สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 934 เติบโต
บทที่ 934 เติบโต
……….
หลังจากออกมาจากห้องลับ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว เซวียนผิงโหวกลับไปที่เรือนของตนก่อน สั่ง
ให้คนเตรียมน้ำร้อนไว้อาบ
พ่อบ้านหลิวมองเขาด้วยความแปลกใจ “ท่านไม่ได้เพิ่งอาบน้ำหลังจากฝึกเสร็จเมื่อเช้าหรือขอรับ ข้าไม่เคยเห็นท่านรักความสะอาดเช่นนี้มาก่อน”
“เจ้าจะไปเข้าใจอะไร”
เซวียนผิงโหวถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดออก เผยให้เห็นร่างกายท่อนบนอันล่ำสัน
ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น เป็นร่างกายของแม่ทัพที่ผ่านสงครามมาหลายปี
กล้ามเนื้อแน่นหนั่น แข็งแรงและมีรูปร่างที่ดี
พ่อบ้านหลิวเป็นผู้ชาย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาขึ้นมา
เขาเก็บเสื้อผ้าลงตะกร้า พลางถอนหายใจ “ข้ารู้ ท่านจะไปพบองค์หญิง”
เซวียนผิงโหวเอื้อมมือไปปลดเข็มขัด “ข้าจะไปพบอีอี… ช่างเถอะ ขี้เกียจพูดกับเจ้าแล้ว”
หลังจากอาบน้ำ เซวียนผิงโหวเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าผืนใหม่ที่แห้งและเบาสบาย จากนั้นก็ไปพบลูกสาวสุดที่รักของเขา
วันนี้ทุกคนในครอบครัวกินอาหารเย็นที่ตำหนักขององค์หญิงซิ่นหยาง
เสี่ยวจิ้งคง ซ่างกวานชิ่ง และคู่บ่าวสาวข้าวใหม่ปลามัน
ทันทีที่เซวียนผิงโหวเข้าไปในห้อง เขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นครอบครัวพร้อมหน้า
เสี่ยวจิ้งคงดูเหมือนเซียวเหิงตอนเด็กๆ ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไป แต่ไม่ใช่แค่ในอดีต เพราะยังมีกู้เจียว ซ่างกวานชิ่ง และอีอี
เขาอยู่คนเดียวมาหลายปี จู่ๆ ก็มีคนเยอะแยะ ทำเอาเขาไม่คุ้นเคยสักเท่าไร
“ยืนบื้ออยู่ทำไม อาหารจะเย็นหมดแล้ว” องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยเสียงเรียบ
“มาแล้ว” เขานั่งลงข้างๆ องค์หญิงซิ่นหยางอย่างใจเย็น
องค์หญิงซิ่นหยางมีกฎว่าห้ามพูดขณะกินข้าว แต่ไม่อาจหยุดยั้งเสี่ยวอีอีที่เพิ่งจะอายุครึ่งขวบ เสี่ยวจิ้งคงก็ส่งเสียงตอบรับนางเป็นครั้งคราว ซ่างกวานชิ่งก็โต้เถียงกับเซียวเหิงสองสามคำ
อาหารมื้อนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ บรรยากาศเหมือนกับครอบครัวชาวบ้านแสนธรรมดา
เมื่ออิ่มแล้ว เซวียนผิงโหวและลูกชายสองคนก็ไปยังห้องหนังสือ องค์หญิงซิ่นหยางและกู้เจียวพาเด็กน้อยทั้งสองคนไปเดินเล่น
เมื่อพวกเขากลับมาจากการเดินเล่น ทั้งสามพ่อลูกก็คุยกันเสร็จแล้ว
เรือนของพี่น้องทั้งสองอยู่ทิศเดียวกัน ทั้งสี่คนจึงเดินกลับด้วยกัน
ซ่างกวานชิ่งแย่งของเล่นของเสี่ยวจิ้งคง เสี่ยวจิ้งคงจึงวิ่งไล่เขาไปทั่วจวน ทั้งคู่วิ่งไล่กันอย่างดุเดือด
