สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 318 ดังประสงค์
ตอนที่ 318 ดังประสงค์
ไทเฮาได้ฟังนิ่งอึ้งไปทันที “คุณหนูโค่ว?”
แน่นอนว่านางย่อมจดจำคุณหนูโค่วได้ ความจริงหญิงชรายังดีอยู่มาก ตอนปีใหม่มีงานถวายพระพรปีใหม่ นางได้กล่าวต่อหน้าฮูหยินตราตั้งทั้งหลายว่าจะช่วยดูแลหาคู่ครองที่ดีให้คุณหนูโค่ว ก็เท่ากับว่างานแต่งงานของคุณหนูโค่วอยู่ในมือนางแล้ว
ขอเพียงนางไม่เอ่ย จวนรองเจ้ากรมย่อมไม่กล้าตัดสินใจพลการ คุณหนูโค่วก็ได้แต่ต้องอยู่รอไปอีกสองสามปี ตอนนั้นคุณหนูโค่วก็ยี่สิบกว่าแล้ว…
ไทเฮาตกพระทัยที่หลานชายนางถึงกับชอบคุณหนูโค่ว
ซิ่วอ๋องยังพันผ้าพันแผลไว้บนศีรษะ แม้ว่าหมอหลวงบอกว่าขยับตัวได้แล้ว แต่ยามนี้ดูแล้วยังคงอ่อนกำลังอยู่มาก
เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย สีหน้าอึดอัด “ได้ยินว่าเสด็จย่าต้องการเลือกคู่ครองให้คุณหนูโค่ว หม่อมฉันพึงใจคุณหนูโค่วมานานแล้ว…หากเสด็จย่าทรงรับปาก หม่อมฉันก็จะรู้สึกขอบพระทัยอย่างที่สุดพ่ะย่ะค่ะ…”
ไทเฮาอ้าพระโอษฐ์ค้าง พลันไม่รู้ควรเอ่ยอันใด
นางกุมอำนาจจัดการเรื่องการแต่งงานคุณหนูโค่วมาไว้ในมือ เป็นเพราะว่าไม่พอใจเด็กสาวผู้นั้นมีพฤติกรรมคล้ายกับซินซื่อ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งหลานชายจะมาของนางกับนาง
หากไม่มีซิ่วอ๋องสละตนช่วยนางไว้ ไทเฮาย่อมปฏิเสธทันที แต่จะว่าไปแล้ว ไม่มีเรื่องช่วยไทเฮาไว้ ซิ่วอ๋องเองก็คงไม่เอ่ย
ไทเฮาเผชิญกับความปรารถนาของซิ่วอ๋อง หากปฏิเสธก็เกรงว่าจะทำร้ายจิตใจหลานชาย แต่หากรับปาก ใช่ว่าคุณหนูผู้นั้นโค่วจะได้กลายเป็นพระชายาหรือ
“ผิงเอ๋อร์มีใจต่อคุณหนูโค่ว?” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้นึกสนพระทัย
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ต่างจากไทเฮา เดิมทรงชื่นชมคุณหนูโค่วอยู่แล้ว คิดว่าหากคุณหนูผู้นั้นเป็นคนในครอบครัวตนเอง คล้ายว่าก็ไม่เลว
พอฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถามเช่นนี้ ซิ่วอ๋องก็ยิ่งหน้าแดง “คุณหนูโค่วจิตใจดีมีเมตตา คุณธรรมสูงส่ง ทำให้หม่อมฉันรู้สึกพึงใจพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แย้มสรวลมองไปทางไทเฮา “เสด็จแม่ว่าอย่างไร”
ไทเฮาตรัสถามกลับขึ้นว่า “ฮ่องเต้คิดอย่างไร”
“ปีนี้ผิงเอ๋อร์สิบเก้าแล้ว ได้วัยแต่งภรรยาแล้ว คุณหนูโค่วรูปโฉมโดดเด่น ผิงเอ๋อร์มีใจต่อนางหาได้ยากยิ่ง ข้าไม่มีความเห็นใด แล้วแต่เสด็จแม่”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เข้าพระทัยไทเฮา หากแสดงท่าทียินดี เกรงว่าไทเฮาจะรู้สึกไม่ดี หากเขาแสดงท่าทีไม่ได้สนใจเรื่องนี้นัก กลับส่งผลดีต่อการทำให้เรื่องนี้เป็นผลสำเร็จ
หากกล่าวว่าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ต้องการคุณหนูโค่วเป็นสะใภ้ให้ได้ ก็มิใช่ แต่เขารู้สึกดีต่อคุณหนูโค่วนั้นเป็นเรื่องจริง บุตรีของบรรดาขุนนางและชนชั้นสูงสำหรับเขาแล้ว ล้วนเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคย คุณหนูโค่วก็คือคนที่สัมผัสตัวตนได้จริง
