สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 321 สมรสพระราชทาน
ตอนที่ 321 สมรสพระราชทาน
รองเจ้ากรมต้วนเห็นสาวน้อยจมจ่อมอยู่ในภวังค์ความคิด ความคิดที่ว่านางไม่ใช่หลานสาวเขาก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง
แต่เห็นชัดว่าเป็นชิงชิงนี่
ไม่ ไม่ ไม่ คล้ายว่ามีส่วนไม่เหมือน ดวงตานังเด็กนี่ยาวกว่าชิงชิงอยู่สักหน่อย จมูกก็โด่งกว่านิดหน่อย…
รองเจ้ากรมต้วนพยายามหวนรำลึกถึงใบหน้าของโค่วชิงชิง กลับพบว่าใบหน้าเด็กสาวผู้นั้นเลือนรางไปหมดแล้ว
“ค่ำแล้ว ท่านลุงกลับไปได้แล้ว”
รองเจ้ากรมต้วนตั้งสติได้ก็ย้ำอีกครั้ง “เจ้าจะไม่ออกไปข้างนอกอีกใช่ไหม”
“ไม่ เช้าวันพรุ่งนี้ ข้าจะไปคำนับท่านยาย”
รองเจ้ากรมต้วนฝืนพยักหน้า ลากฝีเท้าหนักอึ้งออกไป
หลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนค่ำแล้ว เสี่ยวเหลียนยืนเช็ดผมให้ซินโย่วอยู่ด้านหลัง
“คุณหนูผอมลง”
ซินโย่วมองคนในกระจกที่หวีผมให้นางก็ยิ้มเอ่ยว่า “หลายวันนี้ลำบากเจ้าแล้ว”
“ไม่เจ้าค่ะ พอบอกกับนายท่านใหญ่กระจ่าง ก็มีชีวิตอิสระแล้วเจ้าค่ะ”
เสี่ยวเหลียนคิดตกอย่างมาก อย่างไรนางก็มาติดตามคุณหนูแล้ว อย่างเลวร้ายสุดก็แค่หนึ่งชีวิต
“คืนก่อนในวันเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง คุณชายรองก่อเรื่อง…”
ได้ฟังเสี่ยวเหลียนพูดจบ ซินโย่วเอ่ยขึ้นเบาๆ “คุณหนูโค่วมีพี่ชายที่ดีคนหนึ่ง”
คนในจวนรองเจ้ากรมก็มิใช่สมควรตายทั้งหมด หากต้องถูกประหารเพราะนาง ก็เป็นหนี้ที่นางติดค้างแล้ว นี่ก็คือสาเหตุหนึ่งที่นางกลับมา
“คุณหนูเล่าเรื่องลงใต้ให้บ่าวฟังสักหน่อยได้ไหมเจ้าคะ ได้ยินว่าคุณหนูกับใต้เท้าเฮ่อได้ปราบโจรภูเขา ยังช่วยเหลือผู้ประสบภัย”
ซินโย่วเริ่มเล่า “วันนั้นหยุดพักอยู่บนเส้นทางหลวง…”
เฮ่อชิงเซียวได้ฟังลูกน้องรายงาน
“วันนี้นายหญิงผู้เฒ่าตระกูลต้วนเข้าวัง”
ได้ฟังข่าวนี้ ในใจเฮ่อชิงเซียวก็แอบรู้สึกไม่ค่อยดี
บนถนนค่ำนี้ คล้ายว่าเขาเห็นคุณหนูซิน
สาวน้อยผู้นั้นสวมหมวก ดูอีกทีก็ไม่เห็นเงาแล้ว แต่ความรู้สึกเขาก็คือคุณหนูซิน
หากว่ามองไม่ผิด คุณหนูซินเข้าเมืองมาแล้ว…
เฮ่อชิงเซียวรับรู้ได้ทันทีว่านั่นมิใช่คุณหนูซิน แต่เป็น ‘คุณหนูโค่ว’ ปรากฏตัวแล้ว
เรื่องที่ต้องการให้คุณหนูโค่วปรากฏตัว ไม่ยากคาดเดา อาจเกิดเหตุในจวนรองเจ้ากรม นำมารวมกับเรื่องนายหญิงผู้เฒ่าเข้าวัง
แม้กล่าวว่ากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเป็นดังพระเนตรพระกรรณฮ่องเต้ แต่ก็มีบางเรื่องที่แตะต้องได้ บางเรื่องไม่อาจแตะต้อง เช่นว่าเรื่องภายในกำแพงวัง ก็คือเรื่องที่กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินไม่ควรข้องเกี่ยว นี่คือข้อห้ามใหญ่หลวง
เฮ่อชิงเซียวไม่ได้สืบละเอียด ส่งลูกน้องไปสุสานหลวง น่าเสียดายต้องรอพรุ่งนี้เช้าประตูเมืองเปิดจึงจะรู้สถานการณ์ทางนั้นได้
ค่ำคืนนี้เฮ่อชิงเซียวนอนไม่หลับ ซินโย่วก็นอนไม่หลับ ดีที่นางอยู่สุสานหลวงหลายวันนี้มานี้มีชีวิตที่เป็นระเบียบ ทำให้สุขภาพฟื้นตัวดี ดูไม่ออกว่าอิดโรย
“คุณหนูงามจริงเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหลียนปักปิ่นดอกฝูหรง[1]เล่มหนึ่งเข้าไปในมวยผมซินโย่วแล้วก็เอ่ยชื่นชม
ซินโย่วเม้มปากยิ้มกล่าวว่า “เสี่ยวเหลียนเองก็งามมาก”
สองนายบ่าวหัวเราะเบาๆ เดินไปยังเรือนหรูอี้ถัง ระหว่างทางได้พบกับต้วนอวิ๋นหลิง
ซินโย่วทักทายขึ้นก่อน “น้องหลิง”
ต้วนอวิ๋นหลิงนิ่งอึ้งไปทันทีก่อนตั้งสติได้ “พี่ชิง?”
