิงใหญ่เจาหยางพึมพำ เต็มไปด้วยความแปลกใจ
หรือว่านางคิดไม่ดีไปเอง ตอนถวายพระพรปีใหม่วันนั้นเข้าใจเสด็จแม่ผิดไป
“น้องพี่ห่วงใยเรื่องแต่งงานของคุณหนูโค่วเพียงนี้หรือ” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แย้มสรวลตรัสถาม
เขารู้ว่าองค์หญิงใหญ่เจาหยางเย็นชาต่อบรรดาองค์ชายองค์หญิงในวัง น้องสาวได้ยินข่าวพระราชทานสมรสย่อมต้องเข้าวัง เห็นชัดว่าไม่ใช่เพื่อซิ่วอ๋อง
“หม่อมฉันชื่นชมคุณหนูโค่ว เดิมยังคิดให้รุ่ยเอ๋อร์แต่งกับนาง” องค์หญิงใหญ่เจาหยางไม่คิดปิดบัง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้คาดไม่ถึง “ก่อนหน้านี้เหตุใดไม่เห็นน้องพี่เอ่ยถึง”
องค์หญิงใหญ่เจาหยางเบ้มุมปาก “เสด็จแม่ตรัสว่าจะเป็นแม่สื่อให้คุณหนูโค่ว หม่อมฉันกำลังวางแผนหาโอกาสทูล ต่อมาพอได้รู้เรื่องของพี่สะใภ้ จึงไม่มีใจมาคิดเรื่องพวกนี้…”
องค์หญิงใหญ่เจาหยางนิ่งอึ้งไปทันที
จะเหมือนกันได้อย่างไร ชายที่แต่งก็ไม่เหมือนแล้วไหม!
ยามนี้เองขันทีก็เข้ามารายงาน “ซินไต้จ้าวขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
พอได้ยินว่าซินโย่วมา ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็สบตากับองค์หญิงใหญ่เจาหยาง แต่ก็มิได้ให้องค์หญิงใหญ่เจาหยางหลบออกไป รับสั่งให้ขันทีนำนางเข้ามา
ไม่นานชายหนุ่มในชุดไว้ทุกข์สีอ่อนก็เดินเข้ามา ในมือมีพระราชโองการ
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมองค์หญิงใหญ่”
“ลุกขึ้นได้” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มุมพระโอษฐ์อมยิ้ม ตรัสให้ซินโย่วลุกขึ้น จึงได้สังเกตเห็นสีเหลืองทองชัดเจน “นี่คือ…”
ในความทรงจำเขา เขาไม่เคยพระราชทานพระราชโองการให้มู่เอ๋อร์
ซินโย่วยกพระราชโองการขึ้น “นี่คือพระราชโองการที่ฝ่าบาทพระราชทานให้คุณหนูโค่วกับซิ่วอ๋อง”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้นิ่งอึ้งไปทันที “เหตุใดมาอยู่ในมือซินไต้จ้าว”
“เพราะคุณหนูโค่วรับไว้ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“รับไว้ไม่ได้?” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยิ่งสับสน อดมองไปทางองค์หญิงใหญ่เจาหยางทีหนึ่งไม่ได้ เห็นองค์หญิงใหญ่เจาหยางเองก็มีปฏิกิริยาไม่ต่างกัน จึงแน่ใจว่าตนเองฟังไม่ผิด
“พระราชโองการนี้ ขุนนางกรมพิธีการมอบให้คุณหนูโค่วกับมือ…” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ชะงัก ก่อนจะเริ่มคาดเดา
หรือว่ามู่เอ๋อร์เองก็ชอบคุณหนูโค่ว
ใช่แล้ว ตอนแรกมู่เอ๋อร์ใช้สถานะท่านซงหลิงติดต่อกับคุณหนูโค่วหลายครั้ง ทั้งสองคนอายุและหน้าตาก็เหมาะสมกัน ในใจชื่นชมกันและกันก็ย่อมมิใช่เรื่องแปลก
เหตุใดเขาคิดไม่ถึง!
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อดหงุดหงิดพระทัยไม่ได้
หากรู้มาก่อนว่ามู่เอ๋อร์ชอบ ก็คงไม่พระราชทานสมรสไปเช่นนั้น แต่ตอนนี้มีพระราชโองการลงไปแล้ว…
“รบกวนช่วยข้าถือหน่อย”
ซินโย่วส่งพระราชโองการให้ขันทีข้างๆ ก่อนจะควักผ้าเช็ดหน้าสีเหลี่ยมจากแขนเสื้อออกมา ก่อนจะหยิบขวดเล็กๆ ใบหนึ่งออกมาเปิดฝาขวดแล้วก็เทน้ำในขวดในผ้านุ่มผืนหนึ่ง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กับองค์หญิงใหญ่เจาหยาง จ้องมองนางใช้ผ้านุ่มค่อยๆ เช็ดใบหน้าเขม็ง ตั้งแต่หน้าผากลงมาถึงคาง
ใบหน้าที่คุ้นเคยค่อยๆ เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย ก่อนจะเริ่มคุ้นเคยอีกครั้ง
ขณะฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กำลังตกพระทัย ซินโย่วก็ยกมือดึงปิ่นปักผมออก ปล่อยให้เส้นผมยาวสลวยตกลงมา