ไทเฮาขมวดพระขนง “ข้ารู้สึกว่าชาติกำเนิดคุณหนูโค่วต่ำต้อยไปสักหน่อย”
“ข้าจำได้ว่าบิดาคุณหนูโค่วเป็นจิ้นซื่อ ดำรงตำแหน่งถึงระดับเจ้าเมือง นับว่าชาติกำเนิดก็มิได้ต่ำต้อยนัก”
เจ้าเมืองกุมอำนาจปกครองเมือง เป็นตำแหน่งขุนนางปกครองสูงสุดในพื้นที่
“แต่บิดาและมารดานางล้วนไม่อยู่แล้ว จะว่าไปก็มิใช่ผู้มีวาสนา”
ไทเฮาทรงรังเกียจชาติกำเนิดนั้นเป็นเพียงคำอ้าง ความจริงรู้สึกว่าหากเป็นเช่นนี้ เหมือนยกของดีให้คุณหนูโค่วไปอย่างเสียเปรียบ
“เสด็จย่ายินดีออกหน้างานแต่งของคุณหนูโค่ว ก็คือวาสนาอันสูงสุดของนางพ่ะย่ะค่ะ” ซิ่วอ๋องเอ่ยขึ้นเบาๆ “ส่วนหม่อมฉัน…หากเสด็จย่าคิดว่าหม่อมฉันไม่เหมาะกับคุณหนูโค่ว เช่นนั้น…หม่อมฉันก็ยินดีฟังคำเสด็จย่า”
เขาพยายามฝืนแสร้งทำเหมือนไม่เป็นอันใด หลุบดวงตาลงเก็บซ่อนความผิดหวัง
ไทเฮาอดพระทัยอ่อนไม่ได้
มาถึงตำแหน่งไทเฮา อายุปูนนี้ ชอบไม้อ่อนไม่ชอบไม้แข็ง หากแสดงอารมณ์ถึงที่สุด ก็คงได้แต่รอรับความโชคร้าย แต่หากไม่ดิ้นรนไม่โวยวาย หญิงชรากลับครุ่นคิดอีกสองสามที
ตอนนี้ไทเฮาก็เริ่มครุ่นคิดว่าหลานชายช่วยชีวิตตนไว้ และนางก็เป็นคนถามเขาเองว่าต้องการสิ่งใด ปรากฏพอหลานชายเอ่ยขอ นางกลับไม่รับปาก รู้สึกไม่เหมาะสมอยู่บ้างจริงๆ
เอาละ ก็ยกประโยชน์ให้คุณหนูโค่วนั่นไปก็แล้วกัน หากแต่งเข้ามาในราชวงศ์จริง มีเรื่องใดไม่รู้ ก็ค่อยสอนสั่งอบรมไป ก็ไม่ยากนัก
ไทเฮาหาเหตุผลปลอบใจตนเอง ยอมอ่อนข้อตรัสว่า “หากเจ้าชอบจริงก็ตามใจเจ้า”
ซิ่วอ๋องตกตะลึงก่อนจะยินดีอย่างที่สุด “ขอบพระทัยเสด็จย่า!”
ไทเฮาเห็นแล้วก็อดกระตุกมุมพระโอษฐ์ไม่ได้ “บาดแผลเจ้ายังไม่หายดี กลับไปแล้วก็พักผ่อนให้ดี อย่าได้เอาแต่คิดเรื่องพวกนี้ ย่ากับเสด็จพ่อเจ้าจะจัดการให้เรียบร้อย”
ซิ่วอ๋องกล่าวขอบคุณอีกครั้ง สีหน้าและแววตามีแต่ความยินดีปรีดา
ไทเฮาเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกพึงพอพระทัย
รางวัลที่ให้ไปแลกมาซึ่งคำขอบคุณจริงใจ ผู้ให้ย่อมเบิกบานใจเป็นเรื่องปกติ
พอออกจากตำหนักข้างที่ให้ซิ่วอ๋องพักอยู่ชั่วคราวแล้ว ไทเฮาก็ไปหารือเรื่องนี้กับฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ ส่วนพระสนมอันผินเสด็จแม่ซิ่วอ๋อง รอให้เรื่องราวกำหนดเรียบร้อยค่อยแจ้งไปก็พอ ยามนี้นางย่อมไม่รู้เรื่อง
“ตอนปีใหม่เสด็จแม่บอกว่าจะเลือกคู่ครองให้คุณหนูโค่ว เรื่องนี้ก็ให้เสด็จแม่จัดการพ่ะย่ะค่ะ ข้าไม่ขอข้องเกี่ยว” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แย้มสรวลเบิกบาน
ไทเฮาเองก็แย้มสรวลเช่นกัน “เช่นนั้นข้าก็จะเรียกตัวนายหญิงผู้เฒ่าตระกูลต้วนเข้าวังมาคุยก่อน”
