สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 935 คู่รักเจ้าเล่ห์
บทที่ 935 คู่รักเจ้าเล่ห์
……….
วันนี้เป็นวันเกิดของกู้เสี่ยวซุ่น แม่นางเหยาตื่นแต่เช้าพากู้เสี่ยวเป่าไปซื้อชาและขนมที่ร้านน้ำชา แต่ไม่คาดคิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้
คนบ้าจุดไฟเผาร้านน้ำชา ไฟที่ชั้นหนึ่งดับแล้ว แต่แขกที่ติดอยู่ในห้องชั้นสองไม่มีใครกล้าหนีออกไป
ไม่มีเหตุผลอื่น คนบ้าคนนี้สาดน้ำมันทั่วทางเดินและสาดไปทั่วทั้งท้ายร้าน
เขายืนอยู่บนหลังคา มือขวาถือคบเพลิง บนหลังคามีรูขนาดใหญ่หลายรู หันหน้าไปทางบันไดและทางเดิน
ไม่มีใครรับประกันได้ว่าคนบ้าจะไม่โยนคบเพลิงในมือขณะที่พวกเขากำลังหลบหนี
ที่อวี้หยาเอ๋อร์ออกมาได้เพราะกู้เสี่ยวเป่าร้องจะกินถังหูลู่ นางข้ามถนนไปซื้อมาหนึ่งไม้ เพิ่งจ่ายเงินเสร็จ ไฟก็ไหม้
ร้านน้ำชาตั้งอยู่ที่มุมถนนฉางอันทางทิศตะวันออก ไม่ไกลจากตรอกปี้สุ่ย
เมื่อกู้เจียวและเซียวเหิงมาถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่บริเวณใกล้เคียงก็ตกใจเช่นกัน เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่ไม่จำเป็น เจ้าหน้าที่จึงใช้ร่างกายเป็นกำแพงเพื่อกันประชาชนให้อยู่ห่างๆ
ร้านค้าหลายแห่งฝั่งตรงข้ามเต็มไปด้วยผู้คนที่มามุงดู
ตอนนี้ แม้แต่ป้ายของตำหนักเหรินโซ่วก็ใช้ไม่ได้
โชคดีที่เซียวเหิงมีตำแหน่งอย่างเป็นทางการในกรมยุติธรรม
“กรมยุติธรรมกำลังสืบสวน” เขามอบหมายงานของกรมยุติธรรมให้กับเจ้าหน้าที่ศาลาว่าการ
หลังจากตรวจสอบหมายและยืนยันว่าเป็นของจริง สีหน้าของเจ้าหน้าที่ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองไปที่กู้เจียว “นางคือใคร”
เซียวเหิงเอ่ยอย่างไม่เปลี่ยนสี “หมอที่กรมยุติธรรมเชิญมา”
มีคนจำนวนมากได้รับบาดเจ็บจากเรื่องราววุ่นวายครั้งใหญ่
เจ้าหน้าที่ไม่สงสัยในตัวเขา ปล่อยให้ทั้งสองเข้าไป
เมื่อทั้งสองมาถึงด้านหน้าร้านน้ำชา พวกเขาเห็นร่างที่คุ้นเคยโดยไม่คาดคิด
กู้เจียวกระพริบตาอย่างประหลาดใจ “ถังเย่ว์ซาน”
ถังเย่ว์ซานเอามือซ้ายปิดท้อง เลือดไหลออกจากปลายนิ้ว ใบหน้าซีดเผือด ลมหายใจหอบกระชั้น
…เขาได้รับบาดเจ็บ
เขาได้ยินเสียงของกู้เจียว หันไปมองกู้เจียว และในขณะเดียวกันก็เห็นเซียวเหิง เขาขมวดคิ้ว อยากจะเอ่ยแต่กลับยั้งเอาไว้
เห็นได้ว่าเขารู้สึกกระอักกระอ่วนและกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
สายตาของทั้งคู่จับจ้องไปที่ผู้ก่อเหตุวางเพลิงบนหลังคาโดยไม่ได้นัดหมาย
อีกฝ่ายผมยุ่งเหยิง ใบหน้ามอมแมม ทั้งสองใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะจำว่าเขาคือใคร