นางยกชายกระโปรงก้าวเข้ามารวดเร็ว มองประเมินซินโย่วอย่างละเอียด สีหน้าตื่นเต้นยากระงับ “ไม่ได้เจอพี่ชิงมาหลายวันแล้ว!”
นางคิดเรื่องราวไปร้อยพัน ทั้งดี ทั้งเลว ตอนนี้จิตใจที่ขมวดตึงจึงได้คลายลง
“ไปเรือนหรูอี้ถังด้วยกันเถอะ” ซินโย่วคล้องแขนต้วนอวิ๋นหลิง
เรือนหรูอี้ถัง
นายหญิงผู้เฒ่าเห็นซินโย่คล้องแขนต้วนอวิ๋นหลิงเข้ามา ปากก็พ่นน้ำชาออกมาทันที
“คำนับท่านยาย (ท่านย่า)”
นายหญิงผู้เฒ่าส่งสายตาจ้องมองซินโย่วเพียงผู้เดียว “ชิงชิงมานั่งข้างยาย”
ซินโย่วเพิ่งนั่งลงไม่นาน รองเจ้ากรมต้วนก็ก้าวเข้ามา
วันนี้เป็นวันหยุด ไม่ต้องไปที่ทำการพอดี
รองเจ้ากรมต้วนมองสาวน้อยที่นั่งเรียบร้อยทีหนึ่ง ฝีเท้าพลันชะงัก
นังเด็กนี่เสแสร้งเก่งจริง
ไม่นาน บ้านสองก็มากันครบ ตามมาด้วยต้วนอวิ๋นเฉิน
หลานสาวกลับมาทันเวลา นายหญิงผู้เฒ่าอารมณ์ดีมาก “อีกสักครู่ หลางเอ๋อร์ก็ควรกลับมาแล้ว ครอบครัวเรายากจะพร้อมหน้าพร้อมตากันเช่นนี้ จูซื่อ อาหารเที่ยงวันนี้จัดให้สมบูรณ์หน่อย”
“เจ้าค่ะ”
ยามนี้เองก็มีบ่าวผู้หนึ่งเข้ามาบอกว่ามีเรื่องรายงานรองเจ้ากรมต้วน
รองเจ้ากรมต้วนยืนอยู่ด้านนอกฟังคนรับใช้รายงานจบ ก็ตามซินโย่วออกไป
“ท่านลุงมีเรื่องอันใดหรือ”
รองเจ้ากรมต้วนจ้องมองซินโย่วทีหนึ่งก่อนบอกว่า “ใต้เท้าเฮ่อมีธุระต้องการพบเจ้า”
ซินโย่วนิ่งอึ้งไป
ใต้เท้าเฮ่อรู้ว่านางเฝ้าสุสานหลวงอยู่ แต่เหตุใดมาหานางที่จวนรองเจ้ากรม
หรือใต้เท้าเฮ่อรู้ว่านางกลับจวนรองเจ้ากรมแล้ว
ความคิดซินโย่วสับสนไปมา สุดท้ายก็ส่ายหน้า “บอกไปว่าไม่สะดวก หากเป็นเรื่องงาน ก็บอกกับท่านลุงได้”
รองเจ้ากรมต้วนยืนนิ่งไม่ขยับ “กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินช่างสงสัยมาก เขาไม่เชื่อจะทำอย่างไร”
เกิดคิดว่าเขาขังนังเด็กนี่ไว้ ใช่ว่าเขาถูกใส่ความหรือ
“ท่านลุงไตร่ตรองได้ถูกต้อง เช่นนั้นก็ให้เสี่ยวเหลียนไปบอกก็แล้วกัน”
ซินโย่วกระซิบสั่งการเสี่ยวเหลียน เสี่ยวเหลียนรับคำสั่งออกไป
เพราะสถานะอ่อนไหวของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน เฮ่อชิงเซียวไม่ได้มาด้วยตนเอง เสี่ยวเหลียนออกจากจวนรองเจ้ากรมด้วยคำสั่งของรองเจ้ากรมต้วน ไปยังสถานที่นัดหมายก็พบกับเฮ่อชิงเซียวในชุดลำลอง
“ใต้เท้าเฮ่อ” เสี่ยวเหลียนย่อกายคำนับ
เฮ่อชิงเซียวมองมาด้านหลังนาง แววตาผิดหวัง
เขาได้พบลูกน้องที่ส่งไปสุสานหลวงเช้านี้ ก็ตรงมาที่นี่
ลูกน้องเขาไม่ได้พบ ‘คุณชายซิน’ ก็แทบพิสูจน์การคาดเดาของเขาได้พอสมควรแล้ว