คู่บ่าวสาวข้าวใหม่ปลามันเดินจูงมือกันบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยดอกไม้
เซียวเหิงเล่าเรื่องของท่านชายเย่ว์
กู้เจียวไม่คิดว่าเซวียนผิงโหวจะทำอะไรเร็วขนาดนี้ ทำให้นางประหลาดใจมาก
เซียวเหิงมองไปที่ซ่างกวานชิ่งที่แลบลิ้นปลิ้นตาใส่เสี่ยวจิ้งคงข้างหน้า เอ่ยอย่างอดไม่ได้ “พี่ชายและพ่อของข้าดูเหมือนจะไม่ค่อยจริงจัง แต่หากเป็นคนที่ห่วงใยละก็ พวกเขาก็จะไม่ลังเลที่จะทำทุกอย่าง”
กู้เจียวพยักหน้า
เซียวเหิงยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ย “ไม่ต้องอิจฉา ตอนนี้พวกเขาก็เป็นพี่ชายและพ่อของเจ้าแล้ว”
กู้เจียว “ถ้างั้นข้าขออิจฉาตัวเองหน่อย”
เซียวเหิงหัวเราะ
กู้เจียวเอ่ย “ท่านชายหมิงเย่ว์เป็นถึงนายน้อยของเจี้ยนหลู ถ้าเช่นนี่นเขากับหลงอียังเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันอย่างนั้นสิ”
เซียวเหิงตอบรับ “ใช่ พ่อของเขาเป็นอาจารย์ของหลงอีและวิญญาณทมิฬ ทั้งหลงอีและวิญญาณทมิฬเป็นเด็กกำพร้า และเป็นเด็กกลุ่มแรกๆ ที่รอดชีวิตจากพิษหญ้าจื่อเฉ่า”
กู้เจียวถาม “คนของเจี้ยนหลูใช้พิษหญ้าจื่อเฉ่ามาฝึกฝนคนหรือ”
เซียวเหิงเอ่ย “เขาเองก็ไม่แน่ใจ เขาแค่บอกว่ามีความเป็นไปได้”
สถานการณ์ของท่านชายหมิงเย่ว์ค่อนข้างคล้ายกับฉังจิ่ง ทั้งคู่ต่างก็อยู่บนเกาะ และเป็นนายน้อยของสำนักลับที่ตัดขาดจากโลกภายนอก
แต่สถานการณ์ของท่านชายหมิงเย่ว์ไม่ค่อยดีเท่าฉังจิ่ง เขาไม่ใช่ลูกของนายหญิงแห่งเกาะ
นายหญิงของเกาะไม่สามารถมีลูกได้ จึงรับหลานชายมาเลี้ยงจากบ้านเกิด หวังให้เขารับช่วงต่อเจี้ยนหลู แต่ไม่นาน สาวใช้คนหนึ่งบนเกาะก็ให้กำเนิดบุตรชายให้กับท่านเจ้าของเกาะ
ท่านชายหมิงเย่ว์ออกจากเกาะโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อค้นหาหญ้าจื่อเฉ่าชนิดใหม่ แต่ไม่นานหลังจากออกจากเกาะ เขาก็ถูกไล่ล่า ไม่เพียงแต่ทำดาบนิลบุหลันหาย แต่ยังโดนพิษของอีกฝ่าย
พิษชนิดนี้มาจากเกาะ หากต้องการถอนพิษต้องกลับไป
แต่ถ้าไม่มีดาบนิลบุหลัน เขาก็ไม่ฝ่ากลไกทางเข้าเกาะได้
กู้เจียวแจ่มแจ้ง “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”
เซียวเหิงเอ่ย “หมิงเย่ว์บอกว่าถ้าไม่ฝึกกำลังภายใน พิษนี้จะออกฤทธิ์ช้ามาก แต่เมื่อใดที่ใช้กำลังภายใน ก็จะกระตุ้นให้เกิดพิษจำนวนมาก”
“ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่สู้กับพวกเรา” กู้เจียวลูบคาง “อยากรู้จริงๆ ว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน ข้ายังมีข้อสงสัยอีกข้อ ถ้ากลไกบนเกาะเปิดได้ด้วยดาบของเจ้าสำนักเท่านั้น แล้วคนอื่นๆ จะกลับไปที่เกาะได้อย่างไร”
“กลับไม่ได้” เซียวเหิงเอ่ย “ในอดีต เมื่อคนบนเกาะออกไปทำธุระข้างนอก เมื่อกลับมาเพียงแค่ส่งสัญญาณ ก็จะมีศิษย์ถือดาบนิลบุหลันไปเปิดกลไก ตั้งแต่ดาบนิลบุหลันหายไป กลไกก็ไม่เคยเปิดอีกเลย คนบนเกาะมีแต่ขาออก ไม่มีขาเข้า”