“ถังหมิง” กู้เจียวสงสัย
“ใช่เขา” เซียวเหิงกล่าว
ครั้งสุดท้ายที่ข้าเห็นถังหมิงเมื่อสองหรือสามปีก่อน แม้จิตใจของเขาจะอำมหิตแค่ไหน แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นคุณชายที่หล่อเหลาคนหนึ่ง
แตกต่างจากผู้ก่อเหตุวางเพลิงที่บ้าคลั่งและดูโทรมตรงหน้าเขา
“เกิดอะไรขึ้น” กู้เจียวถามถังเย่ว์ซาน แล้วมองไปที่ท้องของเขา “เจ้าบาดเจ็บ”
“ข้าไม่เป็นไร” ถังเย่ว์ซานกล่าว
“ฝีมือเขาหรือ” กู้เจียวหมายถึงถังหมิง
ด้วยทักษะการต่อสู้ของถังเย่ว์ซาน ในสถานการณ์แบบตัวต่อตัว เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นเหล่ายอดฝีมือออกโรงเอง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีได้เห็นเขาบาดเจ็บหรอก
ถังเย่ว์ซานถอนหายใจ “หลังจากที่ข้ากลับไปเมืองหลวง ข้าพบว่าเขาคบหากับพวกอันธพาล ข้าทะเลาะกับเขาอย่างรุนแรง เขาหนีออกจากบ้านไป วันนี้ตอนเช้าข้าพบว่าเขานอนอยู่ในโรงพนัน กำลังผงอู่สือกับคนพวกนั้น”
ผงอู่สือเป็นยาสำหรับรักษาไข้รากสาดน้อย
แต่ยานี้มีผลข้างเคียงบางอย่าง สามารถทำให้คนอยู่ในภวังค์และส่งผลที่คล้ายกับยาหลอนประสาท
หากใช้ในระยะยาวอาจทำให้เสพติดได้
ไม่น่าแปลกใจที่สภาพจิตของถังหมิงดูแปลกไป
อารมณ์ของถังเย่ว์ซานซับซ้อน โกรธปนหงุดหงิด “ข้าทุบตีคนพวกนั้น… ข้าก็ทุบตีเขาด้วย สั่งเขาไม่ให้คบหากับพวกเขาอีก มิฉะนั้นข้าจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด!”
กู้เจียวถาม “แล้วเขาก็ลงมือกับเจ้า”
ถังเย่ว์ซานเอ่ยอย่างขมขื่น “เขาจะฆ่าตัวตาย ข้าไปแย่งมีดแต่ดันพลาดบาดเจ็บเอง”
อย่างที่สุภาษิตว่าไว้ ไฟในอย่างนำออก ภายนอกเขาเป็นอาและหลานชาย แต่กู้เจียวและเซียวเหิงรู้ดีว่าเขาและถังหมิงเป็นพ่อลูกกันจริงๆ
ก่อเรื่องขนาดนี้ เขาคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนจริงๆ
“เจ้าจะจัดการอย่างไร” กู้เจียวถามถังเย่ว์ซาน
ด้วยฝีมือของถังเย่ว์ซาน เขาสามารถสอยอีกฝ่ายลงได้ด้วยลูกธนูเพียงดอกเดียว ปัญหาคือคบเพลิงในมือของเขาจะตกลงมาหลังจากที่เขาล้มลง ถ้าร้านน้ำชาทั้งหลังถูกไฟไหม้ก็แย่แล้ว
ถังเย่ว์ซานมองไปยังถังหมิงที่ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะบนหลังคา เอ่ยอย่างลำบากใจ “ข้าอยากทำให้เขาสงบสติอารมณ์ลงก่อน แล้วล่อเขาลงมา แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะฟังข้าไม่รู้เรื่อง”
กู้เจียวเอ่ย “เขาเพิ่งเสพผงอู่สือและอารมณ์ของเขาก็ไม่มั่นคง เจ้าคุยกับเขาที่นี่ ข้าจะขึ้นไปจับเขา”
ถังเย่ว์ซานหยุดเขา “ไม่! มีน้ำมันอยู่ทั่ว!”