เดิมที่เอ่ยว่าจะหาคู่ครองให้คุณหนูโค่วต่อหน้าบรรดาฮูหยินตราตั้งมิได้เพราะประสงค์ดี ตอนนั้นฮูหยิน ตราตั้งต่างอิจฉา นานวันเข้าก็เข้าใจแล้วว่าคิดเลือกคุณหนูโค่วให้หลานชายคนโต ผู้คนนอกจากรู้สึกอิจฉาวาสนาคุณหนูโค่วแล้ว ก็ย่อมตกใจกับความพระทัยกว้างของไทเฮา
ไทเฮาคิดว่าวันหน้าฮูหยินตราตั้งเหล่านี้ก็จะยิ่งนำของมาแสดงความนอบน้อมต่อนางอย่างจริงใจมากขึ้น แม้ว่านางยังคงไม่พอใจคุณหนูโค่ว แต่ก็มีความรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องไม่อาจบรรยาย
นายหญิงผู้เฒ่าจวนรองเจ้ากรมได้รับข่าวว่าไทเฮาเรียกเข้าเฝ้า ก็ทำเอางุนงงไปทันที
ไทเฮาเกือบเกิดเรื่องในค่ำคืนเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงเป็นที่รู้กันทั่วนานแล้ว นายหญิงผู้เฒ่าเองก็รู้ ดังนั้นจึงยิ่งงุนงง
ไทเฮาตกพระทัยเพียงนั้น ไม่ควรพักผ่อนให้ดีๆ หรือ เหตุใดเรียกนางที่เป็นเพียงฮูหยินตราตั้งเข้าวัง
หากทรงเบื่อ ก็ไม่ควรเป็นนางเข้าวังไปคุยเป็นเพื่อนไทเฮาไหม
เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงเกิดเรื่องมาได้ไม่กี่วัน นายหญิงผู้เฒ่าให้ตายก็คิดไม่ออกว่าจะเป็นเรื่องงานแต่งของหลานสาว นางนั่งเกี้ยวที่ในวังส่งมารับไปด้วยอาการใจเต้นแรง พอเดินไปถึงกำแพงวังสีแดงชาด กระเบื้องหลังคาสีทอง ก็ยิ่งรู้สึกเคร่งเครียดมากขึ้น
“ไทเฮา นายหญิงผู้เฒ่าตระกูลต้วนมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ให้เข้ามาได้”
นายหญิงผู้เฒ่าเดินเข้ามาถวายคำนับนอบน้อม “หม่อมฉันถวายพระพรไทเฮา”
“นายหญิงผู้เฒ่าไม่ต้องมากพิธี”
เสียงตรัสดังขึ้นจากด้านบนอ่อนโยนมาก จิตใจนายหญิงผู้เฒ่าก็สงบลง ค่อยๆ ลุกขึ้น
“ยกเก้าอี้มา”
พอนายหญิงผู้เฒ่านั่งลง ไทเฮายิ้มเอ่ยว่า “ข้าดูแล้ว สีหน้านายหญิงผู้เฒ่าดีกว่าตอนต้นปีมาก”
“การงานในบ้านน้อยลงแล้ว หม่อมฉันไม่ค่อยมีเรื่องให้ต้องดูแลมากนัก…”
นายหญิงผู้เฒ่าจำต้องยอมรับว่า ตั้งแต่หลานสาวบอกว่าจะเก็บตัวบำเพ็ญ ในจวนก็พลันเงียบสงบลง พอคิดถึงปีที่แล้ว แทบไม่อยากเหลียวกลับไปมอง
“เพราะนายหญิงผู้เฒ่าดูแลตระกูลได้ดี”
วาจาทักทายกล่าวจบ ไทเฮาก็เข้าเรื่อง “งานแต่งงานของหลานสาวเจ้ายังไม่ได้กำหนดกระมัง”
นายหญิงผู้เฒ่ากระตุกวาบ รีบปฏิเสธทันที
“ปีใหม่วันนั้น ข้าเห็นหลานสาวเจ้าก็รู้สึกชอบ อดอยากเป็นแม่สื่อให้นางไม่ได้”
นายหญิงผู้เฒ่ารีบเอ่ยว่า “ชิงชิงได้รับพระเมตตาจากไทเฮา ถือเป็นวาสนายิ่งใหญ่เทียมฟ้าของนางเพคะ”
ที่แท้เรียกนางเข้าวังด้วยเรื่องการแต่งงานของชิงชิง
ไทเฮาถึงกับยังจดจำเรื่องการแต่งงานของชิงชิงได้!
เริ่มแรกนายหญิงผู้เฒ่าก็คิดจริงจัง ต่อมาไทเฮาเงียบไป ก็เข้าใจแล้วว่าไทเฮาน่าจะทรงเอ่ยไปอย่างนั้น
หากเป็นตระกูลอื่นก็คงร้อนใจแทบตายแล้ว แต่กับหลานสาวที่ไม่อยากให้แต่งงานออกไปผู้นี้ สำหรับนายหญิงผู้เฒ่าแล้ว กลับเป็นเรื่องดี
“ซิ่วอ๋องหลานชายคนโตของข้าปีนี้สิบเก้า ได้วัยแต่งภรรยาแล้ว ข้าคิดว่าเด็กสองคนนี้เหมาะสมกันมาก นายหญิงผู้เฒ่าว่าอย่างไร”