กู้เจียวขมวดคิ้วเมื่อคิดอะไรบางอย่าง “งั้นหลงอีก็กลับไปไม่ได้แล้วสิ”
เซียวเหิงเอ่ย “สิ่งที่เขาเอ่ยคือข้อเท็จจริงที่เขารู้ แต่อาจมีบางสิ่งบนเกาะที่เขาไม่รู้”
กู้เจียวคิดว่ามันสมเหตุสมผลแล้ว
เซียวเหิงเอ่ยต่อ “ไม่ว่าอย่างไร ยามนี้นายน้อยแห่งเจี้ยนหลูก็อยู่ในกำมือของพวกเราแล้ว วันหน้าหากจะลงมือย่อมง่ายกว่าเดิมมากโข”
กู้เจียวพยักหน้า “อืม”
เอ่ยตามตรง เรื่องราวครั้งนี้เกิดขึ้นกะทันหันนัก แต่นางกลับไม่รู้สึกว่ายากลำบากเลย บางทีช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดอาจผ่านไปแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่ต้องระแวงระวังอีกต่อไป
“มีแผนหรือยัง” นางถาม
เซียวเหิงบอกผลการหารือของสามพ่อลูก “มีสองแผน หนึ่ง ปล่อยข่าวเรื่องดาบนิลบุหลัน ล่อคนของเจี้ยนหลูออกมาตามหา สอง ไปเจี้ยนหลูด้วยตัวเอง เจี้ยนหลูอยู่ไม่ไกลจากเกาะอั้นเย่ ถ้าแผนแรกไม่ได้ผล พ่อข้าบอกว่าเขาจะออกเดินทาง และจะไปเยี่ยมฉังจิ่งด้วย”
…
เสี่ยวจิ้งคงเล่นกับซ่างกวานชิ่งจนหมดแรง หลังจากอาบน้ำ ร่างทั้งร่างก็อ่อนเปลี้ยเพลียแรง
เขากอดหมอนใบเล็กของตัวเองแล้วมาที่ห้องหอ
กู้เจียวคิดว่าเขาจะนอนกับนาง แต่เขากลับขยี้ตา หาวเล็กน้อย แล้วเอ่ย “เจียวเจียว ข้าจะไปนอนแล้ว เจอกันพรุ่งนี้นะ”
กู้เจียวเอ่ยตะกุกตะกัก “เอ่อ ได้ เจอกันพรุ่งนี้”
เสี่ยวจิ้งคงออกไปพร้อมกับกอดหมอนใบเล็กด้วยใบหน้าง่วงงุน
เซียวเหิงเริ่มฝึกให้เสี่ยวจิ้งคงนอนคนเดียวมาสามเดือนแล้ว ตอนนี้ได้ผลดีมาก
เด็กๆ ต้องเติบโต ต้องแยกจากพ่อแม่ ต้องเรียนรู้ที่จะสยายปีกของตัวเอง
…
วันรุ่งขึ้น หลังจากส่งเสี่ยวจิ้งคงไปโรงเรียนแล้ว กู้เจียวและเซียวเหิงก็ไปที่ตรอกปี้สุ่ย
สำนักบัณฑิตชิงเหอหยุดเรียนวันนี้ กู้เหยี่ยนและกู้เสี่ยวซุ่นอยู่ที่บ้าน
ทั้งสองดีใจมากที่ได้เจอกู้เจียวและพี่เขย
กู้เสี่ยวซุ่นวางถังน้ำที่ตักได้ครึ่งหนึ่ง แล้วเดินเข้ามาพลางเอ่ย “พี่สาว ไม่ใช่ว่าเพิ่งกลับมาหรือ ทำไมถึงได้กลับมาอีกแล้ว”
กู้เจียวเลิกคิ้ว “เจ้าไม่อยากเจอข้าหรือ”
“ไม่ใช่! ข้า…ข้า…” กู้เสี่ยวซุ่นเกาศีรษะ เอ่ยเสียงตะกุกตะกัก ไม่รู้จะเอ่ยอย่างไร
เขาชอบพี่สาวจะตายไป อยากเจอนางทุกวัน เขากลัวว่าถ้าพี่สาวไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จะทำให้พ่อแม่สามีไม่พอใจ
องค์หญิงซิ่นหยางเป็นแม่สามีที่ใจกว้าง ถ้ากู้เจียวเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหนจริงๆ นั่นแหละที่จะทำให้ท่านเป็นห่วง
ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้เป็นวันพิเศษ
กู้เหยี่ยนรู้แต่ไม่ได้เอ่ยอะไร ทักทายพี่สาวและพี่เขย แล้วมองออกไปข้างนอก