กู้เจียวเอ่ยอย่างจริงจัง “แม่และน้องชายของข้าอยู่ในร้านน้ำชา”
ถังเย่ว์ซานสะอึก
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็คำเอ่ยสองสามคำออกมาอย่างยากลำบาก “ข้าขอโทษ…”
กู้เจียวเอ่ยอย่างแผ่วเบา “เรื่องนั้นยังไม่ต้องพูด ทำตามแผนก็พอ”
“…ได้!” ถังเย่ว์ซานกำหมัดและตอบ
“เจ้าระวังตัวนะ” เซียวเหิงเตือนกู้เจียว
“ข้ารู้แล้ว เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่” กู้เจียวเอ่ยจบก็หันหลังกลับและเดินไปที่สนามหลังบ้านของร้านน้ำชาจากตรอก
ท้ายร้านถูกไฟไหม้จนมอดไหม้ ไฟจุดใหญ่ๆ ดับลงแล้ว แต่ยังมีไฟลุกอยู่บางส่วน เจ้าหน้าที่ดับไฟไปพลาง พยายามไม่ส่งเสียงดังเกินไป เพราะกลัวจะกระตุ้นถังหมิงบนหลังคา
ร่างกายของถังหมิงโงนเงน
ราวกับจะล้มลงพร้อมกับคบเพลิงในวินาทีต่อไป
ถังเย่ว์ซานเอ่ยอย่างร้อนรน “หมิงเอ๋อร์ ลงมา คุยกันดีๆ ! ข้าจะไม่ห้ามเจ้าคบเพื่อนอีกต่อไป! เจ้าอยากทำอะไรก็ทำไป! อาจะไม่หยุดเจ้า!”
“อา…” ดูเหมือนคำนั้นจะสะกิดในถังหมิงเข้า เขาพลันได้สติในทันใด ก่อนจะมองไปที่ถังเย่ว์ซานบนถนนที่ทอดยาวด้วยสายตาเย้ยหยัน
ผงอู่สือมีฤทธิ์แรง ตอนนี้เขามองเห็นคนไม่ชัด แต่ไม่ว่าจะพร่ามัวแค่ไหน เขาก็จำได้ว่าอีกฝ่ายคือ “ท่านอาผู้แสนดี” ของเขาจริงๆ
ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “อา… อา… ท่านคืออาของข้าอย่างนั้นหรือ! ท่านกล้าสาบานกับสวรรค์หรือไม่ ท่านคืออาของข้างั้นหรือ!”
ชาวบ้านที่มามุงดูต่างมองไปที่ถังเย่ว์ซาน
ถังหมิงเอ่ยเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร
ถังเย่ว์ซานเป็นน้องชายของพ่อแท้ๆ ของเขา ไม่ใช่อาแท้ๆ ของเขาหรือ
คำว่า “อาแท้ๆ” สามพยางค์นี้ ทุกคนต่างก็ให้ความสนใจกับคำแรก
ถังเย่ว์ซานไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ของท่านอา ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ใช่อาหลานแท้ๆ
เป็นไปไม่ได้ รูปร่างหน้าตาของถังเย่ว์ซานก็เหมือนกับท่านอามาก คนที่เคยเห็นไม่มีใครไม่เชื่อว่าพวกเขาไม่ใช่พ่อลูกกัน
แก้มของถังเย่ว์ซานร้อนผ่าว “หมิงเอ๋อร์! ลงมาก่อน! มีอะไรเราค่อยกลับไปคุยกันที่บ้าน!”
ถังหมิงคำราม “ใครอยากกลับบ้านกับเจ้า! เจ้ากล้าประกาศเรื่องดีที่เจ้าทำไปทั่วใต้ฟ้าไหม!”
ทุกคนยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น ดูเหมือนว่าตระกูลถังมีเรื่องใหญ่
เซียวเหิงเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ถังหมิง เจ้าทำแบบนี้ เจ้าจะให้แม่อยู่ที่ไหน เจ้าไม่คิดถึงคนอื่น เจ้าไม่คิดถึงแม่ของเจ้าบ้างหรือ”
เมื่อความสัมพันธ์พ่อลูกถูกเปิดเผย ถังเย่ว์ซานจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอน แต่ภรรยาของท่านอาก็ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้
ฮูหยินถังทนความเหงาไม่ได้ ยั่วยวนน้องสามีตัวเอง ข่าวลือแบบนี้แพร่ออกไปทั่ว ฮูหยินถังแทบจะจมน้ำลายของชาวบ้านตายอยู่แล้ว
ไม่รู้ว่าคำพูดของเซียวเหิงเรียกสติที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยของถังหมิงหรือไม่ เขาเก็บความลับอันน่าตกใจที่กำลังจะเอ่ย
เซียวเหิงเอ่ยอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง “แม่เจ้าคงเป็นห่วง รีบลงมา”
ถังหมิงหัวเราะเยาะ “ให้ข้าลงมา ฝันไปเถอะ!”