เมื่อวานที่เห็นผ่านตา เขาไม่ได้มองผิด
“ใต้เท้าเฮ่อ คุณหนูให้บ่าวนำความบอกท่านว่า หลายวันนี้ไม่สะดวกออกมา ไว้คราหน้าเชิญท่านไปดื่มน้ำชาที่ร้านหนังสือชิงซง”
“คุณหนูเจ้าสบายดีไหม” เฮ่อชิงเซียวจ้องมองเสี่ยวเหลียนเขม็ง
“คุณหนูสบายดีเจ้าค่ะ คุณหนูขอให้ใต้เท้าเฮ่อวางใจ”
เฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก็พยักหน้าเล็กน้อย “หากคุณหนูเจ้าประสบเหตุยุ่งยาก ก็ส่งจดหมายถึงข้า”
พอเสี่ยวเหลียนกลับไปก็นำความนี้บอกแก่ซินโย่วเงียบๆ
ซินโย่วสีหน้านิ่งสงบ
นางไม่อาจพาใต้เท้าเฮ่อเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้ได้ หมากของนางก็คือจิตใจที่รู้สึกผิดของคนผู้นั้น ส่วนใต้เท้าเฮ่อกลับไม่มีอันใดให้ต่อรอง
พอรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ต้วนอวิ๋นหลางก็กลับมาจากสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน พอได้ยินว่าคุณหนูนอกมาคำนับนายหญิงผู้เฒ่าแล้ว ก็ตรงไปยังเรือนหว่านฉิง
“น้องชิง เจ้ากลับมาแล้ว!”
วันนั้นต้วนอวิ๋นหลางยืนยันต้องการคำตอบ เสี่ยวเหลียนได้แต่บอกเรื่องซินโย่วไม่อยู่บ้านกับเขา แต่บอกเพียงว่าออกไปท่องเที่ยว
ซินโย่วคลี่ยิ้ม “กลับมาแล้ว”
“น้องชิงไปไหนมาหรือ ข้างนอกเที่ยวสนุกไหม”
ซินโย่วเล่าสถานที่เที่ยวสนุกไปสองสามแห่ง ต้วนอวิ๋นหลางฟังจนอิจฉายกใหญ่ “น่าเสียดายสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนคุมเข้มงวด ไม่อาจหนีเรียนได้”
ไม่ได้พบน้องชิงนาน ต้วนอวิ๋นหลางไม่อยากกลับ เริ่มเล่าเรื่องน่าสนใจในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนไม่น้อยด้วยตนเอง
ยามนี้เองหงเอ๋อร์ก็เข้ามารายงาน “คุณหนู นายหญิงผู้เฒ่าให้ท่านรีบไปด้านหน้า มีคนมาจากในวังเจ้าค่ะ”
ขุนนางกรมพิธีการนำราชโองการมาประกาศ พอซินโย่วมาถึง ก็อ่านเสียงดัง “ด้วยพระเมตตาจากไทเฮา โค่วชิงชิง หลานสาวรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงต้วนเหวินซงเฉลียวฉลาด มีไหวพริบและเป็นกุลสตรีดีงาม…ไทเฮาทรงได้ยินก็ยินดีอย่างยิ่ง ทรงพระราชทานหมั้นหมายให้เป็นพระชายาซิ่วอ๋อง…รับราชโองการ”
ขุนนางกรมพิธีการอ่านราชโองการจบ ก็ประคองส่งมือส่งให้ซินโย่ว ประสานมือแสดงความยินดี “คุณหนูโค่ว ขอแสดงความยินดีด้วย รีบเข้าวังไปขอบพระทัยเถอะ”
ซินโย่วรับพระราชโองการคล้ายดังหนักพันชั่ง ไร้ซึ่งความหวัง
จำต้องเข้าวังแล้วจริงๆ
[1] ดอกพุดตาน