“โน่น” กู้เหยี่ยนส่งสายตาให้กู้เสี่ยวซุ่นมองออกไปข้างนอก
กู้เสี่ยวซุ่นมองดูดีๆ ก็เห็นรถม้าอีกคันจอดอยู่หน้าบ้าน ฉินกงกงที่ปลอมตัวมา พยุงท่านย่าที่แต่งตัวเป็นหญิงชราลงมาจากรถม้า
“ท่านย่า!” ดวงตาของกู้เสี่ยวซุ่นเป็นประกาย “เท้าของท่านหายดีแล้วหรือ”
ฉินกงกงแก้ตัว “คนที่เจ็บเท้าคือข้า”
ไทเฮาตกบันได เขาจำต้องกลายเป็นเบาะรองหนังมนุษย์
กู้เสี่ยวซุ่น “…”
กู้เสี่ยวซุ่นกระแอมเบาๆ แล้วถาม “เท้าของฉินกงกงหายดีแล้วหรือ”
ฉินกงกงเดินกะเผลกเข้ามาในบ้าน แล้วส่งสายตาให้กู้เสี่ยวซุ่นไปคิดเอาเอง ท่าทางเกินจริง
“ฉินกงกงอารมณ์ไม่ดีด้วยหรือ” กู้เสี่ยวซุ่นเกาศีรษะ แล้วเอ่ยกับท่านย่าที่เหงื่อท่วมตัว แทบจะเป็นลมแดด “อากาศร้อนๆ แบบนี้ท่านไม่ชอบออกไปข้างนอกไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมาเล่นไพ่นกกระจอก”
“ไพ่นกกระจอกรึ เหอะๆ” ไทเฮาจวงจ้องเขาอย่างไม่พอใจ แล้วเข้าไปในบ้านด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
กู้เหยี่ยนเอ่ยกับเขา “เจ้าโง่” เอ่ยจบก็เข้าไปในบ้าน
กู้เสี่ยวซุ่นทำหน้างง “นี่มันอะไรกัน”
กู้เจียวยิ้มมุมปาก “ลืมวันเกิดตัวเองแล้วหรือ”
วันเกิด… ของเขา
กู้เสี่ยวซุ่นตกตะลึง
เด็กๆ ในบ้านมีห้าคน กู้เจียวและกู้เหยี่ยนเป็นฝาแฝด วันเกิดของเซียวเหิงและเสี่ยวจิ้งคงคือวันส่งท้ายปีเก่า จำง่ายมาก
มีแต่วันเกิดของเขาที่โดดเดี่ยว ไม่ใช่วันพิเศษใดๆ เหมือนกับตัวเขา
“วันเกิดเล็กๆ จะมีอะไรให้น่าฉลอง…”
เขาพึมพำ ปลายจมูกแสบร้อน ดวงตาก็ร้อนผ่าว
ช่วงนี้ที่บ้านยุ่งอยู่กับเรื่องแต่งงานของพี่สาวกับพี่เขย แม้แต่ตัวเขาเองก็ลืมเรื่องวันเกิดไป
“ไม่จริงกระมัง กู้เสี่ยวซุ่น เจ้าร้องไห้หรือ”
กู้เหยี่ยนไม่รู้ว่าโผล่มาจากข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
กู้เสี่ยวซุ่นรีบเช็ดน้ำตาแล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “ข้าไม่ได้ร้อง ข้าเป็นลูกผู้ชาย จะร้องไห้ได้อย่างไร”
กู้เหยี่ยนสูดหายใจ “ขนยังไม่ขึ้นเลย! ยังกล้าเรียกตัวเองว่าลูกผู้ชาย!”
กู้เสี่ยวซุ่นถามกลับ “แล้วขนของเจ้าขึ้นหมดแล้วหรือ”
กู้เหยี่ยนมั่นใจมาก “ข้าแก่กว่าเจ้า!”
กู้เสี่ยวซุ่นยื่นนิ้วออกมาหนึ่งนิ้ว “แค่ปีเดียว!”
กู้เหยี่ยนมองฟ้าด้วยตาสองข้าง “ยังไงก็แก่กว่า!”
ทั้งสองทะเลาะกัน อวี้หยาเอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก “แย่แล้ว! เกิดเรื่องแล้ว!”
กู้เจียวได้ยินเสียงก็เดินออกมาจากห้อง ถามอวี้หยาเอ๋อร์ “เกิดอะไรขึ้น”
อวี้หยาเอ๋อร์วิ่งไปหากู้เจียว จับแขนนางไว้แน่น แล้วร้องไห้เอ่ยไม่ได้ศัพท์ “ฮูหยินพาท่านชายน้อย… ไปซื้อขนมที่ร้านน้ำชา… ร้านน้ำชาเกิดไฟไหม้… ท่านชายน้อยกับฮูหยินติดอยู่ข้างใน… ออกมาไม่ได้!”