เซียวเหิงถามถังเย่ว์ซานเสียงเบา “เขามีอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษไหม”
ถังเย่ว์ซานฉุกคิดขึ้นได้ “ธนูของตระกูลถัง”
ถังหมิงอยากได้ธนูของตระกูลถังมาโดยตลอด เพื่อสืบทอดกองทัพตระกูลถัง
น่าเสียดายที่ถังเย่ว์ซานไม่พอใจในฝีมือเขาสักเท่าไร
ก่อนที่ถังเย่ว์ซานจะออกเดินทาง ทั้งสองยังทะเลาะกันเรื่องธนูของตระกูลถังอยู่แล้ว ถังเย่ว์ซานจำได้ว่าน้ำเสียงของเขาค่อนข้างรุนแรงในตอนนั้น
“หมิงเอ๋อร์ถึงไปสูบผงอู่สือเพราะเรื่องนี้หรือ”
ถังเย่ว์ซานละเลยเรื่องราวในครอบครัว จึงเพิ่งรู้เรื่องทั้งหมด ถังหมิงพยายามจะเป็นผู้สืบทอดที่เขาต้องการ แม้ว่าจะถูกกู้เจียวสั่งสอนจนเกือบกลายเป็นคนพิการ
แต่เขาไม่เคยยอมแพ้ เขาฝึกฝนอย่างหนักและฟื้นฟูร่างกายของเขา
เขาตั้งตารอที่จะได้รับสืบทอดธนูของตระกูลถัง แต่กลับถูกพ่อคัดค้านอย่างรุนแรง
บอกว่าเขาไม่คู่ควร…
เซียวเหิงตัดสินใจทันที “เอาธนูของตระกูลถังให้เขา”
ถังเย่ว์ซานตกตะลึงอย่างหนัก “อะไรนะ”
เซียวเหิงเอ่ยอย่างใจเย็น “ประกาศว่าเขาจะเป็นเจ้าของธนูตระกูลถังคนต่อไป”
สีหน้าของถังเย่ว์ซานเปลี่ยนไปมาก “ไม่ได้!”
เซียวเหิงเอ่ย “ธนูสำคัญหรือลูกชายของเจ้าสำคัญ”
ถังเย่ว์ซานขมวดคิ้ว “สำคัญทั้งคู่… แต่…”
“ไม่มีแต่” เซียวเหิงเอ่ยจบ ก็ไม่โต้เถียงกับถังเย่ว์ซานอีกต่อไป มองไปที่คนบนหลังคาแล้วเอ่ย “ถังหมิง ถ้าเจ้าตาย ธนูตระกูลถังก็จะเป็นของคนอื่นตลอดไป”
เมื่อได้ยินเรื่องธนูของตระกูลถัง ความปรารถนาในใจของถังหมิงก็แวบเข้ามา
ในตอนนั้นเอง กู้เจียวค่อยๆ ปีนขึ้นไปบนกำแพง เนื่องจากมีน้ำมันอยู่เต็มไปหมด จึงลื่นมาก นางเกือบจะตกลงไปหลายครั้ง
มือของเซียวเหิงที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อก็กำแน่นทันที เอ่ยกับถังเย่ว์ซาน “ถ้าไม่เอามา ทั้งลูกชายของเจ้าและเจียวเจียวจะไม่รอด!”
ถังเย่ว์ซานกัดฟัน ไปที่รถม้าเพื่อหยิบธนูของตระกูลถัง
ถังหมิงมองธนูอย่างโลภ
ถังเย่ว์ซานหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยอย่างยากลำบาก “เจ้าลงมา ข้าจะให้ธนูของตระกูลถังแก่เจ้า”
ถังหมิงเอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้าให้ข้าก่อน แล้วข้าค่อยลงไป!”
“ให้เขา!” เซียวเหิงเอ่ย
ถังเย่ว์ซานกัดฟันโยนธนูยาวในมือขึ้นไปบนหลังคา
แม้ว่าถังหมิงจะติดผงอู่สือ แต่เขาก็ระมัดระวังความเคลื่อนไหวรอบๆ ตัวเขา อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ธนูของตระกูลถังบินมาหาเขา เขาก็ลืมทุกอย่างไปหมด
ในสายตาของเขามีเพียงธนูของตระกูลถัง
เขากำคบเพลิงไว้ในมือข้างหนึ่ง และยื่นมืออีกข้างออกไปอย่างกระตือรือร้น
ตอนนี้แหละ!
กู้เจียวกระโดดขึ้น จับชายคาด้วยมือเดียว ดึงตัวขึ้นอย่างแรง ร่างทั้งร่างพลิกกลางอากาศ ก่อนจะทะยานลงด้านหลังถังหมิงอย่างมั่นคง ก่อนจะถีบเขาตกลงไปในทันที!